ความรู้หาได้ทั่วไปก็จริง แต่ความรู้ที่ต้องการที่หาได้โดยบังเอิญนี่มันน่าตื่นเต้นยินดีมาก
อย่างความรู้ครั้งนี้ ได้ตอนนั่งรอที่ร้านตัดผม พอดีได้หยิบอ่านสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์แก้เบื่อ พลิกๆ เปิดไปเจอคอลัมภ์ "ชีวิตในม่านหมอก" ตอน ปรารถนาแห่งขุนเขา ที่มีรูปนักเรียนกำลังเรียนหนังสือในห้องเรียน ก็สะดุดตาสะดุดใจ เลยหยุดอ่าน...
คุณประสิทธิ์ จันทร์ดา แบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ไปสัมผัสการเรียนการสอนภาษาไทยให้เด็กๆ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีหลากหลายชาติพันธุ์ ทำให้มีปัญหาอุปสรรคในการใช้ภาษาไทย เนื่องจากอยู่ที่บ้านเด็กๆ จะพูดภาษาถิ่นของตน
คุณครูลัดดาวัลย์ ครูประจำชั้น แบ่งปันด้วยความภาคภูมิใจว่า "เทอมเดียวก็อ่านหนังสือคล่องแล้วค่ะ"
คุณครูใช้วิธีการสอนที่เรียกว่า วิธีการสอนมุ่งประสบการณ์ทางภาษา
"การสอนแบบนี้ เป็นวิธีสอนที่มีผลต่อการเรียน การสอนทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนมากที่สุดวิธีหนึ่ง เน้นการพัฒนาภาษาไปตามการรับรู้โดยธรรมชาติ และเน้นการสอนความหมายของภาษาก่อนที่จะสอนองค์ประกอบย่อยของภาษา
โดยมีขั้นตอนการสอนตามลำดับ ๕ ขั้น
ขั้นแรก ครูอ่านเรื่องให้นักเรียนฟัง
ขั้นที่สอง ให้นักเรียนเล่าเรื่องย้อนกลับ เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วสนทนาหรืออภิปรายเกี่ยวกับเรื่อง อ่านออกเสียง และแสดงบทบาทสมมติ
ขั้นที่สาม นักเรียนและครูเขียนเรื่องร่วมกัน
ขั้นที่สี่ ให้นักเรียนทำหนังสือเล่มใหญ่ (หมายถึงชุดกระดาษชาร์ตที่ครูให้นักเรียนช่วยกันเขียนเรื่องใส่แทนกระดานดำ และแขวนไว้ข้างฝาห้อง เป็นผลงานของนักเรียนที่ฝึกหัดเขียนอ่านร่วมกัน)
ขั้นที่ห้า ครูให้นักเรียนเล่นเกมและกิจกรรมพัฒนาทักษะทางภาษา
ที่โรงเรียนใช้การสอนวิธีนี้สำหรับชั้นปฐมวัย ป.๑ และ ป.๒ พอเด็กอ่านคล่องแล้วก็สอนวิธีอื่นได้เร็ว
คุณครูกล่าวเสริมอีกว่า การเตรียมความพร้อมทางภาษาไทยแก่เด็กเริ่มเรียนที่ไม่พูดภาษาไทยกลางที่บ้าน ควรเลือกวิธีสอนโดยใช้สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ และคำนึงถึงการพัฒนาการทางภาษา โดยเน้นกิจกรรมที่ใช้ภาษา ในสภาพที่เป็นจริง ประกอบกับต้องอาศัยเทคนิคหลายๆ ด้าน
ลองเรียนรู้ และนำไปปรับใช้ดูนะจ๊ะ พี่ว่านักเรียนของเราที่ไม่ใช่เด็กแต่เป็นผู้ใหญ่ คงใช้วิธีเดียวกันนี้ได้เพียงแต่อาจต้องปรับเทคนิคให้เหมาะสมตามวัย หรือถ้าเป็นกลุ่มเด็กยิ่งง่ายใหญ่ น่าลองดูวิธีนี้บ้างนะ
เรียนรู้และก้าวเดินต่อไปนะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้จ้ะ
ไม่มีความเห็น