อนึ่ง คุณหมอ มัทนา ได้ให้ทรรศนะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ใน อนุทิน 16428 ดังนี้
ลองค้นดูพบว่าตัวเมียฟักไข่ ตัวผู้หาอาหารมาป้อน แต่ว่าที่น่าทึี่งไปกว่านั้นคือมีการให้ญาติช่วยเลี้ยงลูกเมียด้วย! "Brown, Bushy-crested and White-crowned Hornbills employ a co-operative breeding strategy. This means they have nest helpers, usually yearlings of the same family (ลูกสัตว์อายุเต็ม 1 ปีแต่ไม่ถึง 2 ปี), to assist with the feeding of the female and the chicks." [จาก hornbills in Thailand 1]
ที่แปลกคือตัวเมียมันจะขังตัวเองในรังตลอดไม่ออกมาเลย 125 วัน
"she seals herself into the hole, between 6 and 33 metres above the ground, using semi-digested leaves, oil globules, and regurgitated mud. A slit-shaped entrance is left through which the male feeds the female and their chicks, and the female defecates, creating a large pile of guano at the base of the tree."
จาก arkive.org
นอกจากนี้ถ้าคู่ไม่ตายมันก็มักจะไม่มีใหม่ (เหมือน ห่าน หงส์ เหยี่ยว อินทรีย์ นกแก้วหลายชนิด แอลบะทรอส กาเรเว่น นกเขา นกพิราบ ฯลฯ) ฟังดูโรแมนติก แต่ในเว็บดูนกป่าเค้าเขียนไว้ว่า ถ้าคิดดูแล้วเวลาที่ใช้ในย้ายถิ่น สร้างรัง สร้างอาณาเขต หาคู่ ฟักไข่ เลี้ยงลูก นานแค่ไหน จะให้ไปใช้เวลาหาคู่ ไปอ่อยไปล่อคู่หลายๆทีคงไม่ไหว ไม่น่าใช่วิธีที่ธรรมชาติจะยอม เพราะมันทำให้เวลาแพร่พันธุ์ลดลง สมมติฐานของมัทคือเจ้าฟ้ากุ้งท่านเขียนประชดประชันอะไรบางอย่าง เขียนให้เป็นตรงข้ามไปหมด? (ตอนแรกคิดว่าหรือว่าดูสีนกแล้วเข้าใจเมียเป็นผัวผัวเป็นเมียแต่มามีเรื่องชู้ด้วยนี่คงเป็นการตั้งใจเขียนให้ตรงข้ามความจริงรึเปล่าไม่ทราบเหมือนกันค่ะ)
คุณหมอมัทนาแสดงทรรศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเชื่อว่าเจ้าฟ้ากุ้งท่านใช้โวหาร การกล่าวถึงความขัดกันเข้าคู่กัน หรือ ปฏิภาคพจน์ (Paradox) นั่นเอง
ผู้เขียนจึงลองสมมติว่า ผู้คนในสมัยอยุธยาเขามีความรู้เรื่อง ปักษีวิทยา เกี่ยวกับนกเงือก ข้าราชบริภารก็ต้องทักท้วงเจ้าฟ้ากุ้ง ว่า หามิได้พระพุทธเจ้าข้า นกเงือกตัวเมียฟักไข่ และตัวผู้ออกไปหาอาหาร อีกทั้งนกเงือกเป็นนกที่รักเดียวใจเดียว พระพุทธเจ้าข้า การที่เจ้าฟ้ากุ้งทรงแต่งกาพย์ห่อโคลง โดยใช้ ปฏิภาคพจน์ ก็คงมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะให้คนอ่านฉุกคิด หรือให้เฉลียวใจ ว่าด้วยเรื่อง รักเดียวใจเดียว เพื่อที่จะได้ ไม่อายนกเงือก กระมัง หนอ
สำหรับ กาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง อีกบทหนึ่งซึ่งเราคุ้นหู ก็คือ บทที่แต่งโดยใช้ กลบทเลื่อนลำ ที่ว่า
ดูหนูสู่รูงู งูสุดสู้หนูสู้งู
หนูงูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู ฯ (กลบบทกาพย์เลื่อนลำ)
ดูงูขู่ฝูดฝู้ พรูพรู
หนูสู่รูงูงู สุดสู้
งูสู้หนูหนูสู้ งูอยู่
หนูรู้งูงูรู้ รูปทู้มูทู ฯ (กลบทโคลงบาทเลื่อนลำ)