จิตดี = คิดดี


คุณเป็นคนมีกำลังใจดี...คุณจะชนะทุกสิ่ง ผมได้ข้อความนี้จาก lucky cake หลังจากทานมื้อเย็นในร้านสเต๊กส์แห่งหนึ่ง...บันทึกนี้ได้จากสุนทรียสนทนาระหว่างคุณแม่ เพื่อนคุณแม่ และผม ระหว่างทานมื้อเย็น

จริงๆ ตั้งใจขับรถให้คุณแม่ที่นัดหมายเพื่อนสมัยทำงาน ซึ่งไม่ได้พบกันนานกว่า 10 ปี ที่สำคัญผมเลยพลอยได้รับประทานอาหารฝรั่งแบบเศรษฐกิจพอเพียงในร้านสไตล์ country ไม่ไกลจากบ้านผมครับ

ผมจับประเด็นที่สำคัญ ภายหลังคุณแม่แนะนำหนังสือ "กิจกรรมบำบัดพัฒนาชีวิต" แก่เพื่อนคุณแม่ ซึ่งผมขอเรียกว่าคุณน้า จากนั้นเราสามคนคุยกันในประเด็นที่น่านำข้อคิดภายใต้สุนทรียสนทนามาฝากเพื่อนชาว G2K ในบันทึกนี้ครับ

คุณแม่: หนังสือของลูกพี่ต้องอ่านทบทวนหลายรอบหน่อยนะ...เพราะหนังสือสอนให้ผู้อ่านคิดตาม ซึ่งเป็นสื่อการรักษาหนึ่งทางกิจกรรมบำบัด

คุณน้า: อืม...น่าสนใจทีเดียว แค่อ่านชื่อหนังสือ ก็รู้สึกว่าเข้ากับประสบการณ์ชีวิตของตนเอง โดบเฉพาะการเลือก "จิตดี" ให้กับชีวิตตนเอง และปฏิบัติตนเป็นอาสาสมัครช่วยโครงการธรรมะสู่ชุมชนนานหลายปี

คุณแม่: พี่เองก็เคยลองฝึกปฏิบัติธรรมกับแม่ชีที่วัดป่าแห่งหนึ่ง หลักการสำคัญคือ "การฝึกสติ มิให้เกิดความอยากต่างๆ และหมั่นเข้าใจจิตใจของตนเอง" ได้ใช้เวลาฝึกปฏิบัติอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็ต้องรู้จักมาปรับใช้ในชีวิตของตนเอง พี่ป่วยเป็นโรคข้อรูมาตอยล์ ก็ได้รับรู้วิธีการฝึกคิดทบทวนกิจกรรมการดำเนินชีวิตของตนเองด้วยศาสตร์กิจกรรมบำบัด ที่ลูกมักจะมาเล่าให้ฟังตั้งแต่เรียน มช. พี่นำมาประสมประสานกับหลักการฝึกสติได้อย่างเป็นประโยชน์จนทำงานได้และต้องพยายามฝึกฝนตนเองต่อไปอย่างต่อเนื่อง

คุณน้า: น่าสนใจ ที่มีศาสตร์กิจกรรมบำบัด แต่น้าก็ใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจหลักการทางพุทธศาสนา เพราะหลายครั้งที่พระอาจารย์สอนให้ลงมือปฏิบัติ แต่ก็ควบคุมจิตใจตนเองไม่ได้เลย จนภายหลังได้พยายามทบทวนตนเองถึงสาเหตุให้เกิดทุกข์ภายในจิตใจตนเอง และรู้จักคิดหาหนทางขจัดทุกข์ ณ วินาทีนั้นคือ การรู้จักคิดให้เป็น และคิดให้เกิด "จิตดี" ได้แก่ คิดดี รู้จักให้อภัยแก่บุคคลที่ทำให้ตัวเราคิดไม่ดี และรู้จักแนวทางปฏิบัติที่ดีในการดำเนินชีวิตปัจจุบัน ใช่ น้าคิดว่าหลังจากมี "จิตดี" แล้ว เรายังคงต้องนำความคิดของเราให้เกิดวิถีชีวิตที่ดีด้วย

ดร.ป๊อป: ฟังจากคุณแม่และคุณน้าแล้ว ผมได้ข้อคิดว่า โดยธรรมชาติของคนเรา มี "ความคิดในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต" อยู่แล้ว แต่คนเราต้องดำเนินชีวิตท่ามกลางปัจจัยในตัวตน (สุขภาวะ/ทุกขภาวะทางร่างกาย จิตใจ สังคม) และปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากบุคคล สถานการณ์ชีวิต ปัญหาหรือทุกข์ที่เกิดขึ้นในโอกาสต่างๆ เวลา สถานที่ ฯลฯ  

ดังนั้นการฝึกคิดทบทวนและวางแผนความคิด (มีสติ) ในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของการมีส่วนร่วมทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่มีคุณค่า ย่อมเป็นการใช้แนวคิดทางพุทธศาสนาและกิจกรรมบำบัดโดยปริยาย หากแต่การใช้กิจกรรมบำบัด ต้องมีหลักวิทยาศาสตร์ของการติดตามผลการกระทำที่ชัดเจน ได้แก่ เมื่อเรารู้จักแก้ไขสาเหตุแห่งทุกข์ที่กระทบต่อกิจกรรมการดำเนินชีวิต เช่น วางแผนการทำงานที่ไม่ซับซ้อนและรู้จักผ่อนคลายความตึงเครียด เมื่อรู้จักปฏิบัติตามแนวทางได้ในระยะเวลาที่เหมาะสมและแน่นอน ก็มีการประเมินแนวทางแก้ไขทุกข์ของตนเองว่ามีประสิทธิผลอย่างไร เมื่อได้ผล ก็นำไปใช้ในกิจกรรมการดำเนินชีวิตส่วนอื่นๆ หากไม่ได้ผมก็มีการคิดทบทวนแนวทางแก้ไขทุกข์ใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างมีการเริ่มต้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 

คุณน้า: เห็นด้วยกับ ดร. ป๊อป อย่างยิ่ง ศาสตร์ทางกิจกรรมบำบัดวัดผลจากการกระทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต ส่วนโครงการปฏิบัติธรรมะที่ตนเองมีประสบการณ์ ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เหมาะสมกับบุคคลที่เกิดแรงจูงใจที่จะ "ฝึกสติและคิดทบทวนหาวิธีการแก้ไขทุกข์" แต่โครงการหนึ่งคือแนวทางหนึ่งที่ยังไม่มีการประเมินผลว่าผู้เข้าโครงการธรรมะได้นำไปใช้ในชีวิตจริงแล้วได้ผลอย่างไร มีแต่เข้าใจว่ามาเข้าโครงการธรรมะอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งก็ถือเป็นการเริ่มต้นฝึกสติใหม่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น

คุณแม่: พวกเราเข้าใจถูกต้องว่า การฝึกสติและคิดทบทวนหาวิธีการแก้ไขทุกข์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนเรามีทุกข์จากหลายปัจจัย การนำหลักการที่ดีทั้งพุทธศาสตร์และศาสตร์กิจกรรมบำบัดสามารถสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อจัดการตนเองอย่างต่อเนื่อง มิใช่ฝึกปฏิบัติบางส่วนของศาสตร์นั้นๆเพียงช่วงระยะเวลาหรือในสถานที่เฉพาะเท่านั้น หรือบางคนปฏิบัติแบบมากเกินความพอดี ก็ไม่อาจวัดประสิทธิผลได้

ผมคิดว่าท่านผู้อ่านน่าจะได้ข้อคิดจากสุนทรียสนทนาข้างต้นครับ

 

หมายเลขบันทึก: 188291เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2008 08:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท