Mind Map in My Mind
เมื่อวันศุกร์-เสาร์ ที่ 4-5 ก.ค. ไปร่วมงาน Mind Map Festival 2008 ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ฟังจากชื่องานตอนแรกไม่ได้สนใจนัก เพราะเรารู้จัก และใช้ mind map เป็นมานานแล้ว ตอนที่เคยไปแนะนำเครื่องมือนี้เพื่อให้น้องๆ รู้จัก และหยิบมาใช้ ตัวเองเคยพูดว่า “หลงใหลในความสามารถของเครื่องมือนี้” ที่เด็ดมากๆ เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองที่นำมาใช้ระดมสมองการจัดนิทรรศการงานใหญ่ในอีกสามเดือนข้างหน้า สามารถคิดกันได้ภายในชั่วโมงเศษ ถ้าไม่มี mind map / mind manager มาช่วย คงประชุมกันไม่จบ เพราะผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่าสิบคน แต่ละคนเสนอกันแล้ว ก็ช่วยกันแก้ไปมา จนเลขางง พอใช้ mind map เข้ามาช่วย จึงเหมือน พระเอกขี่ม้าขาว ไปเลย
เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดกำหนดการ พบว่ามีหลายหัวข้อน่าสนใจ มีคำใหม่ที่ไม่เคยได้ยิน “Mouthful Mind Map” คืออะไร
Mouthful Mind Map พัฒนาจาก Pechakucha Night ซึ่งกำเนิดในโตเกียวประเทศญี่ปุ่นและปัจจุบันแพร่ไปตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นเวทีที่นักออกแบบ สถาปนิกและศิลปินใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเป็นประจำ สนใจศึกษาได้ที่ http://www.pecha-kucha.org/ และhttp://en.wikipedia.org/wiki/Pecha_Kucha (ที่มาจาก แผ่นพับประชาสัมพันธ์ของงาน)
ผู้ที่มานำเสนอในวันนั้นได้เวลาคนละ 10 นาที นึกชมอยู่ในใจ วิทยากรจากสิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย หลายท่านบินมาเพื่อพูดเพียง 10 นาที เรียกว่ามาด้วยใจจริงๆ ที่อยากจะมาร่วมงานนี้ พวกเขาเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ยอมรับว่ามี mind map อยู่ในหัวใจ
นอกจากนั้นในงานครั้งนี้มีการผสมผสานเรื่องของ “ mind map เครื่องมือที่อัจฉริยะเลือกใช้” บรรยาย โดยคุณ วนิษา เรซ เธอเปิดเผยว่าที่ชนะในเกมนี้ เป็นเพราะใช้ mind map ช่วยสรุปข้อมูลที่อ่านมาทั้งหมด และที่สำคัญต้องไม่ตื่นเต้น หรือเครียดก่อนแข่ง และพักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากต้องไปแข่งตอนกลางคืน เรื่องที่มีคนซักถามมากที่สุด คือ “อุปนิสัยของคนโชคดี” มี 4 อย่าง จดทันมา 2 อย่างคือ ศักยภาพมองเห็นโอกาสหลายๆ โอกาส และ เปลี่ยนโชคร้ายให้เป็นโชคดี
อีกเรื่องที่เป็นหนังสือขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า “The Secret” พันโทอานันท์ ชินบุตร อาชีพหลักเป็นทหาร แต่มีเวลามาแปลหนังสือ ด้านการบริหารการจัดการ จำนวนนับสิบเล่ม ท่านมาเปิดเผยเคล็ดลับการใช้ศักยภาพในตัวอย่างเต็มที่
อย่างแรกเลยคือต้องมั่นใจในตัวเอง เนื่องจากท่านจบมาทางด้านแผนที่ ด้วย จึงมีคำว่า “Mapping the future by heart and head” เราต้องมีภาพของอนาคตที่เราอยากเห็นซึ่งคิดด้วยหัวใจและสมอง
ต่อมาต้องฝึกสมาธิให้มีสติ จิตมีพลัง พูดซ้ำ ย้ำทุกวัน ขจัดความกังวลต่างๆ ถ้าไม่ล้างท่อให้สะอาด น้ำจะไหลเข้าไม่เต็มที่
คำสำคัญสรุปได้คือ เห็นบ่อยๆ ปล่อยวาง นั่งสมาธิ ริเริ่ม เติมพลัง
ในวันที่สอง เริ่มต้นด้วย Brain Gym ในส่วนนี้ตัวเองเคยนำมาใช้ในกิจกรรมการสัมมนาบ่อยๆ เพื่อให้พนักงานได้เปลี่ยนอริยาบถ และช่วยให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น อ.ขวัญฤดีมาเกริ่นหลักการ แล้วมีอาจารย์โรงเรียนดาราวิทยาลัยจากเชียงใหม่ มาเล่าประสบการณ์การนำ brain gym กับ การวิเคราะห์สไตล์การเรียนรู้ และความถนัด 32 โครงสร้าง ไปประยุกต์ใช้กับนักเรียนในห้องของท่าน พบว่าเด็กๆ ชอบและเรียนรู้ อย่างมีสมาธิมากขึ้น หลักการที่ อาจารย์นำมาใช้ ทำให้คิดถึงการให้บริการลูกค้า ถ้าอาจารย์ท่านนี้มาทำธุรกิจน่าจะประสบความสำเร็จสูง เพราะในบริษัทต่างๆ อยากให้เราบริการลูกค้าโดยคำนึงถึงข้อมูลพื้นฐานที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละคน ที่เราควรตอบสนองความต้องการ ความเป็นตัวตนที่เป็นลักษณะเฉพาะของเขาให้ได้
เมื่อจบการบรรยายส่วนนี้ หนังสือ 32 Dominance Factor ที่ อ.ขวัญฤดี แปลไว้ ขายหมดเกลี้ยง ออกมาซื้อไม่ทันเลยค่ะ แสดงว่าผู้มาเข้าสัมมนาส่วนใหญ่คงเป็นครูบาอาจารย์ และอยากนำไปใช้ในโรงเรียนบ้าง
ในวันนี้มีวิทยากรชาวจีนท่านหนึ่ง อาชีพหลักสอนชี่กง แต่มางานนี้พูดเรื่อง ชี่กงกับการพัฒนาสมอง ทำให้นึกถึง ไท้ฉีฉวน ของ อ.ฌาณเดช ที่สอนเรื่อง ฐานกาย ใจ ความคิด จำได้แม่นยำ เพราะได้ประสบการณ์ตรง จึงคิดว่า ไม่ว่าจะเป็น โยคะ ไท้ฉีฉวน ชี่กง หรืออื่นๆ ที่ใช้หลักการเคลื่อนไหว ร่างกาย ดูลมหายใจ ได้สมาธิ ล้วนแต่ช่วยให้ใจสงบ ความคิดโลดแล่นทั้งสิ้น อ.หยาง เผยเซิน ไม่ได้มาสอนชี่กง แต่มาเน้นให้เรา พัฒนาสมองซีกขวาและการบริหารจิตใต้สำนึกให้ทำงานร่วมกับจิตสำนึก โดยการทำสมาธิก่อนนอน ตอนยังไม่หลับ หลักการหนึ่งที่อาจารย์ให้ คือ การทำความกระจ่างในเป้าหมายชีวิตของตัวเอง ระยะเวลาที่จะไปสู่เป้าหมาย และผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิด แล้วจินตนาการสร้างภาพ ในใจ หมั่นทบทวนดูบ่อยๆ ตอกย้ำทุกวันจำให้ได้
ในส่วนอื่น ยังมีเรื่องเทคนิคการจำ บรรยายโดย อ.บุญเกิด ธรรมวาสี ที่มีความสามารถในการจำ รหัสไปรษณีย์ ทุกอำเภอในประเทศไทย และรหัสโทรศัพท์ทางไกลของทุกจังหวัด ทั้งที่ไม่ได้ทำงานไปรษณีย์ ไทย
ในช่วงสุดท้ายของวันที่สองมี mouthful mind map แบบไทยๆ โดยคนไทยอีกหลายท่านที่มาเล่าประสบการณ์การใช้ mind map ในการทำงาน เช่น อ.ขวัญสรวง คุณธนัตถ์ จันทวาท แชมป์อัจฉริยะข้ามคืนสองครั้ง อ.จงรัก เทศนา ท่านนี้รู้สึกประทับใจมากเพราะเป็นอาจารย์ในโรงเรียนที่ทุ่มเทให้นักเรียนมากๆ ให้นักเรียนทำโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดอุทัยธานี โดยประยุกต์เครื่องมือบางอย่างในระบบบริหารคุณภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งใช้ mind map ในการจัดระบบข้อมูลอีกด้วย และท้ายที่สุดของวิทยากรคนสุดท้ายเป็นชาวออสเตรเลีย ที่ไม่สามารถเรียนหนังสือได้ เพราะมีความบกพร่องในการอ่านหนังสือ ออกจากโรงเรียนตอนอายุ 15 แต่เมื่อคุณพ่อของเธอมีโอกาสรู้จักกับ Tony Buzan และแนะนำให้รู้จัก mind map เธอสามารถกลับมาเรียนหนังสือได้เกรด A หลายวิชาเมื่ออายุ 31 ปี
จากการมาร่วมสัมมนาครั้งนี้ ทำให้เห็นว่า แม้จะเคยรับรู้บางเรื่องราวมาแล้ว ไม่ควรรีบด่วนสรุปว่าเรารู้ดี หรือรู้มามาก เพราะเมื่อกลับมาเรียนรู้ ก็ได้พบข้อมูลใหม่ๆ หรือเรื่องที่มีคุณค่ามากๆ นั่นก็คือการที่มีคนมาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ให้ฟัง นี่แหละสำคัญที่สุด ขอให้เปิดใจ เปิดสมอง ล้างท่อให้สะอาด ข้อมูลดีๆ ก็จะไหลเข้ามาเก็บในถังคลังสมองของเรา และสามารถเรียกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคต
ความเห็น (9)
ได้ความรู้มากเลยครับ จะตามไปอ่านต่ออีกครับ
น่าสนใจมากเลยครับ เพราะปกติก็ใช้เครื่องมือนี้ ในการจัดวง ลปรร.ทั้งในระดับเจ้าหน้าที่และเกษตรกร เสียดายครับเลยงานมาแล้ว ขอบคุณครับที่นำมาเล่าสู่กัน
พี่ส้มครับ
มีจัดอีกเมื่อไหร่ครับ ตอนนี้สนใจจะส่งลูกสาววัยแปดขวบไปเรียน เหมาะสมไหมครับ
ขอความคิดเห็นด้วยครับพี่
ขอขอบคุณทั้งคุณหมอ JJ, คุณราญส่งเสริม และคุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
ที่ติดตามมาเยี่ยมเยียน และยินดีมากค่ะ ที่ผู้อ่านจะได้รับความรู้เพิ่มเติม
ส่งข้อมูลการอบรมไปให้ คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนามแล้ว หวังว่าคงได้รับเรียบร้อยแล้วนะคะ
ขอบคุณค่ะ^^
สวัสดีค่ะ ขอบคุณและยินดีอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาศักยภาพสมองที่ยั่งยืน ติดต่อได้ที่ ไอเป็นคนหนึ่งที่จัดงานนี้ค่ะ http://www.oknation.net/blog/peungae
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่สนใจเรื่องการพัฒนาสมองที่ยั่งยืนมาก ไม่ทราบว่าจะมีการจัดอบรมแบบนี้อีกเมื่อไร ถ้ามีข้อมูลกรูณาติดต่อกลับตามที่อยู่ที่แจ้งด้วย ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
อยากเขียน my map เป็นเพื่อพัฒนาสมอง จะทำอย่างไรดีค่ะ มีอบรมที่ไหนอย่างไร ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
สวัสดีคะ
ขอบคุณนะคะที่นำมาแบ่งปัน ทำให้คิดถึงเครื่องมือนี้มาช่วยในการทำงานและนำมาช่วยการประชุม