.
ยังฮือฮากันไม่เลิกสำหรับต้นพญาวานร เป็นที่ต้องการสรรหามาปลูกกันอยู่เรื่อยๆ
สืบเนื่องมาจากตำรวจท่านหนึ่งได้ตรวจร่างกายประจำปีตามระเบียบที่ปฏิบัติกันมา
ผลปรากฏว่าทั้งระดับน้ำตาล ทั้งความดัน สูงเกินปกติ สมควรที่ต้องมาพบแพทย์เพื่อรับ
ยาและโปรแกรมที่จะบำบัด ท่านผู้นี้ก็รับรู้ถึงสภาพร่างกาย นัยว่า รอให้อายุราชการได้ตามเกณฑ์ก่อน
แล้วจะเกษียณก่อนกำหนด หลังจากนั้นผ่านไปประมาณปีกว่าได้มีการตรวจร่างกายอีก
ผลออกมาน่าพอใจ ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผมนึกสงสัยก็เลยถามว่าไปรักษากับหมอไหนมา ท่านตอบไม่ได้รักษาที่ไหนเลย ว่าจะไปพบหมอก็ผลัดแล้วผลัดอีกก็เลยไม่ได้ไปจนทุกวันนี้
อ๋อ...ถ้างั้นคงเลิกเหล้า
ก็ไม่ได้เลิกนะ ถ้าเข้ากลุ่มเพื่อนก็ตั้งวงดวดจนเมาเหมือนกัน คงเป็นเพราะเรามีเวลาออกกำลังกายมากขึ้น อีกอย่างคือตื่นมาตอนเช้าก็กินใบพรรณนี้
ไหน ใบอะไร
แล้วผมก็ถึงบางอ้อ...
...
เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหาผมได้ลอกข้อความมาจากลิ้งค์นี้มาลงต่อเลยครับ http://www.samunpri.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=137&highlight=
...........
สรรพคุณและขนาดการใช้ใบว่านลิง(พญาวานร,ฮว่านง็อก) (2521)
มีคนสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทางวิชาการของฮว่านง็อกมาเยอะครับ อยากจะบอกว่าปัจจุบันในไทยยังไม่มีข้อมูลนะครับ ได้ความว่าเนื่องจากเป็นสมุนไพรของเวียดนาม...บริษัทยาในญี่ปุ่น อเมริกา คว้าไปแล้วครับ สำหรับคนที่ต้องการความแน่ใจทางวิชาการและใช้ในรูปยาแผนปัจจุบันคงต้องอดใจรออีก หลายๆปีนะครับ กว่าจะทำมาให้เราซื้อสำหรับประเทศไทยไม่หวังอะไรหรอกครับ ดูจากเปล้าน้อย กวาวเครือขาว ไม่เห็นจะเข็ดกันสักที ตื่นตูมช่วงนึงแล้วเรื่องก็เงียบ รัฐบาลไม่เห็นความสำคัญในการแก้ปัญหา วัวหายล้อมคอก ไม่มีการสนับสนุนการวิจัยอย่างแท้จริง(เงินทุน) คนไทยเราเก่งนะครับ บุคคลากรมีความสามารถ แต่ เราไม่มีเงินครับ การวิจัยต้องใช้เวลา เงินทุน และอุปกรณ์ที่พร้อม ทันสมัย
คำถาม รัฐบาลไทยสนุบสนุนตรงนี้หรือเปล่าครับ? บริษัทยาต่างประเทศเค้าทุนหนา ถึงได้วิจัยแล้วจดสิทธิบัตรไปไงครับ เราก็อ้าปากหวอ ดูเค้าเอาไปกอด แล้วมาเต้นแร้งเต้นกาทีหลัง เปล่าประโยชน์ครับ มีตั้งนานไม่ทำไม่เห็นความสำคัญ คนไทยก็ควักกระเป๋าซื้อยาเค้ามาใช้ ที่เขียนมายืดยาวคือจะอธิบายว่าทำไมไม่มีข้อมูลวิชาการสนับสนุน แต่ทางมหาวิทยาลัยอาจจะมีการศึกษาบางส่วนครับ
สรรพคุณของต้นสมุนไพร (จากเอกสาร ฮานอย 2-9-1995 ถ่ายทอดจากต้นฉบับจริง) 1.รักษาคนสูงอายุ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ทำงานหนัก เกิดประสาทหลอน 2.รักษาไข้หวัด ความดันโลหิตสูง ท้องไส้ไม่ปกติ 3.รักษาบาดแผล เคล็ดขัดยอก กระดูกหัก 4.รักษาอาการทางเดินอาหารไม่ปกติ 5.รักษาอาการโรคกระเพาะอาหาร โรคเลือดออกในลำไส้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ 6.รักษาอาการคอพอก ตับอักเสบ 7.รักษาอาการไตอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่นข้น 8.รักษาอาการโรคมะเร็งปอด อาการปวดต่างๆที่ไม่ทราบสาเหตุ ให้รับประทานต่อไป 100-200 ใบ อาการจะหายขาด 9.รักษาโรคตาทุกชนิด เช่น ตาแดง ตาต้อ ตาห้อเลือด 10.รักษาอาการมดลูกหย่อนของหญิงคลอดบุตรใหม่ ให้ผลดี ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ 11.รักษาโรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ โรคประสาทอ่อนๆ 12.สามารถใช้กับสัตว์ได้ จากเอกสารระบุว่าใช้กับไก่ชนหลังจากชนไก่แล้วต้องการให้ไก่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ให้ไก่กินใบของต้นสมุนไพร จะฟื้นตัวได้เร็ว
-----------------------------------------------------
รายละเอียดในการใช้รักษาแต่ละโรค
1.โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้ง รับประทานติดต่อกันไปจนครบ 50 ใบ
2.โรคเลือดออกในลำไส้ รับประทานใบสด 7-13 ใบ หรือคั้นเอาน้ำ วันละ 2 เวลา
3.โรคเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ เป็นบิด รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้ง รับประทานติดต่อกันไปประมาณ 100 ใบ
4.โรคตับอักเสบ คอพอก รับประทานครั้งละ 7 ใบ วันละ 3 ครั้ง รับประทานติดต่อกันไปจนครบ 150 ใบ
5.โรคไตอักเสบ ปวดเป็นประจำ รับประทานครั้งละ 3-4 ใบ วันละ 3 ครั้ง รับประทานไปจนครบ 30 ใบ
6.อาการท้องไส้ไม่ปกติ รับประทาน 7-14 ใบ 2 ครั้ง หาย
7.ปวดเมื่อยตามร่างกาย รับประทาน 7-14 ใบ 2 ครั้ง หาย
8.อาการปัสสาวะแสบ ปัสสาวะเป็นเลือด รับประทาน 14-21 ใบ โดยการคั้นเอาน้ำข้นๆรับประทาน
9.โรคตาแดง รับประทาน 7 ใบ และบด 3ใบ ปิดที่ตาเวลานอน 1 คืน จะหาย
10.โรคความดันโลหิตสูง จะลดทันทีเมื่อรับประทาน 5 – 9 ใบ
11.แก้โรคเบาหวาน ผู้ชายรับประทาน วันละ 7 ใบ ผู้หญิงรับประทานวันละ 9 ใบ ภายใน 90 วัน หาย
12.ใช้กับสัตว์ เช่น ไก่เหงา เป็นอหิวาต์ หรือ นิวคาสเซิ่ล ให้ไก่กิน 2-3 ใบ ไก่ชนหลังจากการชนแล้วให้กิน 2-3 ใบ
13.สตรีหลังคลอด รับประทานวันละ 1 ใบ ทุกวัน จะทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว
...ฯลฯ....