[ภาพผู้เข้าร่วมสัมมนาคิวโดะปีคศ. 2008 จากแวนคูเวอร์ ถ่ายกับเซ็นเซทั้ง 4 ท่าน โดย Daniel H. Kim]
เซ็นเซจากญี่ปุ่นที่มาสอนปีนี้มีทั้งหมด 4 ท่าน (Hanshi 8th dan ทั้ง 4 ท่าน) ครูของกลุ่มผู้เขียนซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยสอบวัดขั้นมาก่อนเลยชื่อ
มิยาอุชิ มิชิฮิโร่ (ท่านซ้ายสุดในภาพ)
ถ้าถามว่า ใครคือครูที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดในชีวิต ตอนนี้ตอบได้ไม่ต้องคิดเลยว่า คือ มิยาอุชิ เซ็นเซ นี่เองค่ะ
ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีในเพราะ
- ท่านสอนเรื่องยากให้ง่าย คือไม่ทำให้มันยุ่งยากซับซ้อนขึ้น แต่บอกเคล็ดลับ (ในการจับ tenouchi และ torikake)
- ท่านเน้นทั้งเรื่องทักษะความรู้ (ท่าทางการยิง) และเรื่องจิตวิญญาณ ให้มี spirit มี ki
มีสติในการก้าวย่างขยับทุกเมื่อ ท่านสอนทั้งการยืน นั่ง เดิน แบบมีสติ
สอนเรื่องการแต่งตัว และความหมายของชุดที่ใส่ ท่านยังช่วยพวกเราซ่อมอุปกรณ์ด้วยไม่ว่าจะเป็นถุงมือหรือคันธนู ที่สำคัญคือท่านสอนเรื่องความดี 5 อย่าง คือ 1) เมตตาธรรม 2) ความเคารพนอบน้อมต่อทุกสรรพสิ่ง 3) การมองโลกตามจริง 4) ปัญญา และ 5) ศรัทธา
- ท่านถามก่อนว่าเรียนอะไรมา จะได้สอนให้ตรงจุด โดยเฉพาะจุดทีี่สำคัญๆที่คนมักเข้าใจไปผิด ถูกสอนมาผิด ท่านก็จะแก้ให้ถูก (เช่น การใช้กล้ามเนื้อให้ถูกมัด ใช้ external oblique กับ latissimus dorsi ไม่ใช่ pectoralis major (ดูรูป) สะบักไหล่ห้ามห่อเข้าหากันเวลาง้างธนู ใช้ bone ไม่ใช่คิดแต่ว่าจะใช้ bow กับกล้ามเนื้อ รวมทั้ง สอนการ daisan ที่มือขวาห้่ามออกแรง)
- แล้วท่านก็ "ทำให้ดู" เป็นตัวอย่างแบบเห็นชัดมาก เพราะท่านทำได้ดีจริงๆ (จะสอนใครต้องทำได้เองซะก่อน แล้วนักเรียนจะเชื่อเอง) อย่างเรื่องพลัง ki (ภาษาญี่ปุ่น) หรือ chi (ภาษาจีน) เราไม่เคยเห็นจะจะจนได้มาเจอท่าน ท่านสอนว่าให้หายใจเข้าออกแบบรวมกำลังภายใน ไม่ใช่สักแต่หายใจออกเอาอากาศรดๆโลกไปเท่านั้น ให้รวมพลังที่จุด tandenใต้สะดือ เวลายิงนั้นไม่ได้ใช้กำลังแขนหรือแม้แต่หลัง แต่พลังมาจากใต้จุด tanden แล้วท่านก็ให้คนที่ตัวใหญ่ๆมายืนตรงข้ามกับท่าน หันหน้าเข้าหากันแล้วเอาลูกธนูมาวางตรงกลาง ให้ปลายนึงอยู่ตรงใต้สะดือเซ็นเซ อีกปลายอยู่ใต้สะดือนักเรียนอีกคนที่อาสามา ท่านบอกว่าทำท้องให้แข็งๆนะ แล้วท่านก็รวมสมาธิหายใจเข้าออก ท่านไม่ได้ขยับตัวไปข้างหน้าเลย แต่ท่านส่งพลังออกมาดันลูกธนูจนมันงอได้ งอมากด้วย ทุกคนอ้าปากค้าง
- นอกจากความเจ๋งของเซ็นเซแล้ว สิ่งที่ทำให้บรรยากาศการเรียนดีมากๆคือเวลาสอนนั้นท่านยิ้มแล้วหัวเราะตลอด อารมณ์ดีมากๆ สอนแบบมีมุขด้วย
- ใครทำได้ดีก็ยิ้มและชม ใครทำไม่ได้เพราะมันยาก ท่านก็ให้กำลังใจ บอกว่านี่มันยากนะ ต้องใช้เวลา ให้สู้ๆ
- แต่เวลาสอนในสิ่งที่ท่านคาดหวังว่านักเรียนต้องทำได้ แล้วมีคนทำไม่ได้ ท่านให้ลองทำใหม่ ถ้าทำอยู่ 2-3 รอบแล้วทำไม่ได้ (เช่นจังหวะการเดินเข้า shajo เวลาทำ taihai) ท่านจะทำเสียงขึงขังขึ้นมาทันที หน้าตาจริงจัง แล้วพูดเสียงดังเพียงสั้นๆว่า "นี่คุณพยายามสุดความสามารถคุณแล้วหรือยัง!" ไม่มีเลยที่ท่านจะมาพูดว่า "ไม่ได้เรื่อง" หรือ "แย่มาก" แล้วผลที่ได้ก็คือ "ความพยายามของนักเรียนที่เพิ่มขึ้นเพราะเกรงใจครู ไม่ใช่เพราะว่ากลัวว่าจะโดนลงโทษเลย
- มีอยู่ครั้งนึงผู้จัดการโดโจมาบอกว่าได้เวลาพักแล้ว เซ็นเซบอกว่าไม่เป็นไร ในกลุ่มยังต่อคิวซ้อมยิงไม่ครบ ท่านบินมาจากญี่ปุ่นมาสอน ท่านจะสอนให้ครบคนที่ต่อคิวนี่ก่อนแล้วค่อยพัก
- สิ่งที่ืทำให้ผู้เขียนประทับใจมากคือ วันสุดท้าย ก่อนสอบ หลังจากที่เราฝึกกันมา 3 วันเต็มๆ ท่านบอกว่า ท่านหวังว่าทุกคนจะผ่าน ถ้าไม่ผ่านถือว่าเป็นความผิดของท่านที่สอนไม่ดี เกิดมาเราไม่เคยเจอมาก่อนเลยที่ครูจะมาพูดแบบนี้ น้ำตาแทบไหล!
- เรื่องสุดท้ายที่ประทับใจคือในวันสุดท้ายตอนบ่ายระหว่างพัก 10 นาที ท่านเรียกพวกเราไปในห้องอีกห้อง ปรากฎว่าท่านชงชาเขียวอย่างดีไว้ให้พวกเราแบ่งกันกิน อิชิเซ็นเซ ครูอีกคนเดินมาบอกพวกเราว่า นอกจากมิยาอุชิเซ็นเซจะเป็น kyudo master แล้วยังเป็นครูสอนพิธีชงชาด้วย ท่านชงชาให้พวกเราทีละถ้วยอย่างตั้งใจ ท่านยกถ้วยแรกให้คนที่ยืนอยู่แถวหน้า นายนั่นซดหมดถ้วย ท่านถามว่า ขมมั้ย แล้วก็ยิ้ม ท่านชงแก้วที่สอง ทีนี้นักเรียนคนนั้นจิบแล้วก็แบ่งต่อ ท่านยิ้ม แล้วก็บอกว่า ดีมาก แบ่งกันคนละนิดละหน่อย การแบ่งกันเป็น kyudo spirit ข้อหนึ่ง ท่านพูดแบบลอยๆแล้วก็ชงถ้วยต่อไป ไม่ได้มองหน้าเจ้าหนุ่มคนแรก ไม่ได้ทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่เจ้าหนุ่มนั่นรู้สึกผิดและได้เรียนรู้อย่างแรงแต่ไม่ช้ำ
ความเป็นครูของมิยาอุชิเซ็นเซเป็นสิ่งที่ผู้เขียนจะจำไปใช้แน่นอนค่ะ