ห้องสมุดประชาชนอำเภอพานทอง
ห้องสมุดประชาชนอำเภอพานทอง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี

จุลสารประจำเดือนมิถุนายน ปักษ์แรก


ฉบับที่ 39

จุลสารประชาสัมพันธ์

ห้องสมุดประชาชนอำเภอพานทอง

ฉบับที่   39      ปักษ์แรก   มิถุนายน    2551

อย่ามองข้าม 'อาหารเช้า'     

           มื้อสำคัญเพื่อสุขภาพที่ดี

    เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังคุณประโยชน์ของการ   

    รับประทานอาหารเช้ากันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังติดนิสัยชอบงดอาหารมื้อแรกของวันอยู่เป็นประจำวันนี้ลองหันมาทบทวนกันสักนิดดีกว่าว่างานศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้เขาให้ความสำคัญกับอาหารเช้าไว้ อย่างไรบ้าง เผื่อจะได้ กลับมาคิดใหม่ว่าต้องเปลี่ยนนิสัยกันเสียที

จากข้อมูลของศูนย์การแพทย์รัทแลนด์ เรจินัล เมดิคอล เซ็นเตอร์ ในเวอร์มอนต์ ที่สหรัฐฯ สรุปได้ว่าอาหารเช้านั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพและสามารถช่วยให้เราจัดการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย ได้ยินอย่างนี้แล้วพวกที่อยากควบคุมน้ำหนักต้องหูผึ่งแน่

ข้อความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ชัดว่า

อาหารเช้ามีส่วนเชื่อมโยงทำให้มวลกายต่ำ (หรือน้ำหนักลด) ลงกว่าเดิม เมื่อเปรียบ เทียบกับคนที่งดอาหารเช้า

อาหารเช้าช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเป็นโรคอ้วนลงพุงและภาวะตอบสนองต่ออินซูลินลดลง

อาหารเช้ายังเป็นหนึ่งในหลายยุทธศาสตร์ ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยควบคุมการลดน้ำหนักได้ ในระยะยาว

สำหรับเด็กวัยเรียน อาหารเช้าก็ยังแสดงให้เห็นว่าทำ ให้ได้ เกรดดีและมีพฤติกรรมที่ดี

เห็นมั้ยล่ะว่าอาหารเช้ามีข้อดีตั้งหลายอย่าง แล้วยังจะทิ้งอาหารเช้ากันลงคออีกหรือ.

 

ที่มา : http://health.deedeejang.com/news/394.html

ดื่ม น้ำอัดลม วันละ 2 กระป๋องเสี่ยงเป็น มะเร็ง 

   ตับอ่อน 90%

เตือนดื่ม น้ำอัดลม วันละ 2 กระป๋อง กาแฟ หรือ ชาใส่น้ำตาล หรืออาหารรสหวาน เพิ่มความเสี่ยงในการเป็น มะเร็งตับอ่อน เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์  แถลงการณ์ของสถาบันคาโรลินสกาในสวีเดนระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกที่นักวิจัยพบว่า การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวานส่งผลต่อโอกาสในการเป็นโรค มะเร็งตับอ่อน ซึ่งเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงและตรวจพบยากที่สุดชนิดหนึ่ง   ทั้งนี้ เกือบทั้งหมดของผู้ป่วย มะเร็งตับอ่อน 7,000 คนในแต่ละปีเสียชีวิตหลังตรวจพบเนื้อร้าย ส่วนหนึ่งเนื่องจากตรวจพบช้าเกินไป มีเพียง 2% เท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอดหลังจากรู้ตัวว่าเป็น 5 ปี อย่างไรก็ดี การผ่าตัดตามด้วยการทำเคมีบำบัดอาจช่วยยืดอัตราการรอดชีวิตได้
        ผลศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารอเมริกัน เจอร์นัล ออฟ คลินิคัล นิวทริชั่น ระบุว่านักวิจัยของของสถาบันคาโรลินสกาได้ติดตามพฤติกรรมการกินของชาย-หญิงสุขภาพดีอายุ 45-83 ปี จำนวน 80,000 คนระหว่างปี 1997-2005 โดย 131 คนในจำนวนนี้เป็น มะเร็งตับอ่อน  "คนที่มีความเสี่ยงมากที่สุดคือคนที่ดื่ม น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำเชื่อมมาก โดยกลุ่มที่บอกว่าดื่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าววันละสองกระป๋องหรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่มถึง 90%" รายงานระบุ  ส่วนคนที่กินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการเติมน้ำตาลลงไปอย่างน้อยวันละ 5 ครั้ง มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 70%   นักวิจัยอธิบายว่า มะเร็งตับอ่อน อาจเกิดจากการที่ตับอ่อนผลิต อินซูลิน มากขึ้น อันเป็นผลจากความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญกลูโคส ทั้งนี้ การกินน้ำตาลมากๆ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ตับอ่อนผลิต อินซูลิน มากขึ้น  "เราคิดว่าสาเหตุมาจากอินซูลิน ถ้าเรากินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมาก ก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักขึ้น ผลคือเป็นการกระตุ้นการเติบโตของ ตับอ่อน ซึ่งอาจนำไปสู่มะเร็ง" ดร.ซูซานนา ลาร์สัน จากสถาบันคาโรลินสกาในสตอกโฮล์ม แจกแจงและเสริมว่า การสูบบุหรี่เป็นอีกปัจจัยสำคัญของ มะเร็งตับอ่อน    ที่อังกฤษ สถิติผู้ป่วย มะเร็งตับอ่อน ลดลง 5% ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวโยงกับการลดลงของจำนวนสิงห์อมควัน กระนั้น ดร.ลาร์สันเตือนว่า เป็นไปได้ที่การสูบบุหรี่ลดลงกลับกลายเป็นการปิดบังข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้บริโภคกินอาหารและเครื่องดื่มรสหวานมากขึ้นในช่วงหลายปีมานี้   "คำแนะนำที่ดีที่สุด โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ คือ จำกัดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล"   ก่อนหน้านี้ แพทย์เคยเตือนผู้หญิงให้จำกัดปริมาณการดื่ม น้ำอัดลม เนื่องจากส่งผลให้ กระดูกพรุน จาก กรดฟอสฟอริก ที่พบในโคล่า แต่การศึกษาของนักวิจัยสวีเดนครั้งนี้ไม่มีการเฉพาะเจาะจงประเภท แต่ครอบคลุม น้ำอัดลม ทั้งหมด รวมถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล รวมถึงน้ำผลไม้ที่ผสม น้ำอัดลม

 

ที่มา  :  http://health.deedeejang.com/news/275.html

เตือนอันตราย เชื้อรา ในเม็ดแมงลัก

                เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รักษาราชการแทนเลขาธิการ อย. เปิดเผยว่า จากการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารจากบริษัท อาหารสากลกรุงศรีอยุธยา จำกัด ประกอบด้วย ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เม็ดแมงลัก ฉลากระบุ เม็ดแมงลักจากธรรมชาติ 100% วันที่ผลิต 26/07/06 วันหมดอายุ 26/07/08 ผลิตโดยบริษัทดังกล่าวได้ส่งตรวจวิเคราะห์ ซึ่งผลจากการตรวจวิเคราะห์ปรากฏว่าพบแอฟลาทอกซินในปริมาณ 45.71 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม ทั้งที่ๆ มาตรฐานกำหนดให้พบได้ไม่เกิน 20 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม จึงจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน และเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ อย.ยังได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารจากสถานที่ ผลิตตามที่มีผู้ร้องเรียนมาที่ อย. ได้เก็บตัวอย่างเครื่องดื่ม น้ำมะพร้าวและน้ำเก๊กฮวยที่ฉลากระบุน้ำมะพร้าวร้อยละ 50 ในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท เลขสารบบอาหาร 10-1-11237-1-0002 รุ่นวันผลิต 10/8/49 หมดอายุ 25/8/49 และน้ำเก๊กฮวย ร้อยละ 14 เลขสารบบอาหาร 10-1-11237-1-0005 รุ่นวันผลิต 10/8/49 หมดอายุ 25/8/49 ผลิตโดยมหานครการเกษตร ส่งตรวจวิเคราะห์ ผลจากการตรวจพบเชื้อโรคอาหารเป็นพิษ สแตฟฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) โดยมาตรฐานกำหนดต้องไม่พบเชื้อโรคดังกล่าว นอกจากนี้ ยังตรวจพบ เชื้อโคลิฟอร์ม (MPN Coliforms) มากกว่า 2,400/100 มิลลิลิตร โดยมาตรฐานกำหนดต้องพบน้อยกว่า 2.2 จึงถือว่าเป็นอาหารผิดมาตรฐานและเป็นอาหารไม่ บริสุทธิ์

นพ.นรังสันต์ กล่าวอีกว่า หากผู้บริโภคได้บริโภคอาหารดังกล่าวเข้าไปจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย โดย แอฟลาทอกซิน หากสะสมในร่างกายปริมาณมากจะก่อให้เกิด มะเร็งที่ตับ ได้ สำหรับเชื้อโรคอาหารเป็นพิษ สแตฟฟิโลคอคคัส ออเรียส จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง และเชื้อโคลิฟอร์มทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคอาหารเป็นพิษ เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ทั้งนี้ อย.ได้แจ้งให้ผู้ผลิตทั้ง 2 ราย งดผลิตอาหารเพื่อจำหน่ายแล้ว และอยู่ในระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย  ในความผิดข้อหาผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารผิดมาตรฐาน ซึ่งจะมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.

 

http://health.deedeejang.com/news/286.html

คิดผิดคิดใหม่..ดื่มน้ำมากไม่ได้ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

 เอเจนซี นักวิจัยชี้การพยายามดื่มน้ำวันละมาก  ๆ เพื่อให้สุขภาพดีเป็นความเชื่อที่ผิด
          ดร.สแตนลีย์ โกลด์ฟาร์บ และดร.แดน เนกัวนู จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐฯ ได้ตรวจสอบเอกสารทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลต่อสุขภาพจากการดื่มน้ำปริมาณมากในแต่ละวัน ทั้งคู่ พบว่า คนที่อยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง รวมถึงนักกีฬาอาจต้องการน้ำมากกว่าคนอื่น ขณะที่คนที่ป่วยเป็นโรคบางโรคควรดื่มน้ำมากๆ แต่สำหรับคนปกติ การกระทำดังกล่าวไม่ได้ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นแต่อย่างใด
               การทบทวนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ของนักวิจัยคู่นี้ ซึ่งลงตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมโรคไตแห่งอเมริกา เป็นข้อมูลล่าสุดที่โต้แย้งข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญบางคนที่แนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว (แก้วละ 225 มิลลิลิตร หรือ 8 ออนซ์)
               ย้อนกลับไปในปี 2002 ดร.ไฮนซ์ วัลติน จากดาร์ทมัท เมดิคัล สกูล เคยทำการสำรวจ และพบว่าคำแนะนำเหล่านั้นแท้จริงเป็นเพียงเรื่องที่ชาวบ้านพูดต่อๆ กันมามากกว่าจะเป็นหลักเกณฑ์ทางการแพทย์ ที่สำคัญคือไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน
               โกลด์ฟาร์บและเนกัวนูร่วมกันทดสอบ 4 ประเด็นสำคัญที่อ้างถึงคุณประโยชน์พิเศษของน้ำดื่ม เช่น ช่วยขับถ่ายสารพิษออกมาทางปัสสาวะ ทำให้ผิวพรรณผ่องใส กินอาหารน้อยลง และปวดหัวน้อยลง

               “ข้อสรุปของเราคือคำกล่าวอ้างเหล่านั้นไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับเลย เป็นแค่ความเชื่อพื้นบ้านมากกว่า
               ประเด็นแรกเรื่องการขับสารพิษออกมาทางปัสสาวะนั้น โกลด์ฟาร์บ อธิบายว่า เป็นหน้าที่ของไตในการชะล้างสารพิษอยู่แล้ว
               “ไตทำหน้าที่นั้นอยู่แล้วและทำอย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าคุณจะดื่มน้ำมากน้อยแค่ไหน ถ้าคุณดื่มน้ำมากและปัสสาวะออกมามาก นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณขับสารพิษออกจากร่างกายมากขึ้นกว่าปกติเลย
               ขณะเดียวกัน ไม่มีผลการศึกษาชิ้นใด ระบุว่า การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้น อีกทั้งยังไม่พบข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่า การกินน้ำช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้
               ส่วนเรื่องที่ว่าดื่มน้ำช่วยประทังความหิวนั้น ก็ยังไม่มีใครเคยติดตามผลจริงๆ จังๆ ว่าเคยมีคนลดน้ำหนักระยะยาวสำเร็จด้วยการดื่มน้ำมากๆ หรือไม่
               อย่างไรก็ดี แม้ไม่มีคุณประโยชน์ตามที่เชื่อกัน แต่นักวิจัยคู่นี้ บอกว่า การดื่มน้ำมากๆ ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นเดียวกัน
       
        ขณะที่สำนักงานมาตรฐานด้านอาหารของอังกฤษยังคงแนะนำให้ประชาชนดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว หรือ 1.2 ลิตร โดยให้เหตุผลว่าเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะร่างกายขาดน้ำ

 

ที่มา  :  http://health.deedeejang.com/news/456.html

 

 

หมายเลขบันทึก: 187027เขียนเมื่อ 9 มิถุนายน 2008 11:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม 2012 17:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท