สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านวันนี้ผมพาลูกสาว
ไปร้องเพลงกลับมาถึงบ้านสี่ทุ่มกว่าเลยไม่ได้เขียนวันนี้ตื่นขึ้น
จึงมาเขียนต่อวันนี้ ผมขอพูดเรื่องคำสัตย์ คนเราทุกวันนี้ไม่ค่อย
มีคำว่าซื่อสัตย์หรือเรียกอีกอย่างก็บอกว่าไม่มีวาจาสัตย์ หรือพูด
ไม่เป็นคำพูดหรือไม่รักษาคำพุด เขาบอกว่าคนสมัยก่อนเมื่อ
เจ็ดสิบปีก่อนนี้ คนเราเขาไม่ต้องทำหนังสือสัญญาเขาใช้วาจา
เป็นสัญญาต่อกัน พูดคำไหนคำนั้น เช่นบอกฝากของด้วยนะ
จะฝากอะไรก็แล้วแต่เมื่อระยะเวลา ผ่านไปก็มาเอากลับคืนก็
ได้ของที่ฝากนั้นเราจะเห็นได้บ่อยในนิทานเก่าๆหรือเรื่อง?
คำมั่นสัญญาโดยที่ไม่ต้องมีหนังสือสัญญาถึงคนที่ฝากได้ล้ม
หายตายจากไป เมื่อผู้ที่รู้ก็นำของนั้นๆที่ฝากไว้มาคืนกับญาติพี่
อย่างเรื่องพระเวสสันดร ผู้อ่านลองนึกดูสิว่า
ตอนไหน ผมจะบอกให้นะครับก็ตอนที่ ชูชก เป็นขอทานก็เดิน
ทางขอทานไปทั่ว และได้ฝากเงินที่ขอทานมาได้ไว้กับครอบ
ครัวหนึ่งนานบ่อยเข้าก็เป็นจำนวนมาก แต่ครอบครัวนี้ได้เอา
เงินของเฒ่าชูชกไปใช้จ่ายหมด เมื่อชูชกมาทวงไม่มีให้ จึง
ต้องยกลูกสาวให้ไป ถ้าเป็นสมัยนี้เถียงกันตาย ต้องถึงกับขึ้น
ศาลแน่นอน เพราะไม่มีหลักฐานและอย่างชูชกหรือจะมีเงินไป
ฝากครอบครัวนี้ นี่เป็นเกร็ดหนึ่งของคนโบราณเรื่องความซื่อนั้น
มีจริงใครจะยอมยกลูกสาวให้ แต่ด้วยคนที่มีคำสัตย์รักาคำพูด
ผมมีอีกเรื่องหนึ่งแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจากคนที่เล่าให้ฟัง
ครับแต่คนที่ผมจะเล่าถึงก็สนิทสนมกับผมเพราะเขาเป็นพนักงาน
ผู้หญิงแผนกเก็บเงินและทำบัญชีของปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
แต่นับถือศาสนาคริสต์ เขาเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนนี้พ่อของเขาได้
ร่วมลงทุนกับเพื่อนทำการค้าอย่างหนึ่ง แต่นานไปเขาบอกว่าพ่อเขา
ถูกโกง หรือกิจการขาดทุนผมไม่แน่ใจครับ และต่อมาพ่อได้เสียชีวิต
ลง เขาจึงต้องมาทำงานปั้มน้ำมันถ้าพ่ออยู่จะไม่ลำบากอย่างนี้แน่นอน
เล่าแล้วก็แล้วไป แต่เราจะเจอทุกครั้งที่ไปเติมน้ำมันและหลังจากนั้น
ผมได้ไปทำงานที่อื่นนานหลายปี และได้มีโอกาสไปเติมน้ำมันอีก
ครั้งหนึ่ง จึงได้ถามว่าพนักงานที่เรารู้จักคนนั้นไปไหน ก็มีพนักงาน
ปั้มจะรู้หมดว่าพนักงานหญิงคนนี้ถูกเพื่อนพ่อโกง)มีคนนำเงินก้อน
หนึ่งมาคืนให้ที่เคยลงทุนกับพ่อในอดีต ที่หายไปนั้นเพราะว่าหาไม่
เจอและไม่รู้ว่ามีลูกอยู่ที่ไหนแต่ก็ได้เก็บเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้แล้วเมื่อ
สืบเจอจึงได้รีบนำเงินมาให้ ที่ผมเล่ามานี้เป็นเรื่องจริงครับและผมก็
ไม่เคยทราบอีกเลยว่าพนักงานหญิงคนนนั้นที่ผมรู้จักไปอยู่ที่ไหน
แล้ว เพราะผมได้กลับมาอยู่บ้านนอกแล้วที่ผมเขียนมานี้เพื่อให้สังคม
ได้รับรู้ว่าคนที่มีความสัตย์มีคุณธรรมก็ยังมีอยู่ เรื่องที่ผมเล่านี้ก็
ประมาณสามสิบปีแล้วครับ แต่ในเวลาเดียวกันผมก็มีคิดว่าถึง
อย่างไรก็ต้องมีคนดีในสังคมนี้บ้างละ ที่มีความสัตย์ซื่อ อยู่จำนวน
มากในโลกของเราทุกวันนี้มีคู่กันเสมอ มีขาว มีดำ มีสูงมีต่ำ มีดี
เพราะฉะนั้นถ้าใครทำความดีอยู่แล้วในปัจจุบันมี ความ
สัตย์มีคุณธรรม อยู่แล้วในตัวเองก็ขอให้ยึดมั่นตลอดไปถึงจะไม่มี
คนเห็นก็ช่างสร้างไว้เถอะความซื่อสัตย์สังคมเราจะเป็นสุข ที่ผม
จะเขียนมีมากครับแต่ขอเขียนไว้แค่นี้ก่อน ไว้วันต่อไปจะนำมา
เขียนต่อครับ
ผมขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยจงคุ้มครองคนที่
ทำความดีมีศิลธรรมประจำใจ จงมีแต่ความ สุขกาย สุขใจ
อย่าได้เจ็บอย่าได้จน จะคิดสิ่งหนึ่งประการใดขอให้สมความ
แก้า สาริกา
ไม่มีความเห็น