ผู้เล่าเรื่อง อยากสะท้อน เกี่ยวกับชีวิตตัวเอง ว่า v แม่จากเราไปเมื่อเราอายุได้ 13 ขวบ v เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และเรายังเด็กมาก คิดอะไรไม่เป็น ในขณะนั้น v แต่โชคดี ที่มี “พ่อ” คือผู้ให้ทุกอย่างแก่เรา ตั้งแต่เด็กจนโต จนถึงวัยเข้าทำงาน ตลอดชีวิตจากเด็ก สู่ วัยรุ่น สู่วัยทำงาน เรามี “พ่อ” เพียงคนเดียว ที่เป็นที่พึ่งตลอดเวลาแก่เรา v มาในปี พ.ศ. 2546 “คุณพ่อ” ก็จากเราไป ด้วยอายุขัย ท่านอายุได้82 ปี ขออานุโมทนา สาธุ...สรรพสิ่งทั้งหลายในโลก ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า... สิ่งสะท้อน เมื่อเราอายุได้ 10-13 ขวบ (เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 3-7) ในขณะที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่สอนให้เราทำ v รู้จักค้าขาย หาบปลาทูขายในหมู่บ้านทุกวัน v ตอนเย็น มีงานวัด ต้องนำของไปขายทุกวัน เช่น ลูกชิ้นทอด เครื่องดื่มทุกชนิดที่งานวัดเขาเลือกซื้อกัน ส้มตำ ผัดหมี่ ฯลฯ v กลับมาถึงบ้าน ต้องเช็ครายการของขายได้ และรายได้ รายจ่าย เพื่อจะต้องวางแผนในวันต่อไปว่า จะต้องซื้อของอะไรบ้าง ทั้งของขายในภาคเช้า และภาคเย็น ในแต่ละวัน v หากอะไรขายไม่ดี แม่ก็ไม่เอามาขาย เพราะเสียเวลา เราจะต้องเอาอะไรที่คุ้มค่าที่สุดมาขาย เพื่อไม่ให้เสียเวลา v แม่พาลูก ๆ ทำเช่นนี้ เป็นงานประจำ ทุกวัน ที่อยู่กับแม่ v หากวันใด ปลอดงานเทศกาลวัด หรืองานในบ้าน ที่แม่ไม่ให้ทำ เราก็คิดอยากไปทำงานกับเพื่อน ๆ เช่น ไปหาปลา กบ เขียด สับหน่อไม้ หาของป่า ตามประสา เด็กบ้านนอก “เด็กชนบท” ฯลฯ v พ่อเคยขอร้องว่า ว่า “อย่าทำเลย” อยากกินอะไร พ่อจะซื้อมาให้ v แต่พ่อหารู้ไม่ว่า “สิ่งที่เราทำนั้น มีความสุขกับชีวิตมาก” ได้สัมผัสกับธรรมชาติ ได้เรียนรู้ตลอดชีวิต ได้รู้จักเรียนรู้ประสบการณ์ การพึ่งตนเอง การเอาตัวรอดของชีวิต การอดทน อดกลั้น การปรับตัวเข้ากับสังคม ฯลฯ ได้ทุกอย่างของชีวิต มีเหตุการณ์ ที่อยากจะสะท้อน ว่า แม่ให้อะไรแก่เราบ้าง v รู้จักค้าขาย หาบปลาทูขายในหมู่บ้านทุกวัน v สิ่งที่ได้รับคือ ชาวบ้านที่ซื้อปลาทู บอกว่า ขอเซ็นเชื่อไว้ก่อน วันต่อไปจะจ่าย v เราก็โมโห เพราะเหนื่อยในการหาบปลาทู v ไปบอกแม่ว่า ทำไมเขาไม่จ่าย v แม่บอกว่า “คนเราต้องพึ่งพากัน ลูกเอ้ย!!” เขาไม่มี ก็คือไม่มี วันต่อไปเขาก็คงมี เพราะเขาทำมาหากิน v เราก็ได้ แต่คิดว่า ทำไมล่ะ... v แม่บอกว่า “คนเราฐานะไม่เหมือนกัน แต่ยามทุกข์ เราก็พึ่งพากัน ยามเจ็บไข้ได้ป่วย เราก็พึ่งพากัน ชีวิตคนเราก็เท่านี้ เขาไม่มีวันนี้ วันหน้า เขาก็คงมีแหล่ะ อย่าพึ่งด่วนว่า เขาแย่..เลย...” v นี่คือ ของขวัญที่ฉันได้รับจากแม่ “ว่า คนเรา อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจว่า ใครเป็นอย่างไร คนเราต้องพึ่งพากันอยู่ ไม่ใช่ในเวลานี้ ก็ต้องเป็นอีกเวลาหนึ่ง v สุดท้าย วันที่แม่ป่วยหนัก “ชาวบ้านที่แม่ให้ความดูแลเขา เขามาเยี่ยมแม่ที่บ้าน และบอกว่า แม่คือผู้ให้ทุกสิ่งอย่างไม่เคยหวังอะไรตอบแทนจากเขา เขาปลื้มใจ และนับถือ ศรัทธาน้ำใจแม่ อันประเสริฐยิ่งนักเป็นที่สุด..” v ทุกวันนี้ ชาวบ้านบอกว่า “อยากให้คนที่มีจิตใจงามเหมือนแม่ หายากยิ่งนัก”... นี่คือ อีก เหตุการณ์ที่ อยากบอกเล่าว่า ชีวิตคนเล่า ไม่ต้องการอะไรมาก นอกจากความดี ที่จะต้องนำติดตัวไปตลอดชีวิต v แม่สอนให้เรารู้ว่า “อย่านิ่งเฉย เวลาของชีวิตมีค่าเสมอ” จำไว้นะลูก แม้ว่า แม่จะจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่ทุกสิ่งอย่าง ไม่มีอะไรลิขิตให้เป็นได้ดั่งใจ คำว่า “แม่” นั้นสำคัญไฉน.... แม่ ..... คือ ผู้เสียสละ ทั้งชีวิต เพื่อลูก แม่ ..... คือ ผู้ให้ลูกได้แม้ชีวิต ที่เหลืออยู่ แม่ ..... คือ ผู้ต้องการเห็นแค่ว่า “ลูกอยู่สุขสบาย” แม่ก็ภูมิใจแล้ว แม่ ..... คือ ผู้มีพระคุณล้นฟ้า ต่อ บุตรธิดา ทุกคน อยากบอกลูก ๆ ทุกคน และเราเองก็ในนามลูก ก็ขอให้ “แม่” จงอโหสิกรรม แก่ลูก ๆ เวรและกรรม ที่เคยก่อ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้แม่ไม่สบายใจ ขออย่าให้ลูก ได้รับกรรม นั้น ไม่ว่า ภพใด ๆ ต่อไปอีกเลย แม้ว่า ในภพนี้ หรือภพหน้า แม่ ก็ยังเป็นผู้มีพระคุณชีวิต ของลูกตลอดกาล ขอส่ง ข้อความเหล่านี้ ถึงลูก ๆ ทุกคน ขอระลึกถึง “พระคุณแม่” ยิ่งกว่า สิ่งใด ๆในโลก หาที่เปรียบไม่ได้ ขอบคุณค่ะ ค่ะ
แม่มานี ของ JJ สอนให้เป็น "ผู้ให้" ครับ คิดถึงแม่ครับ
ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่
สวัสดีคะอาจารย์
"พระคุณแม่" ยิ่งใหญ่หาใดเทียบได้
กราบระลึกถึงพระคุณแม่ด้วยกันนะค่ะ