(ร่างบทความสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซท์ของนรทุนรัฐบาล)
บทความต่อไปนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักเรียนทุนรัฐบาล แต่เป็นความคิดเห็นของนักเรียนทุนคนหนึ่งต่อการยกสถานะทางวิชาการของประเทศเป็นสังคมแห่งองค์ความรู้ ผมนำเสนอบทความนี้ต่อนักเรียนทุนเป็นกลุ่มแรกเพราะผมเห็นว่าสังคมนักเรียนทุนนี้เป็นสังคมวิชาการที่เข้มแข็งที่สุดสังคมหนึ่งของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่มีความสนใจ ความรู้ ประสบการณ์ และพันธมิตรที่หลากหลาย ท้ายสุดแล้วผมเชื่อว่าพวกเราต่างมีอุดมการณ์ลึกๆร่วมกันที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อประเทศของพวกเรา
------- -- - - - - - - - -------
เงื่อนไขพื้นฐานที่ทำให้คนมารวมตัวกันได้ก็คือผลประโยชน์ร่วม
จะเป็นผลประโยชน์เรื่องเงิน เรื่องอุดมการณ์
หรือความบันเทิงส่วนตัวอะไรก็ตามแต่
ปัญหามันอยู่ที่ว่าไอ้ผลประโยชน์ร่วมนี่มันร่วมเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี
ทีนี้ทำยังไงเราจะทำให้มี “การรวมกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ร่วมดีๆ”
เยอะๆได้
ประเทศไทยของเรามีคนเก่งจำนวนไม่น้อยหรอกครับที่ความตั้งใจดีๆ
คนจำนวนไม่น้อยที่ทุ่มเทกับงานที่ตัวเองทำด้วยใจรัก
และด้วยความหวังที่ว่ามันจะทำประโยชน์อะไรได้บ้าง
คนพวกนี้กระจายตัวกันอยู่ทุกที่ทุกองค์กรเหมือนกับสินแร่อันมีค่าที่รอให้เรานำมาใช้
ปัญหาก็คือว่าสินแร่ดิบๆที่ฝังตัวอยู่ในภูเขาหินนั้นใช้ประโยชน์อะไรเเทบไม่ได้
…สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดก็คือการที่คนเก่งๆดีๆเห็นว่าตัวเองถูกโดดเดี่ยว
มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนเฉื่อย คนไม่ตั้งใจ คนเช้าชามเย็นชาม
คนเล่นพรรคเล่นพวกเต็มไปหมด
เรื่องน่าเศร้าที่สุดก็คือการที่คนมีความสามารถคิดว่าตนเป็นจุดเล็กๆอันไร้ค่าในสภาพแวดล้อมที่ผุพัง
…ถึงจุดหนึ่งสินเเร่ก็กลายเป็นก้อนหินธรรมดาๆได้เหมือนกัน
การรวมกลุ่มของ “คนคุณภาพ” ย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุด
..“คนคุณภาพ”มีแนวโน้มที่จะเข้ามารวมตัวกันตามธรรมชาติอยู่แล้ว
เพราะว่าผลประโยชน์ร่วมของพวกเขาก็คืออะไรก็ตามที่ทำให้งานของพวกเขาสำเร็จลุล่วงไปได้วยดี
อะไรก็ตามทำให้แต่ละคนกระโดดข้ามขีดจำกัดต่างๆที่ตนเองมีไปได้
สิ่งที่”คนคุณภาพ”ต้องการมากที่สุดก็คือ “สุดยอดทีมงาน”
…ทีมงานผูกสมาชิกไว้ด้วยอุดมการณ์ และเติมเต็มจุดอ่อนของแต่ละคน
…คนคุณภาพทั้งหลายฝันถึงสุดยอดทีมงานอย่างนี้
พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะสร้างมันขึ้นมาและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมันอย่างเต็มใจ
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ทำยังไงให้ “คนคุณภาพ” หากันเจอ?
คนคุณภาพกระจายตัวอยู่ทุกหนแห่ง..ส่วนมากจะอยู่กลางสิ่งแวดล้อมด้อยคุณภาพเสียด้วย
ทำยังไงถึงจะช่วยให้แต่ละคนสามารถ “มองเห็นกันและกันได้” ?
ทำยังไงถึงจะทำให้แต่ละคนรู้ว่ามียอดฝีมือเรื่องต่างๆอยู่ตรงไหนบ้าง
ยอดฝีมือแต่ละคนจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง
และเขาจะช่วยอะไรยอดฝีมือเหล่านั้นเป็นการตอบแทนได้บ้าง?
ทำยังไงถึงจะมีที่สักที่ หรือวิธีการสักอย่าง ที่เป็นเหมือนกับ
“ตลาดนัด” ของคนคุณภาพ
ตลาดที่สินค้าก็คือความสามารถของคนแต่ละคน
ตลาดที่คนคุณภาพเข้ามาเจอกันเพื่อแลกเปลี่ยน
เพื่อหาสิ่งที่ตนเองขาดไป
ตลาดที่คนคุณภาพเป็นพ่อค้า พยายามจะนำเสนอ
พยายามจะหาคนที่อยากจะเอาความสามารถของเขาไปใช้
ตลาดที่คนคุณภาพเป็นลูกค้า
พยายามจะแสวงหาว่าใครมีความสามารถอย่างที่เขาต้องการ
เป็นสุดยอดส่วนผสมสำหรับสุดยอดทีมงาน
ตลาดที่เป็นเหมือนกับบ่อเพาะเลี้ยง
“สุดยอดทีมงาน—การรวมกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ดีๆ”
ที่หลากหลายจำนวนมากๆ
…บางทีนี่อาจจะเป็นเงื่อนไขข้อแรกๆในการจัดการสุดยอดทรัพยากร
…บางทีโดมิโน่ตัวเเรกอาจจะอยู่แถวๆนี้เอง
"ตลาดนัดคนคุณภาพ"
ไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินฝัน
ผมอ่านมาถึงตอนนี้ (3 ตอน)
"โดมิโน่" ตัวแรก จึงอาจจะเป็นไปได้ แต่...
"คนคุณภาพ" นิยามว่าเป็นเพียงคนใครก็ได้
ด้วยฐานคิดว่า "คน" คือ ความแตกต่าง
ที่เติมเต็มกันแล้วจะสมบูรณ์แบบ
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบในตัวตนเพียงคนเดียว (แนวราบ)
หรือ ต้องเลือกสรร ด้วยฐานคิดว่า "คน" คือ ความแตกต่าง
ที่อยู่ในชั้นหรือระดับเดียวกัน เสมอกัน
(อาจจะด้วยเกณฑ์ใด ๆ ที่สังคมกำหนดขึ้น)
ถึงจะแลกเปลี่ยนกันได้ในตลาดนัด
กล่าวคือเป็นตลาดนัดคัดสรร (แนวดิ่ง)
เชื่อว่าจะหมายถึงอย่างแรกเป็นสำคัญ และอย่างที่สองก็ด้วย
ตลาดนัดที่สัมบูรณ์ ต้องมีทั้งคนขายและคนซื้อ
สถานที่จัดตลาด (เวทีจริงหรือเสมือน) ก็ได้
พร้อมทั้งกลไกการแลกเปลี่ยนที่เป็นธรรม
กลไกการแลกเปลี่ยนที่ว่าคือ...
ความเคารพในศักดิ์ศรีของการเป็น "คน"
อย่างไม่แบ่งว่าคน ๆ คนมีคุณภาพแค่ไหนอย่างไร
ตามฐานคิดตามเกณฑ์ที่มีหรือคิดจะมีขึ้น
คนทุกคนมีดีและมีศักดิ์ศรี ในตัวตนของตนเอง
ตรงนี้แหละครับที่คิดว่าจะเกิดกลไกการแลกเปลี่ยนที่เป็นธรรม
ไม่ต้องสร้างอะไรเพิ่มเลย แค่ทำจิตและใจให้ยอมรับกันและกัน
ก็เพียงพอแล้ว...
ขอบคุณ คุณ"ชายขอบ"สำหรับความเห็น เรื่อง "คนคุณภาพ"ครับ
"คนคุณภาพ"ในที่นี้ไม่ได้วัดกันที่ไอคิว การศึกษา ตำแหน่ง หรือความรู้ อะไรโดยตรง เราจึงไม่สามารถออกกฎเป็นข้อๆว่าคนนั้นเข้าข่ายคนนี้ไม่เข้าข่าย
แต่ "คนคุณภาพ"ในที่นี้นิยามกว้างๆถึงใครก็ตามที่มีความตั้งใจดีๆ ตั้งใจที่จะเอาความสามารถที่ตนมีอยู่ทำงานให้ลุล่วงไป ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถจะ "แบ่งได้ว่าคนๆหนึ่งมีคุณภาพมากแค่ไหนอย่างไร" นอกจากตัวเขาเอง
"คนทุกคนมีดีและศักดิ์ศรี"ตรงนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่"ดีและศักดิ์ศรี"ที่มีจะเอาไปใช้ได้อย่างไร นี่คือประเด็นสำคัญที่อภิปรายต่อไป
ก่อนอื่น ขอขอบคุณที่เขียนออกมาให้ได้
นึก คิด และทบทวน จนเกิดปัญญาต่อยอด
"คนคุณภาพ" เราคิดเห็นตรงกัน
น่าจะอย่างนั้นในเบื้องต้น....
โจทย์...ทำอย่างไรให้"คน" ได้มาตลอดนัด
อันแรกตลาดนั้นนั้นต้องไปได้ง่าย "เข้าถึง"
อันที่สองไปแล้วอยากจับจ่าย-ขาย แลกเปลี่ยน
สองส่วนเท่านั้น เพราะ
"คนทุกคนมีดีและมีศักดิ์ศรี"
อันแรก ตลาดที่ "เข้าถึง" ได้ง่าย
ไม่จำเป็นต้องเป็นตลาดใหญ่ เพียงตลาดเดียว
แต่ควรจะเป็นตลาดเล็ก ๆ ย่อย ๆ หลายรูปแบบ
เพื่อรวบรวม แลกเปลี่ยน และถ่ายโอน
ไปมากันในชุมชนอย่างเป็นกันเอง
สินค้าอันไหนที่เป็นสินค้าส่งออกไปได้
หรือเห็นพ้องกันว่าต้องการซื้อหาเข้ามา
คิดเองโดยชุมชน ตามหลักอุปสงค์ อุปทาน
ก็ขยับขยายไปยังตลาดกลาง และตลอดส่วนกลางต่อ ๆ ไป
อันที่สอง "อยากจับจ่าย-ซื้อขาย แลกเปลี่ยน"
ทำอย่างไร?
ให้ความสำคัญกับ "ความรู้ในคน" ด้วยการให้เกียรติกันและกัน
แค่นั้นก่อนในเบื้องต้น กลไกทั้งทางด้านอุปสงค์และอุปทาน
จะเหนี่ยวนำ (induce) ไปมาเพื่อรักษา "สมดุล"
ถึงตอนนั้นก็น่าจะเกิด The First Domino ขึ้นได้
และโดยส่วนตัวเชื่อว่าอย่างนี้จะมีทั้งพลัง ยั่งยืน
และไม่ส่งผลทำลายล้างอย่างการพัฒนาที่ผ่าน ๆ มา