วิเคราะห์สถานะบุคคลของนาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์

ด้วยเหตุนี้การจะวิเคราะห์ว่านาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ มีสัญชาติไทยหรือไม่นั้นก็จำเป็นที่จะต้องไปดู พ.ร.บ.สัญชาติฉบับที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่ นาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ เกิด

จากข้อเท็จจริงของนาย ชัย ที่ได้นำเสนอไว้ในบันทึกฉบับก่อนนั้น ในบันทึกฉบับนี้ผมก็จะขอกล่าวถึงการวิเคราะห์สถานะบุคคลตามกฎหมายไทย ของนายชัย

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1. พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎ พ.ศ. 2534 (ฉบับที่ 2) แก้ไข พ.ศ. 2551

2. พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508 ประกอบ ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 พ.ศ. 2515

3. พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508 (แก้ไข ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551

ประการนี้จากข้อเท็จจริงที่ปรากฎจะเห็นได้ว่า นายชัย ชัยยิ้มวงษ์ นั้นเกิดในวันที่ 16 กรกฎาคมพ.ศ. 2515 ซึ่งในขณะที่นาย ชัยเกิดนั้น พ.ร.บ.สัญชาติที่ใช้บังคับอยู่ก็คือ พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 ด้วยเหตุนี้การจะวิเคราะห์ว่านาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ มีสัญชาติไทยหรือไม่นั้นก็จำเป็นที่จะต้องไปดู พ.ร.บ.สัญชาติฉบับที่ใช้บัคับอยู่ ประการนี้จึงจะต้องดู พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 

  ด้วยเหตุที่ว่านายชัย นั้นมีจุดเกาะเกี่ยวหรือไม่กับประเทศไทยจึงจำเป็นที่จะต้องกลับไปดูข้อเท็จจริงที่ปรากฎ ซึ่งจะเห็นได้ว่า นายชัยนั้นมีมารดาเป็นคนสัญชาติไทย และทั้งนี้ตัวนายชัยเองก็เกิดในแผ่นดินไทย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยถึงสองจุดด้วยกันนั่นคือ 1. จุดเกาะเกี่ยวจากสายโลหิตมารดา 2. จุดเกาะเกี่ยวโดยหลักดินแดน

    เมื่อนาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ นั้นได้แสดงให้เห็นถึงจุดเกาะเกี่ยวที่มีต่อรัฐไทยแล้วนั้น ในประเด็นต่อมาก็คือต้องมาวิเคราะห์กันต่อว่าในขณะที่นาย ชัย เกิดนั้น พ.ร.บ.สัญชาติที่ใช้บังคับ ได้กำหนดเงื่อนไขในการได้สัญชาติไทยโดยหลักสืบสายโลหิตจากมารดาและหลักดินแดนไว้ว่าอย่างไร แล้วนายชัย มีองค์ประกอบครบเงื่อนไขของการได้สัญชาติตามหลักทั้งสองหรือไม่อย่างไร

หลักสืบสายโลหิตจากมารดา ในหลักนี้นั้นใน พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508 ได้กำหนดหลักเกณฑ์เอาไว้เหมือนกับหลัเกณฑ์การได้สัญชาติไทยโดยหลักสืบสายโลหิตจากมารดา ใน พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499 มาตรา 7(2) เพราะในมาตรา 7(2) พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508 ที่ได้กำหนดเงื่อนไขในการได้สัญชาติของหลักนี้ไว้ว่า "...2 ผู้เกิดนอกราชอาณาจักรไทยโดยมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย แต่ไม่ปรากฎบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายหรือบิดาไม่มีสัญชาติไทย..." 

โดยข้อเท็จจริงที่ปรากฎ จะเห็นได้ว่า นายชัยแม้จะมีมารดาเป็นคนสัญชาติไทยก็ตาม แต่ในขณะที่นายชัยเกิดนั้น พ.ร.บ.สัญชาติ ได้กำหนดหลักสืบสายโลหิตจากมารดาว่าเป็นหลักเสริมหลักสืบสายโลหิตจากบิดา(เป็นหลักการสืบสายโลหิตจากมารดาที่ยังมีเงื่อนไข) ด้วยเหตุนี้ในข้อเท็จจริงของนายชัย นั้นไม่ครบองค์ประกอบของเงื่อนไขของการได้สัญชาติโดยหลักสืบสายโลหิตจากมารดา ด้วยสาเหตุที่ นายชัยนั้นเกิดในประเทศไทย 

หลักดินแดน โดยหลักนี้นั้น ใน พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7(3) ได้วางหลักไว้ว่า "...(3) ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย..."

โดยเมื่อได้พิจารณาดูแล้วนั้นจะแสดงออกมาให้เห็นต่อตัว นาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ ว่านายชัยนั้นมีจุดเกาะเกี่ยวกับหลักนี้โดยตรง ด้วยเหตุที่นายชัยนั้น "เกิดในราชอาณาจักรไทย" และด้วยตัวกฎหมายสัญชาติที่มีผลใช้บังคับในขณะที่นายชัยเกิดนั้นก็ระบุเงื่อนไขชัดเจนเกี่ยวกับการได้สัญชาติโดยหลักดินแดน ดังนั้นเมื่อนายชัยมีข้อเท็จจริงที่ระบุได้ว่านาย ชัย นั้นได้เกิดในราชอาณาจักรไทย เหตุนี้จึงถือได้ว่านาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ นั้นมีสัญชาติตามหลักดินแดน

เมื่อระบุได้แล้วว่า นาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ นั้นมีสัญชาติไทยตามหลักดินแดนแล้วนั้นในกรณีต่อไปที่จะต้องพิจารณานั่นก็คือการได้สัญชาติไทยโดยหลักดินแดนของนายชัย ชัยยิ้มวงษ์ นั้นถูกถอนโดย ประกาศคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 337 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ซึ่งในประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337(ปว.337) นั้นได้ออกมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะถอนสัญชาติและไม่ให้สัญชาติกลับบุคคลที่เข้าเงื่อนไของค์ประกอบดังต่อไปนี้

1.เกิดในราชอาณาจักรไทย

2. มีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นคนต่างด้าว

3. หรือมีมารดาเป็นต่างด้าวโดยไม่ปรากฎบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย

และในขณะที่เกิดนั้นตัวบิดาหรือมารดาที่เป็นต่างด้าวมีลักษณะที่เข้าเมืองไม่ถาวร,หรือได้รับมติ ครม. ให้อาศัยอยู่เป็นกรณีพิเศษ,หรือเป็นการเข้าเมืองผิดกฎหมาย

โดยตัว ปว337 นี้ออกมาเพื่อที่จะป้องกันปราบปรามในส่วนของเวียดนามอพยพ ที่จะเป็นภัยต่อระบบการปกครองของประเทศในสมัยนั้น ประการนี้กลุ่มคณะปฎิวัติก็จึงได้ออกประกาศดังกล่าวออกมา ซึ่งนั่นเป็นการออกมาครอบคลุมไปทั่วไม่เฉพาะเจาะจงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเลย จึงเสมือนการหว่านแหจับเอาบุคคลที่เข้าเงื่อนไขตามที่ได้กล่าวข้างต้นหมด

ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณา ว่านายชัย จะถูกถอนสัญชาติไทยโดยหลักดินแดน ตาม ปว.337หรือไม่

ซึ่งจากข้อเท็จจริงของนาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ นั้นเห็นได้ว่านาย ชัย นั้นได้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งเข้าตามเงื่อนไขของ ปว.337 ในส่วนแรกแล้วนั้น แต่ในเงื่อนไขที่สอง ที่ระบุว่ามีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นคนต่างด้าว แต่นายชัยนั้นมีข้อเท็จจริงที่ว่ามีบิดาในข้อเท็จจริงเป็นต่างด้าว ด้วยเหตุนี้ องค์ประกอบในข้อเท็จจริงส่วนนี้ของนายชัยจึงไม่เข้าตามเงื่อนไขของ ปว.337 พราะมีข้อเท็จจริงที่ระบุว่ามีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นคนต่างด้าว และในเงื่อนไขที่ 2 ที่ระบุว่า มีมารดาเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฎบิดาที่ชอยด้วยกฎหมาย ซึ่งในกรณีดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่าข้อเท็จจริงนั้น นายชัย มีมารดาที่มีสัญชาติไทยซึ่งเมื่อกลับไปดูเงื่อนไขใน ปว.337 แล้วนั้นจะเห็นได้ว่าไม่เข้าเงื่อนไขในเรื่องมารดาต่างด้าวและไม่มีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และแม้จะมีบิดาของนายชัยที่เข้ามาประเทศไทยโดยหลบหนีภัยความตายมาจากประเทศพม่าซึ่งนั่นก็มีความหมายที่ว่าเป็นการหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายคนเข้าเมืองก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฎว่า ข้อเท็จจริงของนาย ชัย นั้นมีมารดาเป็นคนไทยและไม่มีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นต่างด้าว แต่มีบิดาในข้อเท็จจริงนั้นเป็นคนต่างด้าว ด้วยเหตุนี้ข้อเท็จจริงของนาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ นั้นจึงไม่เข้าตามเงื่อนไขของ ปว.337

ประการนี้จึงสามารถสรุปได้ว่า นาย ชัย ไม่ได้ถูกถอนสัญชาติไทยโดยหลักดินแดนโดยผลของประกาศคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 337 เพราะข้อเท็จจริง ของนาย ชัย ชัยยิ้มวงษ์ นั้นไม่ได้เข้าตามองค์ประกอบเงื่อนไขของการถูกถอดถอนสัญชาติ โดยประกาศคณะปฎิวัติ ฉบับ 337 เมื่อนาย ชัยไม่ถูกถอดถอนสัญชาติไทยโดยหลักดินแดน จาก ปว.337 แล้วนั้น ปัจจุบันนี้นายชัยเองก็ยังคงมีสัญชาติไทย

แต่ถึงกระนั้น นายชัย ชัยยิ้มวงษ์ ในปัจจุบันนี้ก็ยังตกเป็นคนไรรัฐ เพราะตอนนี้ตัวนายชัย เองนั้นยังไม่มีเอกสารอย่างใดๆเลยที่ จะสามารถบ่งบอกเขาได้ว่าเขาเป็นคนสัญชาติไทย หรือมีเอกสารทางทะเบียนราษฎรที่ออกโดยรัฐไทยแม้แต่ชิ้นเดียว

 

 

[ป้าต๊อก]

ก๊อดจิ

เพิ่งได้ตามอ่านงาน แต่ยังอ่านไม่หมด ก๊อดเขียนดีขึ้นมากๆ เลย ทำเอาอาจารย์ต๊อกรู้สึกว่าละเลยไม่ได้อ่านงานของก๊อดจิเสียนาน ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย เขียนต่อนะ แล้วอาจารย์ต๊อกจะเข้ามาอ่านอีก ^_^