ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย... สังสารวัฏนี้หาเบื้องต้นเบื้องปลายได้โดยยาก สัตว์ที่พอใจในการเกิด ย่อมเกิดบ่อย ๆ และการเกิดใดนั้นตถาคตกล่าวว่าเป็น “ความทุกข์” เพราะสิ่งที่ติดตามความเกิดมาก็คือ ความแก่ชรา ความเจ็บปวดทรมาน และความตาย...
ความต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ความต้องประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก ความแห้งใจ ความคร่ำครวญ ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ และความคับแค้นใจ
อุปมาเหมือนเห็ดที่โผล่จากดินแล้วนำดินติดขึ้นมาด้วย
หรืออุปมาเหมือนโคซึ่งเทียมเกวียน แล้วจะเดินไปไหนก็มีเกวียนติดตามไปทุกหนทุกแห่ง สัตว์โลกเมื่อเกิดมาก็นำความทุกข์ประจำสังขารติดมาด้วย ตราบใดที่เขายังไม่สลัดความพอใจในสังขารออก “ความทุกข์” ก็ย่อมติดตามไปเสมอ เหมือนโคที่ยังมีแอกเกวียนครอบคออยู่ ล้อเกวียนก็ย่อมติดตามไปทุกก้าว...
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...
เมื่อรากยังมั่นคง แม้ต้นไม้ถูกจะตัดแล้วมันก็สามารถขึ้นได้อีก ฉันเดียวกัน เมื่อบุคคลยังไม่ถอนตัณหานุสัยขึ้นจากดวงจิต “ความทุกข์ย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่ ๆ...”
สาธุ
ขอบพระคุณคำสอน
อ่านแล้วประทับใจจริงๆคะ