ผมพยายามค้นหาและสอบถามผู้รู้ ว่ามีใครหรือหน่วยงานใดกำหนดมาตรฐานการจัดการงานวิจัยของภาควิชาไว้บ้างหรือไม่ ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ ปรากฎว่าหาไม่ได้
เมื่อไม่มี ก็ต้องสร้าง เป็นโอกาสแล้วที่ผมจะลองสร้างสรรค์เรื่องนี้ แต่สร้างแล้วจะดีหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมมั่นใจว่ามันจะเป็น “ก้อนหินก้อนแรก” ที่นำไปสู่การช่วยกันพัฒนา “มาตรฐานการจัดการงานวิจัยของภาควิชา” ขึ้นในสังคมไทย
ผมคิดเรื่องนี้บนฐานของคณะแพทยศาสตร์ ที่มีธรรมชาติหรือฐานวัฒนธรรมเป็นหน่วยบริการและสอนเป็นงานหลัก งานวิจัยเป็นงานรองมาช้านาน ถ้าจะเอาแนวคิดที่เสนอนี้ไปใช้กับภาควิชาในคณะอื่นๆ ก็ต้องประให้เข้ากับสถานการณ์ของคณะนั้นๆ
๑. ตั้งเป้าหรือ core value ของงานวิจัยให้ชัด วิธีคิดเรื่องเป้าหมายของงานวิจัยในภาควิชา ให้แยกงานวิจัยออกเป็น ๒ แบบ คืองานวิจัยที่เน้นการสร้างความรู้ใหม่ (Generative Research) กับงานวิจัยที่เน้นการใช้ความรู้ (Translational Research)
งานวิจัย ๒ แบบนี้มีความสำคัญและศักดิ์ศรีไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน แต่มีวิธีจัดการต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดการเชิงโครงสร้าง
๒. จัดโครงสร้างพื้นฐานของงานวิจัย ซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือคน หรือนักวิจัย ซึ่งในกรณีนี้หมายถึงอาจารย์ หรือผู้ทำหน้าที่สร้างสรรค์งานวิจัย ซึ่งที่จริงเรื่องนี้คือ HRM ของอาจารย์นักวิจัยนั่นเอง
๓. หากต้องการเน้นงานวิจัยแบบสร้างความรู้ใหม่ ต้องรื้อโครงสร้างที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสร้างโครงสร้างใหม่ ดังนี้
- ต้องมีอาจารย์ที่ผ่านการศึกษาระดับปริญญาเอก และ postdoc จำนวนไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของอาจารย์ทั้งหมด และเลือกรับอาจารย์โดยเน้นว่าจะให้เข้ามาสร้างสรรค์งานวิจัยตามจุดเน้น (โฟกัสประเด็น) ที่กำหนด
- มีอาจารย์ที่ไม่ใช่แพทย์เข้ามาร่วม (หรือนำ) งานวิจัย โดยมีพื้นฐานความรู้และเทคนิคพื้นฐานดี และไม่ต้องทำงานบริการผู้ป่วย จึงมีเวลาทุ่มเทต่องานวิจัยได้เต็มที่
- มีการกำหนดจุดเน้น (โฟกัสประเด็น) วิจัยของภาควิชา ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นอิสระของอาจารย์แต่ละคน
- กำหนดตัวชี้วัดผลงานวิชาการเป็น publication ในวารสารวิชาการนานาชาติ ให้ความสำคัญต่อ impact factor
- ต้องมีระบบนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา (เน้นที่ปริญญาเอก) ขึ้นรองรับ
- ต้องมีระบบฝึกอบรม postdoc
- กำหนดผลงานวิชาการในการเข้าสู่ตำแหน่งวิชาการให้สอดคล้อง คือเน้น publication และ impact factor
๔. หากต้องการเน้นงานวิจัยแบบใช้ความรู้ ใช้โครงสร้างที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน นำมาปรับปรุงให้เหมาะสมขึ้น
- อาจารย์ส่วนใหญ่ (เกือบทั้งหมด) ผ่านการฝึกแบบเน้นวิชาชีพ อย่างในปัจจุบัน คัดเลือกโดยเน้นความสามารถด้านวิชาชีพและความเป็นครูแพทย์
- ปล่อยให้จุดเน้นของงานวิจัยเป็นการสนองงานบริการวิชาชีพ และการเรียนรู้ของนักศึกษา (ควรส่งเสริมงานวิจัยด้านแพทยศาสตร์ศึกษาให้เข้มแข็งขึ้น)
- การกำหนดโฟกัสของงานวิจัยไม่ต้องเข้มข้นมาก เพราะเน้นสนองงานบริการและการเรียนการสอน
- ตัวชี้วัดผลงานวิจัยคือผลงานวิจัยที่มี application impact ไม่เน้น international publication ไม่เน้น impact factor แต่ต้องพัฒนาเกณฑ์วัด application impact ขึ้นมาใช้
- กำหนดเกณฑ์วัด application impact สำหรับใช้พิจารณาผลงานเข้าสู่ตำแหน่งวิชาการ
๕. ระบบ data management ของภาควิชา ที่จะช่วยให้งานบริการ (และงานการเรียนการสอน) เป็นฐานข้อมูลที่มีคุณภาพต่อการวิจัย
๖. ระบบ leadership ของภาควิชา เกณฑ์ในการสรรหาให้เป็นหัวหน้าภาควิชา
๗. ระบบค่าตอบแทน อาจารย์ในภาควิชาที่เน้นงานวิจัยแบบสร้างความรู้ได้รับค่าตอบแทนส่วนใหญ่จาก research grant
๘. ระบบทุนวิจัย งานวิจัยแบบเน้นสร้างความรู้ต้องได้รับทุนจากภายนอกแบบแข่งขัน (competitive research grant)
เอามาบันทึกไว้ เพื่อแลกเปลี่ยน และจะได้มีคนนำไปคิดต่อ และลองนำไปปรับใช้
วิจารณ์ พานิช
๓๑ พ.ค. ๕๑
กราบเรียน ท่านอาจารย์หมอวิจารณ์
ขอบคุณค่ะได้แนวคิดนำไปใช้จัดการงานวิจัยใด้ดีขึ้นมากเลยค่ะ