สำนวนนี้ ใช้ครั้งแรกหรือปรากฎเมื่อไหร่ก็ไม่เคยเห็นที่มา แต่เป็นสำนวนที่เข้าใจและยอมรับกันโดยมาก ถ้าจะให้ความหมายของสำนวนว่า ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หมายถึง เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต เมื่อมีเงื่อนไขหรือสาเหตุที่เป็นไปทำนองเดียวกัน....
ความเชื่อที่ว่า สาเหตุหรือเงื่อนไขบางอย่างเกิดขึ้นจะก่อให้เกิดเหตุการณ์บางอย่าง และเมื่อสาเหตุเดิมๆ แล้ว เหตุการณ์ก็จะเป็นไปแบบเดิมๆ เหมือนกันนั้น ที่เรียกว่า ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย นั้น ประเด็นนี้มีการวิเคราะห์เจาะลึกเรื่องนี้ ผู้สนใจลองดู หลักสาเหตู(มี ๓ ตอน)... แต่ข้อนั้น มิใช่ประเด็นที่ต้องการจะบ่นในบันทึกนี้ ที่ต้องการจะบ่นก็คือ เหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาในสังคมไทยที่เกิดขึ้นซ้ำรอยเสมอ เช่น
กรณีเหยียบกันตายเพราะแย่งกันรับของแจก เช่น งานเทกระจาด หรือล่าสุดที่ยังพอจำได้ก็คือเหยียบกันตายเพราะรับแจกจตุคาม ประเด็นนี้เคยบ่นไว้บ้างแล้ว คลิกที่นี้...เหยียบกันตาย จึงผ่านไป...
กรณีรับน้องใหม่แล้วรุ่นน้องได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต ประเด็นนี้ก็เพิ่งกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อสองสามวันผ่านมา... ซึ่งระยะหลังมานี้ ผู้เขียนรู้สึกสลดทุกครั้งที่เกิดเรื่องราวทำนองนี้...
และประเด็นที่ำกำลังเกิดอยู่ตอนนี้ ก็คือฝูงชนซึ่งเรียกตัวเองว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กำลังมุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ดังที่สื่อกำลังเสนอข่าวอยู่ ผู้เขียนดูๆ ไปก็รู้สึกหดหู่ใจ เมื่อสำนวนว่า ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ผุดมาในคลองความคิด จึงมาเขียนบันทึกบ่นไว้ที่นี้...
สังคมไทยผ่านกรณีมหาวิปโยค หรือเหตุการณ์ชุมนุมทำนองนี้มาหลายครั้งแล้ว ดังที่เคยบ่นไว้บ้างในบันทึก มัฆวาน นั่นคือ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยมาหลายครั้งแล้ว และที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ ก็คือสิ่งที่กำลังถูกบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์อีกครั้ง...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตซึ่งเราเรียกว่า ประวัติศาสตร์ นั้น มีทั้งส่วนที่เราพึงพอใจ และส่วนที่เราไม่พึงพอใจ... โดยในส่วนที่เราพึงพอใจนั้น เราก็ต้องสนับสนุนสาเหตุหรือเงื่อนไขที่จะให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง เช่น ความขยันนำไปสู่ความสำเร็จ ความอดออมนำไปสู่ความมั่งคั่ง ฯลฯ ซึ่งเงื่อนไขทำนองนี้ พวกเราโดยมากยอมรับ เพราะเคยเห็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมาจากความขยัน และผู้ที่มีความมั่งคั่งจากการเก็บออมรอมริบ.... และก็มักจะสนับสนุนให้หลายๆ คนดำเนินชีวิตทำนองนี้
ขณะที่ประวัติศาสตร์ในส่วนที่เราไม่พึงพอใจหรือไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้นนั้น เราก็ต้องสร้างจารีตหรือกฎระเบียบบางอย่างเพื่อไม่ให้สิ่งนั้นๆ เกิดขึ้นอีกหรือมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยที่สุด ดังเช่น การลงโทษคนลักขโมย หรือการติฉินนินทาต่อคนที่ประพฤติบางอย่างอื่นๆ เป็นต้น
มาถึงเหตุการณ์ชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งบางครั้งก็นำไปสู่ความสูญเสียที่เรียกว่ามหาวิปโยคก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็ต้องป้องกันสาเหตุหรือเงื่อนไขเหล่านั้น....
ถ้าจะบ่นต่อไปอีก ก็อาจเป็นการบ่นเพ้อเจ้ออยู่ตามลำพัง ดังนั้น จึงบ่นไว้เล่นๆ และยินดีสำหรับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมแล้วร่วมบ่นไว้ด้วย (........)
ก็เข้าไปตรวจสอบข่าวเมื่อสักครู่นี้เองครับ...พระอาจารย์
ปี 2549 ผมเคยไปนั่งร่วมกับพันธมิตร(ที่พิษณุโลก...แต่ไม่ได้ตะโกนอะไรกับเขา...อิอิ) ก็รู้สึกว่าเป็นจิตวิทยากลุ่มที่ทำให้อารมณ์ร้อนรุ่ม(ด้วยคิดว่า...ปรารถนาดีต่อประเทศชาติ)
ปีนี้รู้สึกแปลกออกไป เข้าขั้นบ้าคลั่งเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่(ที่จริงไม่ได้อยู่ข้างรัฐบาลอยู่แล้ว)
ไม่ว่ากลุ่มไหน สีใด ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้...ผมว่าเป็นการเติมเชื้อไฟได้ทั้งสิ้น...
สังคมที่คนส่วนใหญ่ขาดสติ...ประวัติศาสตร์ก็วนเวียนไปตามกรรมไม่รู้จบ...
ประวัติศาสตร์ บ่ซ้ำ รอยเดิม
เพียงแต่วน เวียนเติม เพิ่มให้
บันทึกต่อ เขียนไว้ ให้ใคร่ จดจำ
รู้เจ็บปวด รวดร้าว กลับไร้ บทเรียน
กราบ 3 หน
ในอุโมงค์มืด มักจะมีแสงรอดเข้ามาได้ บางคนอาศัยช่องทางที่แสงรอดเข้ามานั้นเป็นทางออกไปข้างนอก แต่บางคนพยายามอุดช่องนั้นไว้ เพื่อต้องการที่จะให้อุโมงค์มืดสุดๆ ....
เจริญพร
ตอนนี้ฝ่ายพันธมิตรบอกว่าพวกเขาชนะรัฐบาล
นายกต้องลาออก เขาพระวิหารต้องเป็นของไทย เพราะบันใดอยู่ด้านประเทศไทย ทุกอย่างที่เห็นอยู่ มีแต่ความวุ่นวาย "พระบอกว่าการชนะที่ไม่กลับแพ้ คือการชนะใจตนเอง"
กราบนมัสการค่ะ
มีด้านบวก ก็มีด้านลบค่ะ ทุกอย่างมีทางออก อยู่ที่จะออกหรือเปล่าเท่านั้น แหละค่ะ มีบันทึกของน้องมาแนะนำด้วยค่ะ หมื่นรู้หรือจะสู้หนึ่งอภัย ขอบพระคุณค่ะ
หนูขอความหมายของนามสกุลโภชนุกุลที่หลวงพี่เคยเขียนไว้นะค่ะ หาหลายรอบแล้วไม่เจอค่ะ
สุภาวรรณ โภชนุกูล
น้องชายคงจะลบทิ้งไปแล้ว เค้าคงจะยุ่งๆ จึงยังไม่ได้เริ่มต้นใหม่ ได้เขียนใหม่ให้แล้ว คลิกอ่านที่นี้ี
เจริญพร้
กราบนมัสการ หลวงพี่พระมหาชัยวุธ
กระผมมีบันทึกที่เกี่ยวกับศาสนาบางเรื่องที่หลวงพี่อาจจะสนใจ และหากได้อ่าน ถ้ามีข้อคิดเห็นก็ยินดีอย่างยิ่งครับ
นมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
น่าจะเปลี่ยนเป็น สงบกายเคลื่อนไหว ปล่อยให้คุกรุ่นเพียงภายในใจ น่าจะเหมาะสมกว่า (5 5 5...)
...........
ปิยมิตรท่านหนึ่งเคยบอกว่า คนเรามักชอบสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ แต่มักแก้ปัญหาอะไรๆ ตามรูปแบบเดิมๆ ...
ซึ่งนัยหลังนี้เอง น่าจะตรงกับสำนวนว่า ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ตามนัยที่โยมครูอ้อยเล่ามา...
.....
เจริญพร