E-Commerce

     E-Commerce: (พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์)เทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เกิดการสั่งซื้อ การขาย การโอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถเพิ่มยอด/ลดต้นทุน ได้ เพราะ ประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นจะมีข้อที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ผลิตอยู่ 3 ประเด็นคือ

        1.ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดค่าใช้จ่ายบุคลากรบางส่วน ลดขั้นตอนการประกอบธุรกิจ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อแบบเดิมๆ

        2.ไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก (หมายความว่าต้องสร้างเว็บไซต์ให้มีข้อมูลเป็นภาษาสากลหรือภาษาที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราใช้มากๆ เช่นภาษาจีน ญี่ปุ่น เป็นต้น)  

        3.ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา สามารถทำการค้าได้ 24 ชั่วโมง 7 วัน ผ่านระบบอัตโนมัติ

     

     ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะนำเสนอในที่นี้ คือ รูปแบบ ผู้ประกอบการ กับ ผู้บริโภค (Business to Consumer - B2C) คือ การค้าระหว่างผู้ค้าโดยตรงถึงลูกค้าซึ่งก็คือผู้บริโภค

กรณี ร้านขายหนังสือผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยการทำเว็บไซต์ของร้านขายหนังสือเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการสื่อสารไปยังผู้รับสารให้ได้ประสิทธิภาพ โดยการสร้างข้อมูลให้มีคุณภาพ สามารถสืบค้นได้ง่าย อ่านแล้วเข้าใจง่าย แสดงชื่อร้านค้า ตราสัญลักษณ์ ที่อยู่และรายละเอียดที่ติดต่อได้ให้ชัดเจน มีการระบุรายละเอียดสำหรับการติดต่อโดยตรงกับร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ ที่อยู่ที่ติดต่อได้ เบอร์โทรศัพท์ โทรสาร หรือช่องทางอื่นๆที่เป็นไปได้ มีการออกแบบเว็บไซต์เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงตัวสินค้าได้เร็วที่สุด ไม่ให้ลูกค้าต้อง เสียเวลาที่จะไปทำการหาสินค้า เพียงแค่กดที่รูปสินค้าจากหน้าแรกก็จะวิ่งไปยังตัวสินค้าได้ทันที มีหน้าของรายละเอียดสินค้าแจ้งลูกค้าชัดเจนว่าสินค้ามีคุณลักษณะเป็นอย่างไร จำนวน สี ราคา ส่วนลดต่างๆ มีการสร้างเมนูในส่วนการทำคำสั่งซื้อ

จะเป็นระบบตะกร้าสินค้า(Shopping Carts) ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ เช่นแสดงรายละเอียดที่ดูได้ง่ายว่าได้ทำการเลือกสินค้าใดๆไว้บ้างแล้วในตะกร้า รวมแล้วค่าสินค้าเป็นเท่าไร ภาษีค่าจัดส่งต่างๆ ควรแสดงให้เห็นด้วย และต้องสามารถให้ลูกค้าสามารถเก็บข้อมูลรายการสินค้าไว้ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อทำการสั่งซื้อภายหลัง เมนูเกี่ยวกับการชำระเงินค่าสินค้า มีวิธีการให้ลูกค้าสามารถใช้บริการ ที่สะดวกกับทั้งทางร้านและลูกค้า วิธีที่สะดวกจะมีให้เลือกหลายวิธีทั้งธนาณัติ การโอนเงินทางธนาคาร โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านทางอินเทอร์เน็ต เมนูการจัดส่งสินค้ามีวิธีให้ลูกค้าให้เลือกได้หลายวิธีตามต้องการ เช่น ส่งพัสดุตามปกติ ส่ง EMS ส่งผ่านผู้ให้บริการรับส่งสินค้า(Courier) มีให้เลือกทั้งแบบส่งปกติ ส่งด่วน ส่งด่วนพิเศษ ตามความต้องการของลูกค้า

     ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในการทำE-Commerce(พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) คือ ทางร้านและลูกค้าไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยในระบบอินเทอร์เน็ต และเรื่องความปลอดภัยในระบบการชำระเงิน ซึ่งมีแนวทางแก้ไขได้ คือ การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ

        1.การรักษาความปลอดภัยของการทำธุรกรรม (Transaction Security) เทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในการทำธุรกรรม เช่น

            1.1การรหัส (Cryptography) คือ การทำให้ข้อมูลที่จะส่งผ่านไปทางเครือข่ายอยู่ในรูปแบบที่ไม่สามารถอ่านออกได้ ด้วยการเข้ารหัส (Encryption) ทำให้ข้อมูลนั้นเป็นความลับ ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์จริงเท่านั้นจะสามารถอ่านข้อมูลนั้นได ด้วยการถอดรหัส (Decryption) นั่นคือ สามารถรักษาข้อมูลให้เป็นความลับ (Confidentiality) และ กำหนดผู้มีสิทธิ์ได้ (Authentication & Authorization) สำหรับการเข้ารหัส และ ถอดรหัสนั้นจะอาศัยสมการทาง คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน และ ต้องอาศัยกุญแจซึ่งอยู่ในรูปของพารามิเตอร์ที่กำหนดไว้ (สำหรับตัวกุญแจนั้นจะมีความยาวเป็น บิต(bit) และ ยิ่งกุญแจมีความยาวมาก ยิ่งปลอดภัยมาก เนื่องจากจะต้องใช้เวลานานมากขึ้นในการ คาดเดากุญแจโดยผู้คุกคาม) ในการเข้า และ ถอดรหัส สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การรหัสแบบกุญแจสมมาตร(Symmetric Key Cryptography หรือ Secret Key Cryptography) และ การรหัสแบบอสมมาตร (Asymmetric Key Cryptography หรือ Public Key Cryptography)

            1.2การทำ Digital Signature คือ การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์จะใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ซึ่งมีรูปแบบต่างๆเช่น สิ่งที่ระบุตัวบุคคลทางชีวภาพ (ลายพิมพ์นิ้วมือ เสียง ม่านตา เป็นต้น) หรือ จะเป็นสิ่งที่มอบให้แก่บุคคลนั้นๆในรูปแบบของ รหัสประจำตัว

        2.การรักษาความปลอดภัย ของเครือข่าย (Network Security)

[gfgfdg]

เขียนเยอะๆครับ อยากรู้เรื่อง e-commerce...thanks