เมื่อวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 51 ในเวที Admin. Journal Club คุณบุญฑริกา อินทสิงห์
เป็นผู้นำเสนอเรื่องการผูกใจพนักงาน (Employee Engagement) ซึ่งนำข้อมูลมาจาก HR Human Resource ในผู้จัดการรายสัปดาห์ วันที่ 31 มี.ค.-6เม.ย.51 สรุปประเด็นดังนี้
จากการสำรวจความทุ่มเทของพนักงานในองค์กรทั้งโลกกว่า750คน ของ America Society For Training Development หรือ ASTD ในปีพ.ศ.2550 พบว่าบุคลากรมีความรักและทุ่มเท 34 % ขณะที่คนมีความรักองค์กรปานกลาง 43 % และพนักงานที่ไม่มีความรักหน่วยงาน 23 % ขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของการจูงใจพนักงานพบว่าผู้บริหารเป็นกลไกหนึ่งที่สร้างความสำเร็จให้องค์กร 46%มองว่าผู้บริหารมีความสำคัญ 36 % บอกว่ามีความจำเป็นอย่างมาก 14% ให้ความสำคัญกับผู้บริหารปานกลาง 4% สำคัญน้อยมาก
กลยุทธ์ดึงใจคน
การจูงใจด้วยสิ่งตอบแทน: เงินเดือน สวัสดิการ โอกาสในการพัฒนา ความก้าวหน้า
การจูงใจด้วยความกลัว : เลิกจ้างตามผลงาน กฎระเบียบที่เคร่งครัด บทลงโทษที่หนักแน่น
การจูงใจด้วยความรัก : บรรยากาศที่ดี เพื่อนร่วมงานที่เข้าใจ มีหัวหน้างานที่เป็นผู้ให้
อีกแนวคิดคือองค์กรที่มีระบบการจูงใจที่ดีต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัย
ผลสำรวจในเอเชียพบว่า มี3 ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันของพนักงาน
ผลประเทศไทยสัมพันธ์กับ 2 อันดับแรก แต่ลำดับที่3 คือการจ้างงาน การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
ซึ่งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวรก็พยายามดำเนินการหลายอย่างที่จะให้บุคลากรผูกพันกับองค์กร
ด้านเหตุผล : เปิดโอกาสให้บุคลากร ได้พัฒนาตนเอง มีงบประมาณสนับสนุนทุนการศึกษาทั้ง ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก รวมทั้งการอบรมภายในและภายนอก
การจูงใจ: นอกจากเงินเดือนและสวัสดิการ แล้วยังมีเงินเพิ่มพิเศษ สำหรับบุคลากร และกำลังพัฒนา การจูงใจด้วยความรัก โดยการสร้างบรรยากาศองค์กรที่ดีอยู่ในขั้น Open Mind เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ เพื่อหวังจะขยายไปในกลุ่มใหญ่ในอนาคต (ติดตามเรื่องเล่าต่อไปๆในบันทึกองค์กรอัจฉริยะ)
ชอบบทความนี้มากครับ ควรเอามาปรับใช้ในหน่วยงานครับ
การจูงใจด้วยความรักทุกวันนี้หายากมาก ทุกหน่วยงานเห็นควรนำไปปฏิบัติ เพื่อเกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน