ยกระดับงานควบคู่กับการเรียนรู้ แบ่งเป็น 3 ตอน
ตอนที่ 3
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ การรอคอยในสถานภาพหัวโขนที่แตกต่าง... ตัวผู้เขียนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแสดงความรับผิดชอบ แม้ทางความคิดคำนึง ผู้เขียนต้องเริ่มคิดหยิบฉวย "สิ่งที่มองไม่เห็น" จากที่ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร นำมาสร้างคุณค่าและมูลค่าให้แก่องค์กร
ต้นกล้าไม้ ที่นำมาฟื้นฟู เจริญเติบโตมีความสดชื่น ผู้เขียนจึงชักชวนปลูกในวันเด็ก เป็นกิจกรรมรวมน้ำใจแรก ในภาคที่ 2 ของผู้เขียน เพื่อทดสอบ ภาวะ มุมมอง ทัศนคติ ความเป็นทีมของพนักงานและผู้จัดการฯ ผู้เขียนได้อ่านข้อมูลทางการบริหารมากมาย ในกิจกรรมนี้ สุดท้ายต้นไม้เหล่านั้นตายด้วยมือของพนักงานเอง ผู้เขียนเริ่มมองกลุ่มสร้าง กลุ่มรักษา ... ผู้เขียนมิรู้ว่า วันนี้จะเหลือต้นไม้เหล่านั้นหรือไม่? แบบไหน? อย่างไร? เพราะผู้เขียนมองต้นไม้เหล่านั้นเป็นตัวแทนพนักงานนั่นเอง
ผู้เขียนคิดว่าจะกระตุ้นให้พนักงาน ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรและตัวพนักงานเองในภาวะที่โลกภายนอกกำลังเปลี่ยนแปลง ผู้เขียนจึงเริ่มลงมือ ต้นปีพุทธศักราช 2551 จากที่ผู้เขียนทิ้งวิชาการเรื่องนี้ที่บอร์ดสื่อสารช่วงปลายปีพุทธศักราช 2550 พนักงานยังไม่สนใจก็ไม่มีประโยชน์ เจ้านายสนับสนุนแนวความคิดนี้ จึงมีการทำหนังสือติดต่อประสานงานพาพนักงานเข้าทัศนศึกษาดูงานโครงการเกษตรพอเพียง ในโครงการลูกพระดาบส จังหวัดสมุทรปราการ ผู้เขียนเตรียมอ้อยในไร่ที่ยังพอมี เป็นของฝากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ บริษัทฯสนับสนุน ค่าเช่ารถเดินทางและค่าอาหารกลางวันสำหรับพนักงาน พวกเราได้แวะ เมืองโบราณนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ โดยไม่เสียค่าผ่านทางในวันนั้น นับเป็นของแถมทางจิตใจ ผู้เขียนก็ได้เห็นรายละเอียดเล็กน้อยอีกมากมายของเพื่อนพนักงาน ในการเดินทางนี้ ได้เห็นความพร้อมเพรียง เมื่อพนักงานได้รับคำสั่งที่ชัดเจน ความกระตือรือร้น ใส่ใจ ในความเด่นของแต่ละคน เมื่อกลับถึงโรงงาน ในวันรุ่งขึ้น พวกเราทำการทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ และสิ่งที่จะลงมือทำ ผู้เขียนให้พนักงานหาคำจำกัดความของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเอง เพื่อนำมาใช้ให้เหมาะสมกับภาวะการณ์ที่ต้องเผชิญ
ดอกบานชื่น ดอกหงอนไก่ ถูกขยายพันธุ์มาปลูก หน้าห้องพนักงานช่างซ่อมบำรุง ซึ่งต่อมาถูกเสริมด้วยพืชผักสวนครัว และดอกดาวเรือง พนักงานช่างฯสามารถขยายผลต่อ หลังจากการดูงานมูลนิธิลูกพระดาบส ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวฝั่งพื้นที่ตรงกันข้ามแบบเนียนไปกับธรรมชาติ พนักงานกลุ่มที่เหลือมีการพัฒนาติดตามมาตามลำดับ การพัฒนาเริ่มจากมุมมอง ความนึกคิดของคนผสานกับการบริหารจัดการจริงๆ
การเชิญวิทยากรจากจังหวัดนครปฐม มาบรรยายเรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการตอกย้ำพนักงานในแง่วิชาการ และสร้างความสัมพันธ์เชิงท้องถิ่น ในวันนี้ผู้เขียนเน้นกับพนักงาน เรื่องการออมทรัพย์ ซึ่งย้อนเวลากลับไป ได้มีการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ + 0.25 %ให้พนักงาน ท่านละ 200 บาท ฟรี ATM ปีแรก ฟรี ประกันอุบัติเหตุ วงเงิน 50000 บาท 6 เดือน ฟรีของชำร่วย แต่พนักงานนิยมถอนใช้จนหมด แน่นอน เริ่มต้นพนักงานมักเข้าใจว่า เงิน แหล่งเงิน คือ การแก้ไข ... แต่ผู้เขียนกระทำให้เขาคิดว่าใช่หรือไม่?
เรามีการจัดบอร์ด ประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และปรัชญาในการดำเนินชีวิต ทันสมัยอยู่เสมอ จน ณ วันหนึ่ง เป็นที่รวมของของพนักงาน ในการติดตามข่าวสาร มีการเตรียมหนังสือ สำหรับพนักงานเลือกอ่านได้....พนักงานช่วยกันทำน้ำพุที่สระน้ำ ติดกับห้องอาหาร พนักงานเอาบัว และ จอกแหน ผักบุ้งมาใส่ไว้ มีปลาที่เจ้านายซื้อมาปล่อยและพนักงานเอามาจากบ้าน ฯลฯ เป็นบรรยากาศแห่งความสุข สนุกสนาน ไมตรีจิตมิตรภาพ และแรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจในการริเริ่มโครงการ สหกรณ์น้ำดื่มเกิดจากการที่สำนักงานโรงงานฯไม่มีเงินสดย่อยสำหรับใช้จ่ายเล็กน้อยเลย พนักงานจึงร่วมกันคิดขายเครื่องดื่มที่พนักงานนิยม โดยใช้ตู้เย็นที่นำมาจากเมืองนอก ทำน้ำแข็งเองสำหรับบริการพนักงาน จนกิจการมีกำไรเล็กน้อยสะสมเป็นจำนวนร้อยจำนวนพันบาท พอจะใช้แก้ขัดยามฉุกเฉิน มีการจัดทำบัญชีที่ชัดเจน และได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายบริหาร และพนักงาน จนกระทั่งพัฒนาเป็นเรื่องการออมทรัพย์ซึ่งมีการประชุมกลุ่มเพื่อดำเนินการจัดทำเป็นสหกรณ์ ภายในชุมชนที่มีภาวะกดดันบางอย่างกลับเกิดสิ่งพิเศษที่คาดไม่ถึงอีกหลายอย่าง มีการช่วยเจรจาจัดการหนี้ให้กับพนักงาน การให้ความรู้เรื่องการจัดการหนี้จากประสบการณ์จริงของผู้บริหาร การช่วยให้คำปรึกษาแนะนำโดยไม่ได้มีการรังเกียจพนักงานที่เป็นหนี้ ประสบการณ์ของผู้อาวุโสในการจัดการกับหนี้บัตรเครดิต เป็นองค์ความรู้หนึ่งที่มีประโยชน์ ณ เวลานั้น และฝ่ายบริหารสนับสนุนให้มีการปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความรู้ในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
กิจกรรมทำอาหารเกิดขึ้นบ่อยครั้งตามแต่ละกลุ่มของพนักงาน ผู้เขียนมีโอกาสได้ชิมรสชาติทุกกลุ่ม ทำให้รู้จักพวกเขามากขึ้นโดยมิต้องเจรจาพาที
ในวันที่ผู้เขียนรู้สึกว่า เราไม่มีงานอะไรทำเลย เพราะคิดทำจนเริ่มมืดแปดด้าน ผู้เขียนจึงเดินไปเก็บดอกรัก และขอดอกดาวเรืองที่หน้าห้องช่างฯ ซึ่งคงจะโรยราในไม่ช้า
ผู้เขียนได้เก็บดอกดาวเรืองและดอกรักมาร้อยมาลัย ได้ 8 พวง ใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็ม... มาลัยเหล่านี้ผู้เขียนจะเอาไปลองฝากขายที่หน้าวัดในเมือง แต่กลับต้องเปลี่ยนใจนำไปถวายองค์พระ ที่วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ในเช้าวันถัดมา ผู้เขียนบอกองค์พระพุทธรูปว่า มาลัย เป็นทรัพยากรในโรงงาน ที่ผู้เขียนเป็นตัวแทนนำมาถวายเพื่อทำบุญ อย่างน้อยสมาชิกในโรงงานน่าจะมีกำลังใจที่เข้มแข็งก็เพียงพอ
ผู้เขียนได้จัดส่งพนักงานเข้าร่วมอบรม Public Training ตามที่ฝ่ายบริหารส่งข้อมูลให้พิจารณา การจัดส่งพนักงานเข้าอบรมโครงการต่อต้านยาเสพติด(โรงงานสีขาว)กับทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่จังหวัดกาญจนบุรี และเรื่องการดำรงชีวิตของพนักงาน เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนสำรวจความต้องการอดบุหรี่ของพนักงาน โดยไม่ได้ตำหนิพวกเขา ผู้เขียนพบว่า ช่วงที่มีภาวะเคร่งเครียด จะพบก้นบุหรี่จำนวนมาก และพบได้ในห้องน้ำ ผลการสำรวจทำให้ผู้เขียนได้ติดต่อขอน้ำยาบ้วนปากสำหรับช่วยอดบุหรี่ จากโรงพยาบาลนครปฐม ฟรี ให้พนักงาน
โครงการ ช่วยทหารมีงานทำหลังเกษียณราชการ / ปลดประจำการ เกิดขึ้น เมื่อผู้เขียนได้เข้าประชาสัมพันธ์ ที่กองพลทหารช่าง ค่ายบุรฉัตร และ กรมการทหารช่าง ค่ายภาณุรังษี จังหวัดราชบุรี หลังจากเข้าพบ นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน จังหวัดทหารบกราชบุรี และได้ทำจดหมายติดต่อจนได้รับการตอบรับ สิ่งนี้เพื่อจัดการเรื่องการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากพนักงานท้องถิ่นที่ถูกจัดจ้างผ่านผู้รับจ้างช่วง ยังขาดวินัยอยู่มาก ผู้เขียนก็คาดหวังให้ Supplier ได้มีการพัฒนาการทำงานไปด้วย
โครงการสุดท้าย ผู้เขียนเตรียมเรื่อง การตรวจสุขภาพฟรี โดยโรงพยาบาลนครปฐม ตามโครงการส่งเสริมสุขภาพในสถานประกอบการให้กับผู้ประกันตนที่มีบัตรประกันสังคม แต่คงมีพนักงานไปร่วมได้จำเพาะบุคคล ผู้เขียนก็ไม่มีเงินพอจะให้พนักงานเป็นค่าเดินทาง และต้องอยู่โยง ไม่สามารถร่วมเดินทางกับพวกเขา
ตอนนี้ผู้เขียนจำไม่ได้ว่าพนักงานเคยว่า และนินทาผู้เขียนว่าอย่างไรบ้าง? แต่ผู้เขียนจำได้ถึงภาพแห่งความสุขของเขา วันที่เขาสดใส เอื้ออาทร ใฝ่เรียนรู้
ผู้เขียนจัด Activity พร้อมกับสำรวจพนักงาน สามารถรวมกันเป็นกลุ่มก้อนได้หรือไม่ คำตอบ คือ ไม่ได้ ผู้เขียนนับกลุ่ม ซึ่งมีประมาณ 4-5 กลุ่ม ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่เป็นด้วยเหตุปัจจัยที่ผู้เขียนเข้าใจ แล้วลองใส่โจทย์ทุกกลุ่ม หรือผสานกลุ่ม แล้ววัดผลการพัฒนาทางความคิด การนึก ผู้เขียนพบว่าการพัฒนาให้ผลที่ดีมาก ในกลุ่มที่เปิดรับและมีมุมมองส่วนบุคคลในแง่ดีมากกว่าแง่ร้าย รู้จักการแบ่งปัน และให้อภัย มีหัวหน้าทีม มีการสื่อสารที่ดี โดยไม่เกี่ยวกับเรื่อง IQ ประสบการณ์การทำงานมากหรือน้อย เป็นมืออาชีพ หรือไม่เป็นมืออาชีพ ชอบเรียนรู้หรือไม่? แต่โดยภาพรวม ทุกกลุ่มมีการพัฒนาทั้งหมด และคนจะให้ความสำคัญกับการสื่อสาร พวกเขาจะคอยฟังจากสื่อไม่ว่าโดยวิธีใด เพื่อรับทราบปฏิกิริยาจากผู้เขียน และแสดงพฤติกรรมตอบทันที ผู้เขียนสนุกกับการสื่อสารแบบนิทานเวตาลในระยะเวลาหนึ่ง ในยุคสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยี ...ผู้เขียนเลิกสนุก เพราะไม่ชอบการรับรู้ข้อมูลของผู้รับแบบไม่ธรรมชาติ เพราะผู้เขียนต้องระมัดระวังในการทำร้ายผู้ที่ยังขาดพื้นฐานโดยไม่ตั้งใจ แต่เสพข้อมูลข่าวสารจากสื่อเทคโนโลยีตามธรรมดาของคน และยังมีผลให้ขับคลื่อนงานที่จำเป็นขององค์กรได้ยากทุกที เข้าทำนองใช้เครื่องมือที่เป็นดาบสองคมต้องระมัดระวัง
การใช้เทคโนโลยี กับการเก็บระบบฐานข้อมูล หรือการส่งผ่าน Information ผู้รับ ผู้ส่ง ผู้อ่าน ผู้ตีความ ผู้ถูกจับ Information ที่รู้ว่าถูกจับอยู่ กับผู้ที่ไม่รู้ ผู้อ่านยากในการตีความ เพราะ information จะเบี่ยงเบน และถูกสร้างขึ้น ขาดความเป็นธรรมชาติ เกิดความชุลมุนวุ่นวายในองค์กร เฉกเช่นละครฉากหนึ่ง
ไม่ว่าในองค์กรจะเป็นเช่นไร ...การเข้าใจสภาพที่เป็นจริงของพนักงาน ก็สามารถทำงานพัฒนาร่วมกับเขาได้ทุกรูปแบบ และวัดได้ว่ามีการพัฒนาจริง