วิธีเลิกโกรธอย่างง่าย


นลเฉลย

วิธีเลิกโกรธอย่างง่าย

นลเฉลย

 

ท่านที่ได้อ่านบทความเรื่อง “ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการให้อภัย” ก็คงจะเข้าใจนะครับว่า ความโกรธ เป็นเหมือนไฟ เก็บไว้ก็รังแต่จะทำให้เราร้อนใจ ไม่มีความสุข ถ้าเลิกโกรธได้ใจเราก็จะสงบสุข เย็นใจ พูดอีกแบบ คือ การเลิกโกรธ เป็นวิธี หาความสุข วิธีหนึ่ง หลายท่านที่อยากเลิกโกรธ แต่รู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก ไม่สามารถทำได้ ผมมีเคล็ดลับที่จะช่วยให้ท่านเลิกโกรธได้ ไม่ง่ายไม่ยาก ต้องลงมือทำ ลองอ่านดูนะครับ

ข้อแรกคงต้องหาความโกรธให้เจอ “ยอมรับว่ายังโกรธ”

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกเลยครับ หาให้เจอว่าเรายังโกรธอยู่ เพราะถ้าหาความโกรธไม่เจอ หรือปฏิเสธว่าเราไม่ได้โกรธ ก็ไม่ต้องคิดจะแก้ครับ อุปมาอุปไมย เหือนการ บ่งเสี้ยน ก่อนที่เราจะเอาเสี้ยนออกได้ เราต้องหาให้เจอก่อนว่า มีเสี้ยนหรือไม่ มีอยู่ที่ไหน ฉันใดก็ฉันนั้นครับ ถ้าจะเลิกโกรธก็ต้องทำอย่างเดียวกัน หาความโกรธให้เจอ ที่ต้องเน้นเรื่องนี้เพราะมีคนหลายคน ที่ปากบอกว่า "ไม่โกรธๆ" แต่กัดฟัน ขบกรามแน่น  ดังนั้นต้องดูว่าเรา โกรธ ไม่พอใจ เขาอยู่หรือไม่ ความโกรธที่เก็บไว้นี้ แสดงออกมาได้หลายรูปแบบ หลายครั้งความโกรธจะแฝงอยู่ในรูปความกังวล คิดไปต่างๆนานา ว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีกับตัวเขา กับ “คนที่เราโกรธ” (ทั้งที่ไม่รู้ตัวว่าโกรธ) ผู้อ่านหลายคนคงงงว่า ความเป็นห่วงกังวล น่าจะเป็นผลจากความหวังดี ทำไมผมบอกว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของความโกรธ ลองคิดตามนะครับ เวลาที่เรา “เป็นห่วง” หรือ “กังวล” เราจะคิดว่าจะเกิดเรื่อง ร้ายๆ กับคนคนนั้นใช่ไหมครับ คิดว่าอาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น กลัวไปต่างๆนานา เลยเป็นห่วง เห็นไหมครับว่า มันเริ่มที่การคิดร้ายก่อน คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ ทั้งที่มันยังไม่เกิด การคิดร้ายนี่แหละครับที่แสดงว่าเรายังมี ความโกรธ ไม่พอใจ คนที่เราเป็นห่วงอยู่ นอกจากความกังวลแล้ว ถ้าเรา ไม่อยากพูดถึง หรือ พยายามลืม ก็เป็นอีกสัญญาณที่แสดงว่ายังโกรธ เพราะถ้าหายโกรธแล้ว เราจะไม่ลืม แต่จะพูดถึงเรื่องนั้นได้อย่าง สบายๆ ในรายที่เลิกโกรธได้หมด อาจมองเรื่องนั้นเป็นเรื่องน่าขบขันเสียด้วยซ้ำ การลืมเป็นเพียงแค่วิธีที่ช่วยให้เราไม่นึกถึงเรื่องนั้น เพราะพอนึกถึงแล้วทำให้ไม่สบายใจ หงุดหงิด โมโห หรือพูดอีกอย่างคือ เรายังโกรธ อยู่นั่นเอง การจะยอมรับว่ายังโกรธนี้ ต้องเข้าใจว่า ความโกรธ ไม่ใช่ความผิด หลายคนคิดว่า เราไม่ควรโกรธ คนบางคน โดยเฉพาะถ้าคนคนนั้นเป็นคนที่เรารัก หรือ เป็นคนที่มีพระคุณกับเรา แต่ในความเป็นจริง ยิ่งใกล้ชิดมากยิ่งมีโอกาส โกรธมาก อย่างที่เขาบอกว่าลิ้นกับฟัน อยู่ใกล้กันเลยมีเรื่อง กระทบ กระทั่ง กันได้ง่าย ยิ่งรักมาก ยิ่งคาดหวังมาก ก็มีโอกาส ไม่สมหวังมาก เลยพลอยทำให้โกรธ หรือไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นการที่จะรู้สึกโกรธ คนที่เรารักนั้นเป็นเรื่อง “ปกติ” ถ้าคิดอย่างนี้ได้ก็จะช่วยให้ยอมรับได้ว่า มีความโกรธ การยอบรับนี้จึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมากในการที่จะเลิกโกรธ

ความเข้าใจเป็นบันไดสู่การให้อภัย

ความเข้าใจช่วยให้เราให้อภัยคนที่เราโกรธได้ง่ายขึ้น เข้าใจในที่นี้หมายถึงเข้าใจว่า คนที่ทำให้เราโกรธนั้น เขากำลังเจออะไรอยู่ ผมอาจจะยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆ เช่น คุณนัดกับแฟนที่จะไปทานอาหารเย็นกัน ในโอกาสวันเกิดคุณ ถึงเวลานัด รอแล้วรอเล่า แฟนของคุณก็ไม่โผล่มา ติดต่อไม่ได้ ตามตัวไม่เจอ โทรไปหาที่บ้านก็ยังไม่กลับ จนสุดท้ายคุณ ต้องทานข้าวคนเดียว ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ กลับบ้านและคิดว่า ถ้าเจอหน้าเมื่อไหร่ ต้องต่อว่าให้สาสม ปรากฎว่า วันรุ่งขึ้น ครอบครัวแฟนโทรมาบอกว่า แฟนคุณเกิดอุบัติเหตุเมื่อคืน ต้องเข้าโรงพยาบาล หลังอุบัติเหตุแฟนคุณหมดสติไม่รู้ตัว ญาติที่บ้านตามหาทั้งคืน พึ่งตามพบเมื่อเช้านี้ พอไปถึงแฟนของคุณเพิ่งจะรู้สึกตัว และถามว่ามีใครโทรมาบอกคุณหรือยัง เป็นห่วงกลัวว่าคุณจะรอ เอาละครับ หยุดตรงนี้ก่อน คุณคิดว่าพอได้ฟังเรื่องที่ญาติแฟนบอก คุณจะยังโกรธอยู่ไหม หายเป็นปลิดทิ้งเลยใช่หรือไม่ครับ เผลอๆ จะโกรธตัวเองด้วยซ้ำที่โกรธแฟนที่ไม่ยอมมาตามนัดเมื่อวาน เห็นหรือยังครับว่า ความเข้าใจ มีอานุภาพแค่ไหน พอเข้าใจ ก็ อภัย ได้ง่ายขึ้น ปัญหาคือ หลายครั้ง "มันไม่เข้าใจ" หรือ มันไม่ได้เข้าได้ง่ายๆ อย่างตัวอย่างข้างต้น สมมุติ แฟนคนเดิม เรื่องเดิม นัดมาทานข้าวเลี้ยงวันเกิดคุณ ถึงเวลาไม่มา แต่คราวนี้ ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ เพียงแต่บอกว่า เจ้านายใช้ทำงานจนดึก มีงานเร่ง พอจะโทร โทรศัพท์ก็แบตหมด เลยโทรไม่ได้ คุณฟังคำแก้ตัวนี้อาจจะยิ่งโกรธใหญ่ และคิดน้อนใจไปต่างๆนานา แต่ถ้าคุณได้ ทราบประวัติของแฟนว่า เขากำพร้ามารดาตั้งแต่เล็ก มารดาเขาเสียชีวิตในวันที่เขาเกิด ตั้งแต่จำความได้ ทุกวันเกิดของเขา พ่อเขาจะพาไปทำบุญที่วัด โดยไม่เคยมีงานเลี้ยงใดๆทั้งสิ้น สำหรับเขาวันเกิด คือวันที่เศร้า เป็นวันที่เขาไม่อยากนึกถึง พอโตขึ้น พ่อเลิกพาไปวัด วันเกิดของเขาก็จางหายไปเหมือนเป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง ตั้งแต่เด็กเขามักจะไม่ไปร่วมงานวันเกิด ไม่ว่าจะเป็นงานใคร โดยเจ้าตัวเองก็ไม่รู้เหตุผล รู้เพียงว่าไปแล้วไม่สนุก และมักมีเหตุผล ข้ออ้างทำให้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดไม่ได้เสมอ เป็นอย่างไงครับทราบเรื่อง เข้าใจที่มา พอจะอภัยง่ายขึ้นไหมครับ ในชีวิตจริงเราอาจไม่สามารถเข้าใจทุกเรื่องอย่างที่ผมยกตัวอย่าง แต่การ “พยายามที่จะเข้าใจ” เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ เลิกโกรธ ได้ง่ายขึ้นครับ   

มองให้ลึกถึงเจตนา

เรื่องเจตนา เป็นเรื่องสำคัญ หลายครั้งเราโกรธ ในเรื่องที่คนอื่น “ไม่เจตนา” การที่เห็นว่าผู้ที่ทำให้เราโกรธไม่ได้เจตนาช่วยให้เราให้อภัยเขาง่ายขึ้น แต่ความสำคัญของเจตนาไม่ได้มีเฉพาะว่าผู้กระทำเจตนาหรือไม่ บางครั้งการกระทำด้วย “เจตนาดี” ก็อาจทำให้เราโกรธได้เช่นกัน ลองนึกถึงแม่ที่พร่ำบ่น จู้จี้ จนทำให้ลูกโกรธ หรือ น้อยใจ กรณีเช่นนี้ ท่านผู้อ่านคงเห็นได้ไม่ยากว่า สิ่งที่แม่ท่านนั้นทำเป็นการกระทำด้วยเจตนาที่ดี หวังดี จริงอยู่ที่การกระทำด้วยเจตนาดี หลายครั้งก่อให้เกิดผลเสีย และทำให้ผู้ถูกกระทำ โกรธหรือไม่พอใจได้ แต่การมองให้ลึกถึงเจตนา จะช่วยให้เรา เลิกโกรธ หรือ ให้อภัยได้ง่ายขึ้น

ขอโทษช่วยให้หายโกรธได้

 ขอโทษที่ว่านี้มิได้หมายความว่า คนที่ทำให้เราโกรธมาขอโทษ เรานะครับ แต่เป็นเราไปขอโทษเขา ผู้อ่านหลายคนอาจนึกเถียงในใจว่า เราถูกกระทำ เขามาทำให้เราโกรธ นอกจากที่เขาไม่ได้ขอโทษเราแล้ว ทำไมเราต้องไปขอโทษให้เขาด้วย ครับคงต้องกลับไปที่ประเด็นว่าการขอโทษที่เราทำนั้นทำเพื่อช่วยให้ ตัวเราเอง หายโกรธ และที่สำคัญคือ หายโกรธเพื่อความสุขของตัวเราเอง ทีนี้สาเหตุสำคัญที่เรา ควรขอโทษ เป็นเพราะการขอโทษ ช่วยทำให้เราเห็นว่า เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นที่ทำให้เรา โกรธ ไม่พอใจ นั้น เราเองอาจมีส่วนร่วมรับผิดชอบอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย การที่ผู้ร่วมกระทำผิด(ตัวเราเอง) ขอโทษ ช่วยให้เรายกโทษผู้ที่ทำผิด (ทุกคน) ได้ง่ายขึ้น เรื่องนี้อธิบายยากครับ วิธีที่ดีที่สุดคือ ต้องลองทำดูครับ

 

สร้างความรักขึ้นในใจ

            ความรัก กับ ความโกรธ เป็นสิ่งที่มักจะเป็นสิ่งที่อยุ่ร่วมกันได้ยาก คนหลายคนที่รักกันมากๆ แต่พอมีเรื่องผิดใจกันก็จะกลายเป็นโกรธกันมากๆไปได้ ในทางตรงกันข้าม มีหลายรายที่ไม่ถูกกัน โกรธกัน ไม่ชอบหน้า ไม่ถูกชะตากัน แต่พอหายโกรธได้กลับกลายเป็นรักกันมาก เรื่องรักกลับเป็นโกรธ โกรธกลับเป็นรัก เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องรักเป็นโกรธ เพราะคนรักกันอยู่ใกล้กันมักจะมีความคาดหวัง คิดว่าคนที่เรารักจะ เข้าใจ หรือ ทำตามที่เราต้องการ หลายครั้งเป็น ความต้องการที่ไม่ตรงกัน เลยก่อให้เกิดความโกรธไม่พอใจขึ้น ผู้อ่านหลายท่านอาจตั้งคำถามว่า แล้วถ้าสร้างความรักให้มากขึ้น จะไม่ยิ่งเพิ่มความคาดหวัง ยิ่งทำให้ไม่พอใจมากขึ้นหรือ คำตอบคือ ไม่ครับ ถ้าความรักนั้นเป็น ความรักแบบไม่คาดหวัง ความรักที่บริสุทธิ์ คำถามคือจะทำอย่างไรจึงจะมีความรักแบบนี้มากๆ คำตอบอยู่ที่เรื่องของศาสนาครับ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ หรือ อิสลาม หรือศาสนาอื่นๆ ล้วนมีวิธีที่จะเพิ่มความรักแบบนี้ทั้งนั้น สำหรับศาสนาพุทธ คือการแผ่เมตตา โดยแผ่ความปรารถนาดีให้กับทุกๆคน รวมทั้งตัวเราเอง ฝึกแผ่ความรู้สึกดีๆที่มีออกไปให้กับทุกคนอย่างไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ การปฏิบัติเช่นนี้บ่อยๆจะช่วยให้เรามีความรักที่ดีเพิ่มขึ้นในใจ และเลิกโกรธได้ง่ายขึ้น

 

การลดการยึดมั่น

การปล่อยวาง ลดการยึดมั่นถือมั่น ดูเหมือนจะเป็นคำแนะนำที่ พูดง่ายแต่ทำยาก อย่างไรก็ดีผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จำต้องพูดซ้ำ เพราะหลายครั้งความโกรธ ความเคียดแค้น ความอาฆาต เป็นเพราะ การยึดติด กับเรื่อง “ศักดิ์ศรี” “การรักษาสัจจะ” ที่นำมาอ้าง ว่าทำให้เลิกโกรธ หรือ ให้อภัยไม่ได้ ผมอยากให้ท่าน ลองอ่าน บทความเรื่อง คนว่าเรา เขาว่าใคร และ เรื่องวันในชีวิต ที่ผมเขียน เพราะอาจทำให้ท่านเห็นว่า สิ่งที่เรายึดมั่นว่าเป็น “ศักดิ์ศรี” หรือ “สัจจะ” นั้นมัน มั่นคงถาวรแค่ไหน ที่สำคัญมันใช่ ของของเราจริงหรือเปล่า นอกจากนี้การเข้าใจเรื่อง วันในชีวิต และเป้าหมายของชีวิต อาจช่วยให้ท่านตอบตนเองได้ชัดขึ้น ว่าอะไรคือสิ่งที่ท่านต้องการในชีวิต “ศักดิ์ศรี” “สัจจะ” หรืออย่างอื่น  

               

           

 

บุญกุศลอันใด ที่เกิดจากบทความชิ้นนี้ ขออุทิศให้ แก่ ผู้อ่านที่นำไปใคร่ครวญ ขบคิด ปฏิบัติ

และขออุทิศให้กับ ศัตรูคู่อาฆาต เจ้ากรรมนายเวร ของผู้เขียน

ไม่สงวนลิกข์สิทธิ์ ใดๆทั้งสิ้น สามารถนำไปแจกจ่าย คัดลอก ทำซ้ำ ได้ตามต้องการ

 

คำสำคัญ (Tags): #อภัย#โกรธ
หมายเลขบันทึก: 189463เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2008 17:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2012 16:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ...ค่ะสัปดาห์ที่ผ่านมาโดนเจ้าความโกรธโจมตีอยู่หลายรอบ...ก็มีการแสดงออกและการจัดการต่างๆออกไปค่ะ

  • โกรธรถบางคันที่ไม่ยอมเปิดไฟเลี้ยว....อันนี้ข่มใจได้สงสัยคนขับอายุมากแล้ว
  • โกรธลูกศิษย์...ที่เข้าห้องช้า...ถามเหตุผล...มีน้ำหนักก็ให้อภัยได้....ถ้าไม่มีสั่งสอนแล้วให้ความรักต่อไป
  • โกรธเพื่อนร่วมงาน...ที่เป็นคนเข้าใจอะไรยากมาก.....พยายามเข้าใจและมองให้ลึกถึงเจตนา
  • โกรธตัวเอง....ที่ Just say no ไม่ค่อยจะเป็น..เลยเดือดร้อนตัวเองหลายครา....

ต่อไปจะพยายามไม่โกรธค่ะ __/\__

 

ถ้า ไม่โกรธ ได้จะดีมากครับ แต่ว่าจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แค่เพียง รู้จักเลิกโกรธได้ ก็ช่วยได้เยอะเลยครับ ผมเขียนอีกบทความ เรื่อง ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการให้อภัย ถ้ายังไงลองแวะไปอ่านดูนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท