ชาดา ~natadee
ชาดา ชาดา ~natadee ศักดิ์รุ่งพงศากุล

ความรัก....ความอดทน


สิ่งที่มนุษย์มีมากมายจนดูเหมือนไม่มีวันหมด นั่นคือ "ความรัก"

สิ่งที่มนุษย์มีมากมายจนดูเหมือนไม่มีวันหมด นั่นคือ "ความรัก"

แต่สิ่งที่มนุษย์มีจำกัดจนดูเหมือนกับว่าเห็นแก่ตัว

นั่นคือ  "ความอดทน"  ท่านผู้สันทัดกรณีว่ามาอย่างนี้

ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง
หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาตเห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า
'ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ
แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ
'
หลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า
'เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน 
           คนแรก    คือ คนที่เราอยากจะเป็น  
           คนที่สอง  คือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น  
           คนที่สาม  คือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ
      
'
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา
'คนเราล้วนมีความฝัน ความทะยานอยาก ตามประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย
บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน เช่น บางคนอยากเป็นนักร้อง
เป็นนักมวย เป็นดารา ถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม
ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ
'

มาถึงไอ้ตัวที่สองจะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศ
จนเราอาย เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ
แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์ จนไม่อยากจะนึกถึง ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้
'
'อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถ ก็ต้องขับรถหนี
ทั้งที่ศพนั้น ถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ
บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร
'
'
สมัยที่หลวงตายังไม่ได้บวชเคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้ว เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว
ส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่อง ชาวบ้านซุบซิบนินทา หาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน คนที่เห็นนั้น
มองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง
คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี
ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำ
อย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล
'
'แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย ๆ'
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้วเริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

'เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์ เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ เราห้ามใจใครไม่ได้ สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ใจเราควรสงบนิ่ง ยังไม่ต้องชำระ ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม'
'เข้าใจคับหลวงตา  เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง

                 ขอสาธุชนผู้เจริญจงสดับตรองดู  ขอให้ธรรมคุ้มครอง

 

หมายเลขบันทึก: 191723เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2008 09:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2013 19:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สาธุ สาธุ และ สาธุ ครับ

ขอบพระคุณมากค่ะ

สำหรับภาพประกอบ..เข้ากันได้ดีกับข้อคิดนะคะ

หวัดดีค่ะ...

อ่านแล้ว...

รู้สึกเติมเต็มชีวิตและปลงไปพร้อม ๆ กัน ค่ะ

เราย่อมรู้ตัวดี ว่าเราเป็นอย่างไร

แค่นี้ก็สุขใจค่ะ

ขอบคุณค่ะ than windy

เช่นกันค่ะ ...

แค่สุขใจก็เพียงพอค่ะ..

ในตัวเรามีคนอยู่สามคน 
  คนแรก    คือ คนที่เราอยากจะเป็น  
  คนที่สอง  คือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น 
 
  คนที่สาม  คือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ
  

จริงด้วยค่ะ...แต่คนเรามักจะเลือกอยากจะเป็นมากกว่าเราเป็นจริงๆ...และที่สำคัญสังคมก้อคิดว่าเป้นคนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็นเหมือนกับตัวอย่างที่ยกให้เห็น...ชอบจังความรักกับความอดทน...หากรักมากก็จะอดทนมาก..อดทนให้ถึงที่สุด...ความรักจะทำให้โลกสวยงาม...ค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณกัสจัง...

ยิ่งรักมากก็ยิ่งอดทนมาก

แต่เมื่ออดทนจนถึงที่สุด..ของที่สุดแล้ว...

ก็จะมีที่สุด...ของที่สุด..ของความรัก...

หรือ "หมดรัก" ได้เช่นกันค่ะ

ความรักทำให้โลกสวยงาม

เมื่อหมดรักกันเมื่อใด.. โลกนี้ไม่ยุติธรรมกับเราทันทีค่ะ...

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ อ่นแล้วเข้าใจจิตใจคนอื่นเยอะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท