หน้งสือ Teach Like Your Hair's on Fire, Penguin Books, 2007 ทำให้ผมเห็นวิญญาณครูเพื่อศิษย์ ในตัวผู้แต่ง คือครู Rafe Esquith ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งอ่านหนังสือนี้ไปเพียง ๓ บทจาก ๑๘ บท ผมก็อยาก AAR ว่าผมเห็นวิญญาณครูเพื่อศิษย์อย่างไรบ้าง
เท่าที่ผมเห็นครูทั่วไปเน้นการทำงานให้บรรลุตามที่ผู้บริหารและหน่วยเหนือกำหนด แต่ครู Rafe เขียน ๒ บทแรกในหนังสือ ซ่อนสาระสำคัญว่า ครูต้องช่วยให้เด็กเติบโตไปเป็นคนดี ดีมาก่อนเก่ง เห็นชัดเจนมากใน ๒ บทแรกของหนังสือ และไม่ใช่เขียนหลักการเฉยๆ ได้เล่าเหตุการณ์และวิธีการของครูด้วย หนังสือเล่มนี้โดดเด่นตรงที่ยกวิธีปฏิบัตินำ เพื่อจะบอกว่าประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการศึกษาและพัฒนาการเด็กอย่างไร
ครู Rafe ทำหน้าที่ครูโดยเน้นทำหน้าที่เพื่อเด็ก จิตใจจดจ่ออยู่ที่เด็ก ไม่ใช่จดจ่ออยู่ที่การเอาใจนาย
ครู Rafe ยกเอาตัวเด็กและเหตุการณ์ในชั้นเรียน มาอธิบายภารกิจและความภูมิใจ หรือความช้ำใจ ของครู และอธิบายวิธีประยุกต์ใช้ทฤษฎีได้อย่างลึกซึ้งมาก แต่เข้าใจง่าย เพราะอยู่บนฐานของการปฏิบัติจริง
หนังสือเล่มนี้จึงเป็นการเอาประสบการณ์มาเล่าอย่างมีการจัดหมวดหมู่ความคิด หนังสือจึงอ่านสนุก อ่านแล้ววางไม่ลง ผมอยากให้มีคนแปลออกสู่สังคมไทย
ครู Rafe มองเห็นหน้าที่ครูในทุกกิจกรรมการเรียนของเด็ก มองเห็นคุณค่าของการแนะนำ (guidance) ของครู และมองว่าจุดนี้คือการเรียนรู้ไม่มีวันจบของครู เพราะเด็กมีความแตกต่างหลากหลายมาก และเด็กก็เปลี่ยนไปตามสังคมสภาพแวดล้อม ความสนุกของอาชีพครูอยู่ตรงนี้เอง
ครู Rafe เล่าในหน้าแรกของบทที่ ๓ ว่า ชั่วโมงที่ทรมานที่สุดในชีวิตความเป็นครูคือบ่ายวันอังคาร ที่เป็นเวลาของ staff meeting ที่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยเหนือมาให้คำแนะนำ ผมเดาว่าคงจะคล้ายศึกษานิเทศก์ของเรา ครู Rafe เล่าว่า เพื่อแก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออก จึงมี “literacy coach” ทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำวิธีแก้ปัญหาเด็กอ่านหนังสือไม่ออก โดย “ผู้เชียวชาญ” เหล่านี้มาจากครูที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการสอนเด็ก ทำให้ผมนึกถึงสภาพในบ้านเรา และนึกถึงเวียดนามที่ผมเคยไปดูงาน ที่ครูน้อยบอกว่าเวลาครูน้อยแก้ปัญหาเด็กบางคนไม่ได้ ก็จะไปปรึกษาครูใหญ่ ครูใหญ่จะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการดูแลแก้ปัญหาของเด็กนักเรียน
ยิ่งตอนที่ครู Rafe เล่าเรื่องเด็กหญิง Brenda ที่เป็นผู้ช่วยเหลือเด็กที่ถูกรังแก แม่ของเด็กมาที่ห้องมาถามหาเด็กที่ช่วยเหลือลูกของตนเพื่อจะขอบคุณ แต่เด็กหญิง Brenda ไม่แสดงตัว ครู Rafel สังเกตหรือจับพิรุธได้ แต่ก็ไม่กระโตกกระตาก แต่เอามาเล่าเป็นตัวอย่างของเด็กที่บรรลุระดับ ๖ ของ Moral Development ตามทฤษฎีของ Lawrence Kohlberg คือทำดีตามความเชื่อของตนเอง ไม่ใช่เพื่อหวังคำชมหรือชื่อเสียง
วิจารณ์ พานิช
๕ มิ.ย. ๕๑
ขอบพระคุณมากครับอาจารย์ครับ ผมได้มี reference ศึกษาเพิ่มเติมอีกเล่มแล้ว ดีจัง
ขอบพระคุณที่อาจารย์เอาหนังสือดี ๆ อีกเล่มหนึ่งมาเผยแพร่ค่ะ อ่านที่อาจารย์เขียนแล้วอยากหามาอ่านบ้าง
ครูใหม่
อยากอ่านจังเลยครับ แต่ภาษาไม่แข็งกลัวไม่ได้เนื้อหาที่ถูกต้อง อยากให้มีคนแปลขายจะได้ช่วยวงการศึกษาบ้านเราที่ติดแต่กรอบเดิมๆ ขอบคุณอาจารย์มากๆครับ
ขอบพระคุณ ค่ะ อาจารย์ เป็นประโยชน์ กับ ชีวิต ครูพยาบาล คนใหม่ มากค่ะ