หลักสูตรใหม่ 2555


หลักสูตรใหม่เด็กจะเรียนน้อยลง

หลักสูตรใหม่  

 

                การเมืองร้อนแรงหายใจรดต้นคอ  รัฐบาลจะรอดหรือยื้ออยู่ต่อ ยังต้องรอลุ้นกันอีกครั้ง  ทว่างานด้านการศึกษาของชาติ  เป็นเร่องที่รอไม่ได้จริงๆ  แม้บ้านเมืองจะวิกฤติ  เศรษฐกิจจะย่ำแย่  แต่การพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้งานการศึกษาของชาติ  สนองต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนจำเป็นที่หน่วยงานรับผิดชอบเดินหน้าเต็มลูกสูบ  ชนิดที่เรียกว่าไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น  กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)  หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการศึกษาของชาติกว่าร้อยละ 90  ยังเป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ยกเครื่อง  หลักสูตรใหม่  หลังจากใช้มาแล้วเมื่อปี  2544 

                ว่ากันว่า หลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการกำลังปรับปรุงใหม่ ได้ตัดเนื้อหาซ้ำซ้อน ทำให้เด็กและเยาวชนไทยเรียนน้อยลง  และเตรียมนำร่องใน 555  โรงเรียนในปีการศึกษา  2552  ก่อนที่จะทยอยใช้จริงในปีการศึกษา 2555    นั่นหมายความว่า  ทุก 5- 10 ปี จะมีการปรับหลักสูตรใหม่กันสักครั้งหนึ่ง  เพื่อให้ทันกับโลกเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์ อีกทั้งภูมิปัญญา องค์ความรู้ได้มีการพัฒนาเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ  มากมายหากหลักสูตรไม่มีการปรับเปลี่ยน  อาจทำให้เยาวชนไทยสู้กับเยาวชนในเวทีโลกไม่ได้  ดูเหมือนว่าหลักสูตรใหม่ที่รอลุ้น  จะนำร่องในปีการศึกษา 2552  นั้น  เวลานี้เรียบร้อยแล้ว รอให้     เสมา 1 –  สมชาย วงสวัสดิ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาลงนามก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา

                เนื้อหาสาระหลักสูตรใหม่ มี 8  กลุ่มสาระการเรียนรู้เหมือนเดิม แต่เด็กจะเรียนน้อยลง  เพราะกำหนดเวลาแต่ละช่วงชั้นไว้ชัดเจน ระดับประถมศึกษาเรียนไม่เกิน 1,000  ชั่วโมงต่อปี  ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น  ไม่เกิน  1,200 ชั่วโมงต่อปี  และมัธยมศึกษาตอนปลายรวม 3   ปี  ไม่เกิน 3,600 ชั่วโมง  หลักสูตรเก่าไม่กำหนดชัดเจน  และปรับลดมาตรฐานตัวชี้วัดจาก 76  เหลือ 67  โดยตัดมาตรฐานตัวชี้วัดที่ซ้ำซ้อนกันออกไป  ทำให้นักเรียนไม่ต้องเสียเวลามาเรียนเนื้อหาที่ซ้ำๆ กัน

                แต่ละปีต้องมีเวลาเรียนขั้นต่ำในแต่ละกลุ่มสาระ เช่น  ป. 1  ต้องมีเวลาเรียนขั้นต่ำวิชาภาษาไทย  200  ชั่วโมง  คณิตศาสตร์  200  ชั่วโมง  วิทยาศาสตร์  80  ชั่วโมง สังคมศึกษา  80  ชั่วโมง  สุขศึกษาพลศึกษา  80  ชั่วโมง  ศิลปะ  80  ชั่วโมง การงานอาชีพและเทคโนโลยี  40  ชั่วโมง  กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน  120  ชั่วโมง  ในขณะที่หลักสูตรเดิมไม่มีการกำหนดให้สถานศึกษาจัดเวลาเรียนตามความพร้อมของบุคลากรมากว่าคำนึงถึงความเหมาะสมดร.เบญจลักษณ์  น้ำฟ้า  ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  ฉายภาพหลักสูตรใหม่  ไม่เพียงเท่านั้น  หลักสูตรใหม่ยังกำหนดชัดเจนให้ระดับ ประถมศึกษา  เน้นสอนวิชาภาษาไทย และคณิตศาสตร์เพราะเป็นพื้นฐานของการเรียนทกวิชา  ส่วนมัธยมศึกษาตอนต้น  เน้นวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์  วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา  และภาษาต่างประเทศ  ขณะที่มัธยมศึกษาตอนปลาย  จะลดวิชาการ เน้นให้นักเรียนทำกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมากขึ้น  นั่นหมายความว่า  แต่ละปีต้องมีเวลาเรียนขั้นต่ำในแต่ละสาระ   จากนั้นนำร่องหลักสูตรใหม่ในปีการศึกษา  2552   ในระดับ  ป. 1 ถึง ป. 6 ม.1 และ ม.4  ในโรงเรียนประถมศึกษา  มัธยมศึกษา  และโรงเรียนขยายโอกาสทั่วประเทศจำนวน 555โรงเรียน  โดยทยอยเริ่มใช้ทีละชั้นปีจนครบทุกระดับชั้นปีในปีการศึกษา  2555 

                ผมยังไม่ลงนาม เพราะต้องการเพิ่มเติมเรื่อง คุณธรรม  จริยธรรม  เพื่อปลูกฝังนิสัยซื่อสัตย์  สุจริต มีอุดมการณ์ให้แก่เด็ก จะช่วยแก้ปัญหาทุจริต  คอร์รัปชันได้ทั้งการทุจริตในองค์กรของรัฐและเอกชน

               

แหล่งที่มา  วารสารเนชั่น   ปีที่ 17  ฉบับที่ 842 

                                                                                                             

หมายเลขบันทึก: 195089เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2008 14:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 17:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

การศึกษา ต้องพัฒนความสนใจ ความสามารถ และความถนัด บนพื้นฐาความพอดี พอเพียง หลีกสมองฝ่อ สะกัดกั้นสุ่มเสี่งเบี่ยงเบน สร้างความสุข พึงพอใจแก่ผู้เรียนให้มาก ค้นพบตนเองให้เร็ว เรียนเท่าที่อยากเรียน ความรู้ ความสามารถสมารถต่อยอดได้ทุกเวลา ขอเพียงเอาคนให้ได้ สิ่งที่หมายย่อมไปถึง คำนึงถึงความเป็นธรรมชาติ ท้องถิ่น และความเป็นไทยให้มาก สร้างรักสามัคคี มีประโยชน์ สันติสุข

เด็กอ่อนให้เรียนวิชาหลักน้อย เช่น คณิตเพื่อชีวิต เรียนเท่าที่ได้ วิทย์ อังกฤษ ไทย เอาแต่แก่นที่เป็นฐานดำรงชีวิต รู้แนวทาง รู้ช่องทาง รู้การนำไปใช้ รู้การต่อยอด เน้นสิ่งที่ชอบเพื่อมีชีวิตที่ดี คุณลักษณะที่ควบคู่กับอาชีพ ทำได้ เห็นผล คู่กับการเรียน

เด็กเรียนอ่อน ปานกลางใช้เวลาอยู่โรงเรียนน้อยลง แต่ใช้ชีวิตที่ที่ประกอบการงานอาชีพ หรือที่บ้าน ที่มีงานมีรายได้ หรือที่ฝึกทักษะทางดนตรี กีฬา นาฎศิลป์ และมีคนควบคุมดูแลจัดการพัฒนาอย่างเป็นระบบ วัดผลประเมินผลได้ พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆน่าจะลดลง และเด็กก็จะมีพัฒนาการดีขึ้นเต็มศักยภาพตนเอง เท่าที่ทำได้เป็นไปตามลำดับขั้นการพัฒนาแห่งบุคคลได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท