อย่างที่เล่าให้ฟังมาแล้วนะครับว่าญี่ปุ่นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลเรื่องผังเมืองและการจัดรูปที่ดินมานานหลายสิบปีแล้ว
ญี่ปุ่นจะจัดรูปที่ดินในเมืองใน 5 กรณี คือ
1. หลังสงคราม บ้านเรือนเสียหายจากสงครามมาก เป็นโอกาสดีที่จะจัดรูปที่ดิน
2. ย่านที่เป็นชุมชนแออัด
3. บริเวณชานเมือง เป็นการวางแผนล่วงหน้า เช่นมีการขยายเส้นทางรถไฟ
4. เป็นการพัฒนาที่ว่างกลางเมือง
5. เป็นการพัฒนาแหล่งชุมชนใหม่
แหล่งที่มาของเงินลงทุน
ทางรัฐบาลกลางก็มีนโยบายที่จะสนับสนุนการจัดรูปที่ดิน หรืออาจให้ผ่านกองทุนหมุนเวียน ไม่มีดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 8-10 ปี โดยจะสนับสนุนในส่วนของการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หรือในส่วนของการจัดหาที่ดินเพื่อก่อสร้างถนน โดยจะสนับสนุนประมาณ ¼ ของวงเงินโครงการ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็จะสนับสนุนอีกประมาณ ¼ ของวงเงินโครงการ
ส่วนวงเงินที่เหลือก็ต้องกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
การจัดรูปที่ดิน
ในการจัดรูปที่ดิน ส่วนใหญ่แล้ว เจ้าของที่ดินที่อยู่ในโครงการจัดรูปที่ดินจะต้องสละทีดินโดยเฉลี่ย ประมาณ 40% ของที่ดินที่มีอยู่ โดยประมาณ 25 % เป็นส่วนที่จะนำไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่สาธารณะ ที่เหลือ ( 15% ) จะนำไปเป็น Reserved Land และมีการนำ Reserved Land ส่วนนี้ไปจำหน่ายเป็นรายได้ของโครงการ
ในการดำเนินการจัดรูปที่ดินนี้ แม้เจ้าของที่ดินจะเหลือที่ดินน้อยลง แต่ก็จะได้รับเงินชดเชยอย่างเหมาะสม ที่ดินที่เหลืออยู่ก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เพราะจะมีการจัดการพื้นที่ตามผังเมืองที่วางไว้เป็นอย่างดี มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่นถนน ( บางสายจะมีความกว้างถึง 50 เมตร ) ระบบระบายน้ำ ไฟฟ้า สถานีรถไฟ ศูนย์การค้า ย่ายธุรกิจ สวนสาธารณะ ฯ
รายรับของโครงการ
35 % เงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
60 % รายได้จากการจำหน่าย Reserved Land
5 % รายได้อื่นๆ
รายจ่ายของโครงการ
55 % ค่าก่อสร้าง
30 % ค่าชดเชยที่ดิน และการย้ายที่อยู่อาศัย
7 % ดอกเบี้ยเงินกู้
8 % ค่าใช้จ่ายทั่วไป
ประเทศไทยเราได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการจากประเทศญี่ปุ่น ผ่านทางองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น ( JICA ) ทั้งด้านผังเมืองและการจัดรูปที่ดิน ( Land Readjustment )
กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำและผลักดันให้มีกฏหมายจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 แต่พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2547 ส่วนกฎกระทรวงและระเบียบต่างๆ ที่ออกตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ
รูปแบบต่างๆของโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ในประเทศไทย
- การจัดรูปที่ดินฯ กับการพัฒนาชุมชนและเมืองใหม่
- การจัดรูปที่ดินฯ กับการปรับปรุงฟื้นฟูชุมชนและเมือง
- การจัดรูปที่ดินฯ กับการพัฒนาเพื่อแก้ไขพื้นที่ตาบอด
- การจัดรูปที่ดินฯ กับการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เช่นถูกเพลิงไหม้ พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ Tsumani ฯ
- การจัดรูปที่ดินฯ กับการใช้เป็นมาตรการพิเศษของหน่วยงานต่างๆ
กรมโยธาธิการและผังเมือง โดยสำนักจัดรูปที่ดินได้เริ่มโครงการนำร่องจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่โดยร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดลำปาง ยะลา พะเยา น่าน นราธิวาส พิษณุโลก สมุทรสาคร เพชรบุรี และอุทัยธานี
ข้อสังเกต
ประเทศไทยเพิ่งเริ่มเรื่องการจัดรูปที่ดินขณะที่ญี่ปุ่นทำมาแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ห้าสิบปี
ญี่ปุ่นได้ถ่ายโอนภารกิจด้านผังเมืองและการจัดรูปที่ดินให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมานานแล้ว ขณะที่ประเทศไทยเพิ่งเริ่มมีการถ่ายโอนภารกิจ และยังขาดการเตรียมความพร้อมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การจัดรูปที่ดิน แต่ละโครงการอาจต้องใช้เวลานานถึงยี่สิบสามสิบปี ในประเทศไทยเรา ไม่ค่อยมีใครกล้าทำโครงการใหญ่ๆที่ต้องใช้เวลานานๆขนาดนี้
การจัดรูปที่ดินเป็นโครงการที่ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ต้องพูดคุย ทำความเข้าใจกับประชาชนเจ้าของที่ดินและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประเทศไทยขาดประสบการณ์การทำงานแบบมีส่วนร่วม ทั้งฝ่ายรัฐ ที่ชอบรวบรัดไม่พยายามชี้แจง ทำความเข้าใจกับประชาชน และฝ่ายประชาชนก็ไม่พร้อมที่จะมาร่วมทำงานกับภาครัฐ แต่ถ้าเดินขบวนคัดค้านแล้วจะถนัด
อยากรู้ว่าประเทศไทยเราล้าหลังประเทศอื่นๆแค่ไหนก็ลองเปรียบเทียบดูนะครับ
เรื่องการจัดรูปที่ดิน เราล้าหลังญี่ปุ่นอยู่สี่ห้าสิบปี
เรืองขยะมูลฝอย ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ เป็นปัญหาที่เกิดที่เยอรมันเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว
ยังไม่อยากเปรียบเทียบเรื่องการศึกษา เดี๋ยวมีคนของขึ้น อิอิ
ล้าหลังขนาดนี้ ยังถอยหน้าถอยหลังกันอยู่ แล้วเมื่อไหร่จะเจริญทันเค้าน่ะ เล่าเรื่องการจัดรูปที่ดิน ไหงหลงมาเป็นเรื่องนี้ได้ อิอิ
อยากฟังการเปรียบเทียบเรื่องการศึกษาค่ะ แบบเบาๆหน่อยนะคะ กลัวฟังแล้วทำใจไม่ได้ : )