บันทึกนกแอ่นกินรัง หน้าที่ 100 วุ้ยไม่ใช่ หน้าที่ 27


ใกล้โอลิมปิคเข้ามาทุกที

บันทึกนกแอ่นกินรัง หน้าที่ 100 ชะอุ้ย...ลบด้วยจำนวนหน้าที่เขียนไปแล้วเอาเอง ก็ได้ 73  แล้วเอาเลข x =73 นั้นมาลบด้วย100 อีกที จนได้หน้าที่ 27 (จะวุ่นวายไปทำไมเนี่ย ? ถ่วงเวลาไปซะงั้น)

ใกล้โอลิมปิค 2008 เข้ามาทุกที วันที่ 8 เดือน 8 ปี 2008 เลขสวย เขาว่าชาวจีนจะแต่งงานกันเยอะในวันนี้เพราะเลขมงคล แต่นกอีแอ่นไม่สนใจวันมงคล มันแต่งงานกันทั้งปี ชาวบ้านรังนกก็ชอบใจนิ

เรื่องโอลิมปิค 2008 ที่ปักกิ่งนี่

ชาวจีนเขาภูมิใจเสนอมาก กำลังเตรียมการอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แข่งขัน และเรื่องสถานที่รองรับกองทัพนักกีฬา ของที่ระลึก และอื่นๆ

อืม มีเรื่องหนึ่งที่เกี๊ยว เกี่ยวกับสิ่งที่ครูเล็กเขียนอยู่ คือเขียนค้างไว้ว่าลูกนกของใคร จะไปโอลิมปิค 2008 ได้ก่อนกัน หากสตาร์ทเมื่อวันวานนานมาแล้ว(วันที่เขียนบันทึกหน้าก่อนๆ ก่อนสงกรานต์ 51 อีกมั้ง)

จะให้เปรียบมวยว่าลูกนกของใครโตเร็ว และบินเร็วกว่ากันนั่นเอง มีนกกระจอก นกพิราบ และนกอีแอ่น

แล้วครูเล็กก็เฉไฉออกนอกเรื่องไปนาน

พอมาอ่าน นสพ.เมื่อวาน14 ก.ค.บางฉบับเขาบอกว่า ชาวจีนทำสนามกีฬารังนก-bird nest stadium เขาว่าเบื้องหลังของ stadiumนี้ มาจากการที่ชาวจีนผูกพันกับ "รังนก" ที่เอามาทำซุปรังนกนั่นเอง 

สนามกีฬาสร้างใหม่ จึงต้องทันสมัย ใช้พลังงานสะอาด รองรับผู้คนได้เยอะๆ

อันที่จริงเห็นจากข่าว หรือรายการทางเคเบิลทีวี ก่อนหน้านี้มานานแล้ว เรื่องสนามกีฬาในร่มนี้ เราไม่ได้คิดถึง "รังนก" รังของคุณอีแอ่นว่าจะเป็นต้นแบบ อย่างที่ นสพ.เมื่อวานเขาว่าเลย หรือว่า ต่างชาติชาวสวิสต์และทีมคนออกแบบ อาจไม่ได้เห็นรังนกเต็มๆ รังของนกอีแอ่นมั้ง และก็ตอนดูสารคดีเรื่องการก่อสร้างนี้ เขาก็ไม่ได้บอกที่มาที่ไป ว่าโยงใยถึงedible-nest นะ เขาเพียงแต่บอกว่า ต้องทันสมัยสู่ศตวรรษใหม่ 

ครูเล็กเห็นสนามกีฬาในร่มนั้นแล้วคิดถึง "ขนมรังนก" ของไทยเรา ที่ทำจาก มัน-เผือกเป็นเส้นเล็กๆ ทอดเป็นขยุ้มจุ้มลงไปในน้ำมัน จนกรอบ ห้ามไหม้เกรียม แล้วก็นำมาเชื่อมด้วยน้ำตาลหวานอร่อย กองขายเป็นก้อนๆ ใครซื้อก็หยิบใส่ใบตอง (--รุ่นไหนเนี่ย) ต่อมาก็ใส่ถุงพลาสติคไว้พร้อมขาย เป็นขนมของเด็กยุค 60s 70s หรือก่อนนั้น ที่ไม่มีขนมก๊อบแก็บอย่างสมัยนี้-- ขนมรังนก ถ้าเริ่มกินแล้ว ต้องกินกันให้หมดกันไปข้างหนึ่ง หยุดไม่ได้(หยุดทำอะไรไม่ได้ เพราะมือเปื้อนน้ำตาล) อูย เด็กบางคนนอนอมจนหลับไปแหละ  ถ้าคุณนึกออก เราก็เป็นพวก สว.--สูงวัยเดียวกันนะ

ทำไมไม่นึกถึงรังนกคุณอีแอ่น ก็เพราะว่ารังนกคุณอีแอ่นนะ มันเป็นทรงปุ้งกี๋ หรือบ้างก็ว่าครึ่งถ้วยแปะไว้ที่ข้างฝา บ้างก็ว่าเปลเล็กๆ แนบข้างฝา ไม่ได้สานกันแบบbird nest stadium ที่ออกแบบและสร้างอยู่ขณะนี้อะหน่อย  ที่สร้างอยู่น่ะ มันเหมือนขนมรังนกของเรามากกว่า แม้ว่าขนมรังนกจะไม่ได้เป็นระเบียบ อย่างที่สนามกีฬาออกแบบนี้ก็ตาม

อาจเป็นไปได้ว่า เขาเอาเสียงพร้องหรือเปล่าเนี่ย ไม่ได้เอารูปพร้อง

ที่เขียนเนี่ย ก็แค่อยากให้คนที่ดื่มรังนกจากขวด เห็นภาพรังนกจริงๆ ว่าเป็นแบบใดเท่านั้น

************************

เมื่อสนามกีฬาและอื่นๆ พร้อมแล้ว สำหรับลูกนกที่จะมาลงจอด

มาเฉลยกันเลยดีกว่า ว่าลูกนกใครจะโตเร็ว

นกอีแอ่นใช้เวลาเติบโต 40-45 วัน  โตช้า ถ้าเปรียบเทียบขนาดเดียวกันกับนกกระจอก

ขนาดตัวพ่อแม่เท่าๆ กัน คือประมาณ 8-10 กรัม และลูกนกทั้งสองเป็นพวกเปือยกาย นัยน์ตาปิด ต้องการการเอาอกเอาใจอย่างยิ่งยวดเหมือนกัน

ลูกนกกระจอกใช้เวลา 15-20 วัน และมันออกมากินข้าวนอกบ้านได้ ถ้าปีกยาวสักหน่อย  พ่อแม่ตามป้อนข้าวได้ โตเต็มที่แล้วก็ออกหากินเอง 

แต่ลูกนกอีแอ่นไม่มักออกนอกรัง เธอจะแขวนอยู่ที่รังตลอดกาล นานเท่านาน จนกว่าจะตัดสินใจออกไป ไปแล้วก็ไปเลยไม่กระโดดไปมา เธอไม่พยายามเคลื่อนที่ไปเที่ยวที่ใดด้วย เพราะเธอรู้ว่า พ่อแม่ไม่ตามป้อนข้าวแน่ หรือรังอื่นอาจเขี่ยเธอทิ้ง

ทั้งสองพันธุ์ต่างชีวิต ต่างสไตล์

อ้าวแล้วนกพิราบล่ะ นกพิราบน่ะเป็นจ้าวแห่งการบิน มันเป็นนกแข่งนะ ฝึกได้ และเป็นนกสุดหวงแหนของเจ้าของบ้านที่เลี้ยงพิราบฝึก ดังนั้น ถ้าจะให้แข่ง นกพิราบก็ได้เปรียบอะ และก็ขอถอนตัวเพราะนักกีฬาเก่า  ไม่อยากแข่งกับนกธรรมดาสามัญ

มาแข่งแค่สองลู่บินละกัน นกกระจอก กับนกอีแอ่น

 เรื่องความเร็ว นกอีแอ่นบินเร็ว ระยะถีบตัวออก ก็เร็วมาก พุ่งออกไป 70-80 กม./ชม. ส่วนนกกระจอกไม่รู้ว่าจะทำได้เท่ากันหรือไม่ ถ้ามันทำได้ ก็ระยะสั้น ที่แน่ๆ คือมันต้องพักเกาะคอนก่อน แล้วก็ทำเสียง

ซีป ซีป ก่อกวนคนสักหน่อย พอคนรำคาญก็ค่อยขี้ใส่

(ครูเล็กมีทัศนคติติดลบกับนกกระจอกนะเนี่ย ว่าไม๊  ดูเหมือนนะ แต่อะ ไม่-ไม่เลย เพราะนกกระจอกคืออุปกรณ์การสอนของครูเล็กมาตลอดในวิชาปักษีวิทยา)

ถ้านกทั้งสองสตาร์ทออกจากรังพร้อมกัน ก็ไปไม่ถึงโอลิมปิค 2008 พร้อมกันหรอกนะ ยกเว้นแต่ว่านก

กระจอกจะไปเครื่อง 

*******************

เอาเป็นว่า วันนี้ ทำภาระกิจครบ เขียนถึงหน้าที่ 100 แบบมีเล่ห์

(เรื่องนี้มาจาก  มีคนกระเซ้าว่า ครูเล็กจะเขียนถึงหน้าที่ 100 ในศตวรรษไหน? ครูเล็กตอบไปเมื่อวานว่า "พรุ่งนี้")

ทำตามสัญญาได้จริงจริง ส่วนหน้าที่ 100 ตัวจริงนั้น ก็คงเป็น "พรุ่งนี้" เหมือนเดิม

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน หากมีโอกาสได้สร้างบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา (หรือกับศาสนาอื่นๆ)

ขอให้โลกสงบสุข วุ้ย ลืมไปนึกว่าอยู่บนเวทีประกวด........ ที่เวียดนาม

ครูเล็ก

 

 

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #นกแอ่นกินรัง
หมายเลขบันทึก: 194300เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2008 14:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน 2012 22:29 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ครูเล็กครับ อัตราความเร็ว 1.0254117647 หน้าต่อเดือน

ให้ได้ 100 หน้า ก็ต้องใช้เวลา 97.52 เดือน

นี่ก็ 34 เดือนแล้ว ก็ยังขาดอีก 5 ปี กับ 3เดือนครึ่ง ก็คง 100 หน้า ครับ

แต่อัตราความเร็วนี้มีแนวโน้มถดถอย

แต่ยังงัยก็รออ่านของครูเล็กครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

อูย มีคนมาcount ทางสถิติกับครูเล็กแล้วซี

(สงสัยจอมเปรียบเทียบมากไปหน่อย เลยเข้าเนื้อ+ไขมัน)

อะ คุณสะโตย ครูเล็กยังไม่เชื่อตัวเลขที่บอกมานะ มัน "เสมือนจริง" มากไปหน่อย

ต้องตรวจสอบว่า significant or non-sig. ก่อนดิ

(...พยายามขอความเมตตาจากศาลที่เคารพ อย่าถอดถอนเลยนะ นะ)

ประโยคแรกๆ ทำกำลังใจถดถอย ดิ่งลงเหวอย่างไรไม่รู้

แต่ เสียงหัวเราะหุหุ ขำกลิ้ง ตอนอ่าน

บวกกับประโยคท้าย คล้ายเชื้อเพลิง E85 เจอกับเครื่องยนต์hybrid เลยทีเดียวเชียว

  • แบ่งให้ 72.07 หน้าแล้วกัน..อิอิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท