วันสองวันที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปอบรมที่เพชรบุรี
นั่งรถไปเมืองเพชรเห็นธรรมชาติที่ยังรักษาไว้ได้ดีที่เดียว
โดยเฉพาะต้นตาล ทุ่งนาก็ยังเขียวขจี
วัดวาอารามก็สวยงาม บ้านทรงไทยหลังใหญ่ ๆ
ศิลปะเมืองเพชรปรากฎให้เห็นอยู่ทั่วไป ทำให้นึกถึงราชบุรี
ที่สองฟากฝั่งถนนเพชรเกษม มีสัตว์ป่านานาชนิด
ประเภทไม้ดัดยืนตระหง่านสองฟากฝั่ง
เป็นสัญญลักษณ์ของการเดินทางถึงเมืองราชบุรี
ความจริงเมืองราชบุรี มีอะไรน่าสนใจอีกมาก
มีเอกลักษณ์เฉพาะเมืองอีกหลายเรื่อง
แต่ก็คงน่าเสียดายที่หากเมืองนี้จะต้องกลายเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่
จนทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมของผู้คนในเมืองนี้เปลี่ยนแปลงไป
หรือทำให้ความสุขแบบบ้าน ๆ ที่เคยมีลดลงไปทุกที
น่าเสียดาย
ความรู้สึกนี้ทำให้นึกถึงบทความที่เคยเขียน
อยากแบ่งปันกันอ่านค่ะ
โรงไฟฟ้าที่ราชบุรีพอแล้ว |
สายพิน
แก้วงามประเสริฐ
มติชน 29 ต.ค. 50
ในบรรดาจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า
จังหวัดราชบุรีอาจจะเป็นจังหวัดที่มีโรงไฟฟ้ามากที่สุดในประเทศก็เป็นไปได้
ซึ่งในปัจจุบันโรงไฟฟ้าที่จังหวัดราชบุรีมีแล้ว
6 โรง ได้แก่
1.โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนของบริษัท
ราชบุรีโฮลดิ้ง
มีกำลังผลิต 1,440 เมกะวัตต์
2.โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรี
ชุดที่ 1
มีกำลังผลิต 685 เมกะวัตต์
3.โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรี
ชุดที่ 2
มีกำลังผลิต 675 เมกะวัตต์
4.โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรี
ชุดที่ 3
มีกำลังผลิต 681 เมกะวัตต์
5.โรงไฟฟ้าของบริษัท
ไตรเอนเนอย์ มีกำลังผลิต 700 เมกะวัตต์
6.โรงไฟฟ้าของบริษัท
ราชบุรีพาวเวอร์
(กำลังก่อสร้าง) ซึ่งจะมีกำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์
หากรวมเปิดใช้เบ็ดเสร็จ 6 โรง
โรงไฟฟ้าที่ราชบุรีจะมีกำลังผลิตถึง
5,581 เมกะวัตต์ เทียบแล้วมีกำลังผลิตมากกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้
4,000 เมกะวัตต์
การที่จังหวัดราชบุรีเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าเพียง
6 โรง ยังไม่พอ
เพราะโรงไฟฟ้าโรงที่
7 กำลังจะผุดโผล่ขึ้นในเขตตำบลปากช่อง อำเภอจอมบึง
ทำให้ชาวบ้านในเขตตำบลปากช่อง
และบริเวณใกล้เคียงต้องลุกขึ้นมาชุมนุมประท้วงต่อต้านการตั้งโรงไฟฟ้า
แม้ว่าจะเป็นข่าวที่ไม่ใหญ่โตมากนัก
รวมทั้งมีการสะกัดกั้นม๊อบบางส่วนที่จะเคลื่อนเข้าไปชุมนุมในเขตกรุงเทพฯก็ตาม
แต่อย่างน้อยการได้ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลได้ทบทวนได้ตระหนักถึงความจำเป็น
ควรพอหรือยังสำหรับการสร้างโรงไฟฟ้าที่จังหวัดราชบุรี
เพราะราชบุรีอาจเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีโรงไฟฟ้ามากที่สุดก็เป็นได้
จากเรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า ทำไมจังหวัดราชบุรีจึงต้องแบกภาระการเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าจำนวนมากเช่นนี้
ทั้งที่รู้กันอยู่ว่าโรงไฟฟ้าไม่ว่าจะไปโผล่ที่ใดย่อมได้รับการต่อต้าน
เนื่องจากก่อให้เกิดมลภาวะที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะการปล่อยให้จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งมีโรงไฟฟ้ากระจุกตัวหนาแน่น
ปัญหาสิ่งแวดล้อมย่อมมีเพิ่มมากขึ้น
จังหวัดราชบุรีไม่ควรมีโรงไฟฟ้าอีกแล้ว
มากเกินพอที่คนในท้องถิ่นจะต้องแบกรับภาระความเสียสละนี้ไว้ได้
เนื่องจากเมืองราชบุรีเป็นเมืองเกษตรกรรม
ผู้คนส่วนใหญ่ทำไร่ ทำนา ทำสวน โดยเฉพาะสวนผลไม้ของราชบุรีมีชื่อเสียงไม่แพ้ที่อื่นๆ
ปีหนึ่งๆ ผลผลิต โดยเฉพาะผลไม้จากอำเภอดำเนินสะดวก และอำเภออื่นๆ
ส่งออกไปเลี้ยงดูผู้คนในประเทศเป็นจำนวนมาก เมื่อมีโรงไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
การปล่อยพลังงานความร้อนจากโรงไฟฟ้าทั้งในอากาศ
และทางน้ำ ย่อมกระทบต่อผลผลิตของคนในท้องถิ่น
นอกจากนี้ราชบุรียังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
ที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ
คือตลาดน้ำดำเนิน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
แหล่งศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งศึกษาวิถีชีวิตชาวบ้านแบบดั้งเดิม
ปีๆ หนึ่งการท่องเที่ยวที่ตลาดน้ำดำเนินนำรายได้เข้าประเทศ
เข้าจังหวัดจำนวนไม่น้อย
ราชบุรีมีถ้ำค้างคาวร้อยล้านที่เขาช่องพราน
มีผู้คนมาท่องเที่ยวเพื่อเฝ้าดูความมหัศจรรย์ที่ค้างคาวบินออกจากถ้ำพร้อมๆ
กันเป็นล้านๆ ตัว ราชบุรีมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่แสดงวิถีชีวิตของชุมชนคนมอญที่บ้านม่วงคนไทยยวนที่คูบัว
ผลิตภัณฑ์การทอผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงทั้งผ้าซิ่นตีนจกที่คูบัว
ผ้า (ขาวม้า) ทอบ้านไร่ การทำหนังใหญ่
และการแสดงหนังใหญ่ที่วัดขนอน
นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่แสดงถึงภูมิปัญญาของผู้คน
และอารยธรรมความเป็นมาอันเก่าแก่ของเมืองราชบุรี
แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองนี้มาตั้งแต่อดีต
ตลอดจนเมืองราชบุรียังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจ
เช่นที่เขากระโจม
ซึ่งมีคำขวัญเชิญชวนให้ท่องเที่ยวว่า "ไอหนาว หมอกขาว และป่าเขียว
เที่ยวเขากระโจม...ราชบุรี"
ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะทำให้ผู้คนได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
โดยไม่ต้องเดินทางไปเที่ยวภูเขา หรือป่าไกลๆ
เมืองราชบุรีจึงเป็นทั้งเมืองเกษตรกรรม
เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญทั้งในทางประวัติศาสตร์
และทางธรรมชาติ ทำรายได้ให้กับประเทศชาติจำนวนไม่น้อย ดังนั้น
สมควรแล้วหรือ ที่จะปล่อยให้เมืองราชบุรีต้องรับภาระการเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้ามากมายขนาดนี้
ผลกระทบที่อาจเกิดจากการตั้งโรงไฟฟ้า
หากมีผลทำให้ผลผลิตด้านเกษตรกรรมของคนราชบุรีลดน้อยลง
อากาศที่ร้อนเพิ่มมากขึ้น
มีมลภาวะเพิ่มขึ้น จนกระทบต่อการท่องเที่ยวในจังหวัด
ตลอดจนวิถีชีวิตของคนราชบุรีที่เคยอยู่กันอย่างสงบเรียบง่ายตามธรรมชาติ
มีเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเอง เป็นเมืองที่เป็นตัวอย่างของความแตกต่างทางวัฒนธรรม
ที่มีทั้งคนจีน
คนลาว คนมอญ คนเขมร คนกะเหรี่ยง หรือแม้แต่คนพม่า
แต่ในความแตกต่างทางวัฒนธรรมก็เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสมานฉันท์
ที่ผู้คนต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
พอหรือยังกับการเป็นสถานที่ตั้งของโรงไฟฟ้า
หากถามใจผู้คนของเมืองนี้ที่รักความเป็นธรรมชาติและภาคภูมิใจในความเป็นคนราชบุรีแล้ว
ก็คงต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า
ควรถึงเวลายุติการสร้างโรงไฟฟ้าที่ราชบุรีเสียที
ถึงเวลาที่รัฐควรจะมีนโยบายด้านการใช้พลังงานอย่างประหยัด
มากกว่าการปล่อยให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าอย่างมากมายในประเทศ
ขณะที่ยังไม่ได้รณรงค์ให้ผู้คนใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างประหยัดเท่าที่ควรจะเป็น
และตราบใดที่ปล่อยให้การใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นไปตามอำเภอใจ
ตามกำลังความสามารถที่จะซื้อมาใช้ได้โรงไฟฟ้าย่อมผุดโผล่ขึ้นเป็นระยะๆ
เมื่อไปโผล่ที่ใดย่อมเกิดการต่อต้านจากผู้คนในท้องถิ่นนั้นเป็นธรรมดา
หากคิดให้ดียุติธรรมแล้ว? ที่ปล่อยให้เมืองใดเมืองหนึ่งต้องรับภาระเช่นนี้
ขณะที่ผู้คนในสังคมโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ
ยังใช้ไฟกันโครมๆ รัฐบาลก็ยังใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อประชาสัมพันธ์
ทำความเข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงต้องสร้างโรงไฟฟ้า
แต่ไม่เคยทำความเข้าใจว่าเพราะเหตุใดคนจึงต้องต่อต้านโรงไฟฟ้า
ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องหันมาทำความเข้าใจวิถีชีวิต
และความต้องการของชาวบ้านเสียที
โดย :
มติชน วันที่ 29/10/2007
|