ข้าวนี้มีบุญ คุณ อันใหญ่หลวง


แค่นี้ก็ผมก็รู้ซึ่งถึงบุญคุณของเมล็ดข้าวแล้วล่ะครับว่ากว่าที่จะมาเป็นข้าวให้เรากินนั้นมันต้องผ่านหยาดเหงื่อและความยากลำบากขนาดไหน

จากวันพุธถึงวันอาทิตย์ ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันหยุดยาวก็เป็นโอกาสดีของหลายๆคนที่อยู่ไกลบ้านจะได้กลับไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดตัวเอง กระผมก็เป็นอีกคนที่อยู่ไกลบ้าน จึงได้ถือโอกาสนี้กลับบ้านเสียเลย ซึ่งในตอนนี้ที่บ้านก็เข้าสู่ฤดูการทำนากันแล้ว

 

กล้าที่หว่านไว้ก็โตพอที่จะถอนมาดำได้แล้ว ผมก็ได้กลับไปช่วยทางบ้านดำนาอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่นัก การที่จะดำนาได้ก็ต้องมีการถอนต้นกล้าก่อนโชคดีที่มีคนถอนไว้รอแล้ว ก็เลยได้ลงมือดำนาเลย แต่จากการที่ห่างหายจากการดำนาไปนาน ก็ต้องมีการลื้อฟื้นวิชากันหน่อย ความรู้สึกแรกที่จักมัดกล้าได้ก็คือต้นกล้าทุกต้นมีโอกาสเจริญเติบโตหรือไม่ขึ้นอยู่ที่มือของเราแล้วนะ หากปักดำลงไปไม่ดีล่ะก็เท่ากับเสียเวลา สูญเปล่าไปเลย ดังนั้นก่อนที่จะปักดำทุกครั้งต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่าต้องทำให้ดี

 

ทุกคนที่เคยทำนามาก่อนก็ต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หลังเป็นแน่หลังจากที่ได้ก้มลงไปปักดำนะเวลาหนึ่ง ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละครับที่เป็นเหมือนกัน แต่ก็พยายามไม่ปนไม่ว่าอะไร เพราะพ่อกับแม่ก็ต้องเป็นเหมือนกันท่านก็ยังไม่ปนอะไรเลย มีแต่เสียงอุทานเบาๆเท่านั้น

 

เมื่อแรกๆที่ปักดำก็ไม่รู้สึกหรอกครับแต่หากปักดำไปนานๆจะรู้สึกปวดหลังขึ้นมาทันที และเมื่อกลับมาที่บ้านพอตื่นเช้ามาจะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทุบทั่วทั้งตัวเลยก็ว่าได้ ไม่อยากจะลุกขึ้นจากที่นอนเลยละครับ แต่ก็ไม่ได้ต้องไปดำนาต่ออีกเพราะถ้าไม่งั้นจะไม่เสร็จแน่ๆ

 

 แค่นี้ก็ผมก็รู้ซึ่งถึงบุญคุณของเมล็ดข้าวแล้วล่ะครับว่ากว่าที่จะมาเป็นข้าวให้เรากินนั้นมันต้องผ่านหยาดเหงื่อและความยากลำบากขนาดไหนจากชาวนาที่ต้องมาปลูกข้าวให้เรากินอยู่ทุกวันนี้ ทุกวันนี้ผมจะไม่ให้ข้าวเหลือติดจานเลยแม้แต่เมล็ดเดียวเพราะผมถือว่าข้าวทุกเมล็ดอาหารทุกอย่างนั้นกว่าจะมาเป็นอย่างนี้อย่างที่เราเห็นต้องผ่านอะไรมากต่างๆมากมาย ดังนั้นก่อนที่จะทิ้งหรือเหลือเอาไว้ก็ควรคิดดูให้ดีๆก็แล้วกัน  

การกลับบ้านของผมในครั้งนี้ช่างเป็นสิ่งที่ดีเหลือเกิน ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างเพิ่มมากขึ้น เช่น

การทำนายังมีการใช้สารเคมีฆ่าหอย และปูอยู่ ขนาดราคาแสนแพง หาซื้อก็ยาก แถมยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และสิ่งแวดล้อมแล้วก็ยังใช้กันอยู่เหมือนเดิม ผมก็อยากจะแนะนำว่ามันไม่ดีนะไม่ควรนำมาใช้ แต่ไม่รู้ว่าจะแนะนำว่าให้ใช้อะไรแทนดีล่ะ แล้วจะได้ผลเหมือนสารเคมีหรือเปล่าอันนี้ก็เป็นคำถามกันอยู่

การใช้ปุ๋ยเคมีตอนนี้ชาวบ้านคิดว่าหากไม่ใช้ปุ๋ยเคมีแล้วข้าวจะไม่งาม ไม่ได้ผลผลิตตามต้องการ แต่ไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาในภายหลังเลย ซึ่งเคมีก็เหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่งที่เมื่อให้กับพืชแล้วครั้งต่อไปก็ยิ่งต้องเพิ่มปริมาณมากขึ้นเพื่อจะทำให้พืชผลนั้นได้ผลผลิตดีเหมือนเดิมซึ่งมันก็ไม่ใช่แนวคิดที่ดีเลย แต่ชาวบ้านเขาเชื่ออย่างนั้นแล้ว การที่จะไปเปลี่ยนความคิดที่มีอยู่เดิมด้วยความคิดใหม่นั้นก็เป็นการยาก และก็ต้องใช้เวลา แต่ก็มีบ้างส่วนที่มาใช้ปุ๋ยอินทรีย์อยู่บ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย  ปัญหานี้น่าจะมีทางแก้ไขได้ และก็ต้องดำเนินการแบบเร่งด่วนด้วย เพราะว่าพื้นดินของเราโดนทำลายจากการใช้ปุ๋ยเคมีมานานมากแล้วต้องการการเยียวยาอย่างเร่งด่วนครับผม

หมายเลขบันทึก: 195568เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2008 21:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ดีใจที่น้องเทพยังไม่ลืมการทำนา
  • ตอนนี้กลับไปเรียนแล้วใช่ไหม
  • ขอให้มีความสุขกับการเรียนนะครับ

ดีใจด้วยไปเรียนตั้งไกลยังไม่ลืมชาวนา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท