เราคนไทยเถียงกันได้


คำถามหนึ่งในใจ ในรอบสามสี่ปีของความรุนแรง ทั้งการพูดคุย ถกเถียง แลกเปลี่ยน เลือกข้างและฝักฝ่ายทางการเมือง ผมเพียงแต่มีคำถามในใจ ถึงสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพ และไมตรีจิต ท่ามกลางการถกเถียงแลกเปลี่ยน ขณะที่เราต่างรับรู้ถึงความเปลี่ยนผ่านในใจ รับรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในแต่ละห้วงอารมณ์อันรุนแรง วันนี้ผมมีคำถาม กับความรุนแรงซึ่งแฝงเร้นอยู่ภายในใจของเรา

เราคนไทยเถียงกันได้

อ้างอิง - ภาพ http://burabhawayu.multiply.com/photos

ในสถานการณ์

ในความรับรู้ต่อการเมืองไทย

ตลอดระยะเวลาสามสี่ปีที่ผ่านมา

ผมรับรู้ความรู้สึก ในแง่มุมอันน่าเจ็บปวดใจ ยิ่งได้เห็นเพื่อนนั่งประชดประชันความคิดทางการเมือง เห็นความขุ่นเคืองในมิตรภาพ เห็นญาติพี่น้องคนไทยในครอบครัวเดียวกัน มองหน้ากันไม่ติด ตะขิดตะขวงใจในยามอธิบายความคิดเห็นส่วนตัว ที่มีต่อการเมืองและทิศทางประเทศ

ผมรับไม่ได้กับความรุนแรงเหล่านั้น

ในความรุนแรงซึ่งฝังตัวลง

ก่อให้ใจคนไทยเจ็บ

ผมรับไม่ได้กับผู้ที่พยายาม เรียกความคิดที่แตกต่าง ด้วยความโกรธเคืองขุ่นแค้น จนกระทั่งพร้อมจะใช้ความรุนแรง กับคนไทยด้วยกัน ที่เพียงมองต่างในความคิดเห็น หรือกระทั่งด่าทอด้วยความดูถูกเหยียดหยาม สร้างความเคียดแค้นชิงชังระหว่างกัน เพียงเพราะคำพูดเหล่านั้น

การฆ่าฟัน

ทำร้ายทุบตีด่าทอ

อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยของใคร

แต่ไม่ใช่สำหรับผม ผมไม่เคยเชื่อเรื่องราวของความรุนแรงเหล่านั้น ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ตราบใดก็ตามที่เรายังมีสติและมีสมอง เราไม่ควรลดตัว เพียงเพื่อให้ด้านลึกของใจอันหยาบคาย เข้าครอบครองพื้นที่เหล่านั้น เมื่อเรามีสิ่งอันวิเศษ ที่สามารถไตร่ตรอง แลกเปลี่ยน ถกเถียงหารือ

ใยเราจะต้องมาทำร้ายทำลายกัน

ด้วยเรื่องราวที่เกิดจากคิด

เกิดจากความคิด

และความแตกต่าง ขัดแย้ง ไม่เห็นพ้องต้องกัน ที่สามารถลำดับความ ในแต่ละความแตกต่างของความคิดเห็นได้ ด้วยเหตุด้วยผล หรือด้วยความรู้สึก โดยก้าวผ่านความรุนแรง และการใช้กำลังรุนแรง เพียงเพื่อบังคับผู้อื่นให้เห็นคล้อยตาม หรือบังคับบัญชาผู้อื่นให้ยอมจำนนต่อความคิดเรา

ไม่ใช่อย่างยิ่ง

สำหรับความจริงของเรา

เพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยของไทย

เพื่อก่อรากฐาน สร้างและจัดเรียงอิฐแต่ละก้อน ให้อยู่ในใจคนไทย ในท่ามกลางความแตกต่าง ของศาสนา ความคิด วิถีชีวิต การดำรงอยู่ ความใฝ่ฝัน ลมหายใจ หน้าตา ความเชื่อ เราทุกคนล้วนเกิดขึ้นมาท่ามกลางความแตกต่างแทบทั้งสิ้น ใยเราจะก้าวไม่พ้นความจริงเหล่านี้ เพียงเพื่อชัยชนะ

สำหรับคนไทยโดยทั่วไปที่ต่างโลดแล่น

ตามพื้นที่การหากินของนักการเมือง

ผมอยากเรียกร้องให้เรามอง

ให้เราช่วยกันมอง ให้เราร่วมกันฉุกคิด ต่อความจริงซึ่งฝังรากความรุนแรง รากของความเจ็บป่วยเจ็บปวดที่คนไทยกำลังประสบ จากการทุบตีด่าทอ ทำร้ายทำลาย ข่มเหงรังแก และพร้อมจะใช้อำนาจ ใช้ความรุนแรงเข้าประหัตประหารกัน เรากำลังอยู่ในสังคมที่พร้อมจะฆ่าฟัน เพียงเพราะการพูดจาไม่ถูกหู

เราทุกคนรับรู้ได้ดี

แต่เราจะตอบคำถามอย่างไร

ในท่ามกลางความแตกต่างขัดแย้งเหล่านี้

ยิ่งในยามนี้ ผมเห็นนักการเมืองไทยที่พร้อมจะยั่วยุมวลชน ยั่วยุหัวใจคนไทยให้แบ่งได้เป็นฝักเป็นฝ่าย พร้อมจะระเบิดอารมณ์เพื่อเข้าทุบตีผู้อื่น ไม่ว่าใครก็ตามที่เชื่อว่า ความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นและจบลง จะเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ที่ตนได้ครอบครองอำนาจ หรือครอบครองอำนาจรัฐ

 

 

ผมขอประณามดูถูกเหยียดหยามพฤติกรรมนี้

พฤติกรรมที่ยั่วยุคนไทยให้เข่นฆ่า

ทำร้ายทำลายกันเอง

เพียงเพราะเราคิดเห็นแตกต่าง เรามองโลกแตกต่างกัน เราสื่อสารแตกต่างกัน แต่เราเป็นคนไทย อยู่บนพื้นแผ่นดินไทย อยู่ในพื้นแผ่นดินสีทองภายใต้ความสุข ญาติมิตรพี่น้องครอบครัว และความใฝ่ฝันว่า เราจะมีชีวิตที่เป็นสุขงดงาม เราทุกคนต่างคาดหวังไม่แตกต่าง ในความสุขชีวิต

เราไม่จำเป็น

ต้องมองเห็นความแตกต่าง

จากความคิดของคนอื่นเป็นความรุนแรง

เราอาจมิพึงพอใจ เราอาจเห็นไม่ตรงกัน เราอาจไม่ยอมรับ แต่สุดท้ายเราก็ไม่มีสิทธิไปทำร้ายทำลายเขาเหล่านั้น ที่คิดเห็นแตกต่างจากใจของเราได้ เราไม่มีสิทธิกระโดดถีบ กระทืบ ทุบตี ทำร้ายร่างกายชีวิตและหัวใจของเขา นอกเหนือจากความจริงที่เราไม่ได้มอบความรักต่อกัน

เราก็ไม่มีสิทธิที่จะยอมรับความรุนแรง

เพื่อให้มาเป็นเจ้าเข้าครอง

ทั้งสติและสมอง

ใครจะเชื่อว่าความรุนแรงขจัดปัญหาการเมืองไทยได้ ก็เชื่อกันไปต่อเถอะครับ สำหรับสังคมแห่งความเจ็บปวด รอยน้ำตา ความสูญเสีย และเสียร่ำไห้ของผู้สูญเสียย่อมมีเสียงที่ดังก้องในใจ มากกว่าเสียงแห่งชัยชนะ ซึ่งมีวันได้มาและวันหนึ่งก็จะลาจากชีวิตผู้ชนะไป แต่สิ่งที่ยังคงอยู่

คือความทรงจำ

และสิ่งที่คนไทยจะจดจำ

และรำลึกได้ถึงการกระทำความรุนแรงนั้น

ใครก็ตามที่ปรารถนาเลือดเนื้อ และชะตากรรมจากความรุนแรงอันเจ็บปวดของคนไทย เพียงเพื่อผลในทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม หรือเพียงอำนาจลำพองใจ ว่าตนเองยิ่งใหญ่คับโลก หรือตนเองและความคิดตนเอง คือความถูกต้องที่บังคับบัญชาโลกนี้ ขอให้จดจำ

ว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่อยากถูกทำร้ายทำลาย

ไม่มีใครอยากถูกดูถูกเหยียดหยาม

เราอยากมีชีวิตที่เป็นสุข

ในความจริงของชีวิต เราและเขา เราและท่าน ล้วนมิแตกต่างกันในความจริงของสิ่งมีชีวิต เราอยากมีชีวิตอยู่ มีความอบอุ่นในชีวิต มีความฝันมีความหวัง และมีอนาคตที่ดีของชีวิต ใครก็ตามในวันนี้ที่กล้ายั่วยุให้คนไทยเข่นฆ่ากันเอง ผมเชื่อเสมอว่า สังคมไทยจะจดจำและบันทึกชื่อเขาไว้

เพราะความแตกต่าง

ไม่ใช่ความรุนแรงหรือโกรธเกลียด

แต่ความแตกต่าง คือ สิ่งที่เรามีไว้สื่อสารระหว่างกัน

ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 183836เขียนเมื่อ 22 พฤษภาคม 2008 10:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีคะ คุณ Kati

บันทึกนี้ อยากจะขอถามคะ ด้วยความสงสัยจากการได้อ่านบันทึกของคุณ Kati มาหลายบันทึก แต่ยังไม่เคยถามสักทีคะ

ดิฉันชอบใช้ตัวอักษรใหญ่ในการอ่าน ด้วยการกด A ใหญ่ จึงทำให้สังเกตเห็นว่า

  • ข้อความจะแสดงตัวใหญ่เฉพาะข้อความที่เป็นประโยคยาวๆ หลายบรรทัด 
  • ข้อความที่แสดงตัวเล็ก เป็นส่วนข้อความที่เป็นประโยคสั้นๆ

ดิฉันเลยลองอ่านแยกดู แยกตัวอักษรใหญ่ และตัวอักษรเล็ก ก็พบว่าก็เป็นบทความคนละบทความกัน แต่เมื่ออ่านรวมก็สามารถเชื่อมโยงกันได้

สนุกดีจังคะ  คุณ Kati เขียนเก่งมากคะ ขอชื่นชมคะ

 

สวัสดีครับ คุณมะปรางเปรี้ยว

วิธีอ่านแล้วปรากฎผลว่า

มีตัวอักษรตัวใหญ่ กับ ตัวอักษรตัวเล็ก แยกกัน ต้องยอมรับกับคุณมะปรางเปรี้ยว ว่าต้นฉบับเดิม ผมเน้นตัวอักษรตัวใหญ่ ในช่วงบรรทัดแยก ประโยคสั้นสั้น แล้วช่วงประโยคยาวยาว ก็เป็นอักษรตัวเล็ก พอหลังจากก้อปปี้ มาลงในบล็อคก็ผมว่าเป็นอักษรตัวเท่ากัน ซึ่งพอผมอ่านไปแล้ว ก็รู้สึกว่า สบายตาดีอยู่ ก็เลยไม่ขยายหรือปรับเปลี่ยนขนาดอักษร

แต่ถ้าพอเราปรับอักษร

ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวอักษรประโยคยาวก็จะตัวใหญ่ขึ้น ส่วนอักษรประโยคสั้นจะมีขนาดเท่าเดิม ซึ่งก็ตรงตามที่คิดเช่นกันครับ

เดิมผมคิดว่า

การเขียนเรื่องยาวยาว น่าจะสร้างปัญหาในการอ่าน เลยคิดว่า จะพยายามเขียนให้สั้นกระชับ มีลำดับการเน้นย้ำประโยค และเน้นความหมายที่ต้องการย้ำ จึงพยายามเขียนให้อยู่ในรูปประโยคเช่นนี้ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าดีหรือไม่ดี แต่ที่แน่นอน คืออ่านได้ในระยะเวลาจำกัด อ่านได้เร็ว และเข้าใจได้ง่าย

เป็นหนึ่งในการฝึกฝนการเขียนของตัวเองครับ

ขอบคุณอย่างมากครับ คุณมะปรางเปรี้ยว สำหรับคำกล่าว

นับว่าเป็นกำลังใจในการเขียนอย่างมากครับ

ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณมากคะ คุณ Kati

เออ... จำได้ว่า บันทึกก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ปรับตัวอักษรก็เห็นเป็นตัวใหญ่ ตัวเล็ก แยกกันชัดเจนเลย

สำหรับปัญหานี้ ลองมาปรับขนาดตัวอักษรใน Text Editor ก่อนโพสดีกว่าคะ

ครั้งแรกๆ ที่อ่านบันทึก ก็อ่านยาวลงมาหมดเลยคะ

หลังๆ ก็เหมือนสนุก อยากรู้ว่าถ้าอ่านแยกระหว่างตัวเล็ก กับ ตัวใหญ่ จะเป็นอย่างไร สนุกไปอีกแบบคะ

ขอบคุณมากคะ ที่แบ่งปันงานเขียนให้ติดตามอ่าน ^_^

 

สวัสดีครับ คุณมะปรางเปรี้ยว

ขอบคุณเช่นกันครับ

สำหรับคำทักทาย คำแนะนำ ความคิดเห็น และการเยี่ยมเยือนด้วยมิตรภาพ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท