betantawan
นางสาว ทานตะวัน แย้มบุญเรือง

ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ในเมื่อดอกไม้ยังงดงาม


โลกยังคงหมุนอยู่.......และชีวิตของเราก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

ท่ามกลางความทุกข์ ความเศร้า ความเครียด ความกังวล ความเบื่อหน่าย ความอ่อนล้า และความรู้สึกแย่ๆอีกสารพันนั้น มันอาจจะดูเหมือนมีทางเลือกอยู่น้อยเหลือเกิน
หลายครั้งที่หลายคนเลือกจะจมอยู่กับมัน...ดิ่งลงไปเรื่อยๆ และเมื่อรู้ตัวอีกที โลกที่มองเห็นอยู่ข้างหน้าก็มืดมิดเกินกว่าจะเพ่งมองให้เห็นทางออก และหลายคนเลือกที่จะจบชีวิต เพียงเพราะคิดว่าจะหนีมันพ้น
ไม่มีใครรู้หรอกว่าโลกหลังความตายเป็นอย่างไร ใครที่เลือกทางนั้นก็คงคิดเข้าข้างตัวเองว่า มันคงจะดี แต่...ใครล่ะจะกล้ายืนยัน??

ฉันเชื่อว่าชีวิตที่ผ่านมาของเราทุกคนล้วนแต่ผ่านความรู้สึกแย่ๆพวกนี้มาแล้วทั้งนั้น จะด้วยเรื่องใดก็ตาม หรือมีที่มาอย่างไรก็ตาม ล้วน"หนักหนาสาหัส" ในความรู้สึกของผู้เป็นทุกข์นั้นทั้งสิ้น แต่ฉันขอไม่เอาทุกข์ของใครไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะทุกข์ของใครก็ของคนนั้น หนักเบาอยู่ที่เขารับรู้ ไม่ใช่อยู่ที่เราคิดเอาเอง
การพบเจอกับมันแต่ละครั้งทำให้ฉันเรียนรู้ว่า โลกมันหม่นหมองแค่ไหน ทุกอย่างมันดูแย่และเลวร้าย
บางทีก็เหมือนมันซ้ำซ้อน ซ้ำซาก วนเวียนเหมือนพายเรือในอ่าง นั่นเป็นเพราะ...ตอนนั้นดวงตาและหัวใจเราหม่นมัวไงล่ะ

เวลาที่คนเราเป็นทุกข์ เราจะหมกมุ่น จ่อมจมอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง จนทำให้ละเลยสรรพสิ่งรอบตัว ความดี ความงามทั้งหลายทั้งปวงของสรรพสิ่งไม่เคยหายไปไหน แต่ตอนนั้นเรากลับมองไม่เห็น หรือเห็นด้วยตาแต่มองผ่านไปโดยไม่ได้สัมผัสความงดงามของมัน

คุณเคยร้องไห้แล้วเดินก้มหน้างุดๆไหมล่ะ? ตอนนั้นคุณไม่อยากมองใครและไม่อยากให้ใครมองใช่ไหม? ตอนนั้นน้ำตามันกลบตาจนคุณแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า ทุกอย่างดูพร่าเลือนไปหมดใช่ไหม?
คุณก็เลยพลาดโอกาสที่จะเห็นแมลงปอ ตั๊กแตน และผีเสื้อ พลาดโอกาสที่จะมองเห็นหญ้าเขียวๆ พลาดโอกาสที่เห็นดอกไม้...และพลาดโอกาสที่จะรับรู้ว่ามันงดงามแค่ไหน ความทุกข์ทำให้คนเราปิดหู ปิดตา และปิดใจจนหมดสิ้น รู้แต่ว่ามันแย่ มันไม่ได้มีอะไรดีเลยสักนิดเดียว

ทั้งๆที่ลูกนกตัวนั้นเริ่มบินตามแม่ของมันได้แล้ว
ทั้งๆที่เจ้าปลาสีสดในสระมันว่ายน้ำอย่างร่าเริงออกอย่างนั้น
ทั้งๆที่เจ้ากาน้ำบินมาจับจองพื้นที่คอยทักทายกับเจ้าปลาเพื่อนรัก
ทั้งๆที่เจ้าปูตัวเล็กๆอุตส่าห์ออกมาอวดโฉมในท่อระบายน้ำหลังวันฝนตกหนัก
ทั้งๆที่ต้นไม้ต้นเล็กๆต้นนั้นเพิ่งผลิใบอ่อน
ทั้งๆที่ดอกหญ้าแข่งกันออกดอกเรี่ยผืนหญ้าจนเต็มไปหมด
ทั้งๆที่ดอกไม้ทั้งหลายยังงดงามไม่เคยเสื่อมคลาย

ลองเงยหน้าแล้วเหลียวมามองรอบตัวบ้างสิ สิ่งเล็กๆน้อยๆใกล้ตัวที่คุณเคยมองข้ามอาจทำให้คุณเผลอยิ้มออกมาได้ ความงดงามของดอกไม้ไม่เคยหายไปไหน มันอยู่ที่คุณเท่านั้นล่ะ...ว่าจะเลือกมองอะไร
เปิดตาพร้อมๆกับที่คุณเปิดใจ แล้วคุณจะได้เห็นมันทุกวัน...ในโลกแห่งความเป็นจริง

ครั้งต่อไปที่ใจคุณเป็นทุกข์ ลองก้าวออกมาจากโลกที่หม่นหมอง พยายามมองฝ่าความหม่นมัวในสายตา ให้เห็นความเป็นไปของสิ่งรอบตัว และเปิดใจให้รับรู้ว่า โลกยังคงหมุนอยู่.......และชีวิตของเราก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

หมายเลขบันทึก: 198688เขียนเมื่อ 4 สิงหาคม 2008 21:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน 2012 16:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ฉันเชื่อว่าชีวิตที่ผ่านมาของเราทุกคนล้วนแต่ผ่านความรู้สึกแย่ๆพวกนี้มาแล้วทั้งนั้น จะด้วยเรื่องใดก็ตาม หรือมีที่มาอย่างไรก็ตาม ล้วน"หนักหนาสาหัส" ในความรู้สึกของผู้เป็นทุกข์นั้นทั้งสิ้น แต่ฉันขอไม่เอาทุกข์ของใครไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะทุกข์ของใครก็ของคนนั้น หนักเบาอยู่ที่เขารับรู้ ไม่ใช่อยู่ที่เราคิดเอาเอง

ชอบมากชอบมากคะ

เวลาที่คนเราเป็นทุกข์ เราจะหมกมุ่น จ่อมจมอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง จนทำให้ละเลยสรรพสิ่งรอบตัว ความดี ความงามทั้งหลายทั้งปวงของสรรพสิ่งไม่เคยหายไปไหน แต่ตอนนั้นเรากลับมองไม่เห็น หรือเห็นด้วยตาแต่มองผ่านไปโดยไม่ได้สัมผัสความงดงามของมัน

ชอบอีกเหมือนกันคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท