ในห้วงเวลา..ที่พลังแห่งการเรียนรู้ลดทอนลงไป...


พลังแห่งการเรียนรู้...

ผมขอใช้คำนี้ก็แล้วกันนะครับ...

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา  ที่เราต้องอยู่ในบริบทใหม่ๆผสมเก่าขององค์กร

เรารู้สึกว่าพลังแห่งการเรียนรู้  และพลังแห่งการเปิดรับสิ่งต่างๆ  เพื่อการเปลี่ยนแปลงภายใน

เพื่อการเรียนรู้  เพื่อการพัฒนาตัวตนของเรานั้นมากมายจริงๆ

มากจนถึงขีดสูงสุดที่เราไม่รู้สึกหวาดกลัว  หรือหวั่นเกรงใครๆ  แต่เต็มไปด้วยจิตที่คิดว่า

จิตที่อยากจะร่วมกัน  จิตที่อ่อนน้อมเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อเรื่องราวดีๆ...

 

   แต่ในการเดินทางช่วงที่ผ่านมานั้น  เรื่องดีๆก็เกิดขึ้นมากมาย

  ตรงกันข้ามพลังด้านลบ  ขยะ   ความไม่ปกติ ...ร่องความรู้สึกที่เราสะสมไว้..โดยไม่รู้ตัว

 

  เมื่อถึงเวลาของการโผล่ปรากฏ.. ที่ชัดขึ้น  เมื่อพลังแห่งการเรียนรู้นั้นช้าลง  ชะลอตัวไป

  (หรืออาจจะเป็นเพราะพลังส่วนมากถูกใช้ไปกับเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม)

 

    เป็นการโผล่ปรากฏของพลังด้านลบที่ถูกสะสมเอาไว้..ตลอดช่วงที่ผ่านมา(ช่วงที่เหมือนเข้มเเข็ง)

    สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

      - การกลับมาสู่ที่ตั้งคืองานประจำของเรา  อยากเน้น อยากทำให้ดีที่สุด  อยากมาเช้าๆ  ไม่อยากประชุมอะไรที่เบียดเบียนเวลาคนไข้ที่รอเราตรวจอยู่  รู้สึกละอายใจที่คนไข้รอแล้วเราประชุม

      - นอกเวลาคือต้องทำงานเพื่อครอบครัว  อยู่กับลูก..

      - อยากอยู่สงบๆ  มีเวลานั่งสมาธิ  มีเวลาสวดมนต์   เหมือนเราจะอยากที่จะปลีกวิเวกอย่างไรอย่างนั้น  มีเวลาออกกำลังกาย 

      - ถึงเวลาก็พักตามสมควร

 

  เป็นการหยุดนิ่ง...  สักระยะ(หรือเปล่า)

  เพื่อดูธรรมะ..ที่เกิดขึ้นกับจิตในปัจจุบันขณะ ...

  

คำสำคัญ (Tags): #เรียนรู้
หมายเลขบันทึก: 198677เขียนเมื่อ 4 สิงหาคม 2008 20:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

น้องสุพัฒน์ ที่รัก อาการนี้ผมขอตั้งชื่อว่า วิกฤติวัยทำงาน ถ้าจะเสนอความคิดเห็นว่าอย่ายิดมั่น ถือมั่น ก็กลัวจะเจ้าใจผิด แต่ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ เน้น "อย่างยิดมั่น ถือมั่น" หมายเหตุ ในทุกสิ่ง เพราะ ความคิดส่วนตัว อิงพุทธธรรม นั้น สอนให้รู้ว่า ชีวิตเรามีแค่ลมหายใจนี้ เท่านัน แล้วจะเศร้า โศก เสียใย ยึดถือไปใย แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ทำนะ แต่ยึกแนวคิดของท่านพุทธทาสว่า กินปลาอย่าให้ก้างตำคอ เปรีบบเหมือนมะพร้าวนาฬิเก ที่อยู่กลางสระ เพราะความจริงแท้คือ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย นอกจากตัวเราเองเท่านั้น แต่พลังจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองนัน ที่สะท้อนและส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลในสิ่งรอบๆ ตัวเรา ดุจดังที่พระเจ้าอยู่หัว ได้เคยสอนไว้ว่า ระเบิดจากข้างใน

ฉะนั้นแล้ว จงก้าวไปในวิถีที่เราเลือก มั้นใจในตัวเองเข้าไว้ อย่าพยาบามไปใฟ้ความหมายกับสิ่งใดๆทั้งสิ้น เพราะมั้นเป็นเช่นนั้นเอง แต่จงเรีบนรู้จากมัน แล้วพิจารณาเข้าสูหลักธรรม แต่ละขั้น แต่ละขั้น เพื่อให้เห็นซึ่งความจริง (Fact) แล้วจะเห็ฯว่าแต่ละสิ่งที่มีอยู่นั้น มีองค์ประกอบ มีส่วนประกอบสืบเนื่องอยู่มากมาย หลากหลายแขนง เหมือน Mind Map เพราะฉะนั้นเราต้องมองให้เห็นองค์รวม องค์ประกอบ และทำใจให้ไม่อยากที่จะทำอะไรทั้งสิ้น ไม่อยาก แต่ ทำ ทำ ทำ ด้วยจุดประสงค์ เื่พื่อเรียนรู้ เพื่อไม่ไ้ห้วันนี้ไร้ค่า

มือกระบี่มือหนี้งเฉกเช่นท่าน ในยุทธจักรแห่งขุนเขาถนนธงชัย ข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านจะจะเป็นมือกระบี่ผู้เอกอุ ที่ผองเพื่อนจะยึดถือเป็นแบบอย่าง Role Model ได้ แต่ทว่าน้องท่าน(รวมถึงข้าฯด้วย 5555)ต้องก้าวข้ามเส้นเปลี่ยนผ่าน ระหว่างรูปแบบ และ ไร้รูปแบบให้ได้ ก็เท่านั้นเอง 55555

ขอคารวะ และ แอบชื่นชมท่ายอยู่

The Night Wing

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท