สารพันกฎหมายที่เด็กๆ ควรรู้ ตอน1


หากกฎหมายคือบรรทัดฐานหนึ่ง ที่ใช้กับหลายๆ คน จึงต้องให้หลายๆ คนได้เรียนรู้บรรทัดฐานนั้น

 

ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

          ลักทรัพย์

                        ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  334  บัญญัติว่า   ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน  3  ปี  หรือปรับไม่เกิน  6,000  บาท 

                        ความผิดฐานลักทรัพย์เกิดขึ้นเมื่อมีการเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น  ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ โดยมีเจตนายึดถือเป็นของตนเองหรือเอาไปเป็นประโยชน์ของตน

                        เช่น  แดงอยากได้โทรศัพท์มือถือของดำ  จึงแอบไปหยิบโทรศัพท์มือถือของดำขณะพักเที่ยง  แล้วนำไปเก็บไว้ที่กระเป๋าของตนเอง  ถือว่าแดงมีความผิดฐานลักทรัพย์

                        โทษลักทรัพย์จะหนักขึ้น  หากลักทรัพย์ในเวลากลางคืน  หรือทำอันตรายสิ่งกีดขวาง เช่น  ตัดเหล็กดัด  พังประตูหน้าต่าง  หรือลักทรัพย์สถานที่ราชากร  เป็นต้น

วิ่งราวทรัพย์

                        ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  336  บัญญัติว่า  ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน  5  ปี  และปรับไม่เกิน 10,000 บาท 

                   ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์  เป็นการลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยวิธีการฉกฉวยเอาซึ่งหน้าหรือแย่งเอาไป  คว้าหรือกระชากทรัพย์ไปจากผู้อื่นอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตา  เช่น  แดงวิ่งไปกระชากกระเป๋าถือของจิ๋ม  หรือแดงกระชากสร้อยคอของดำไป  ถือว่าแดงมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์

                        โทษวิ่งราวทรัพย์จะหนักขึ้น  หากการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย  จิตใจหรือบาดเจ็บสาหัส  หรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 

            ชิงทรัพย์

                        ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  339  บัญญัติว่า  ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย  เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป  ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น  ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว  ปกปิดการกระทำความผิดนั้น  หรือให้พ้นจากการจับกุม  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่  5  ปี  ถึง 10 ปี  และปรับตั้งแต่  10,000  บาท ถึง 20,000  บาท

                        ความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นการลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยใช้วิธีการทำร้ายหรือใช้คำพูดหรือการกระทำข่มขู่เพื่อให้เจ้าทรัพย์มอบทรัพย์ให้แก่ตน

                        เช่น  แดงชกหน้าดำจนล้มลง  แล้วแดงล้วงเงินจากกระเป๋าของดำไป  หรือแดงซึ่งถือมีดอยู่พูดขอเงินจากดำ  ดำกลัวจึงยอมมอบเงินให้แดงไป  ถือว่าแดงมีความผิดฐานชิงทรัพย์

                        โทษชิงทรัพย์จะหนักขึ้นหากเป็นการชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือมีอาวุธ  หรือการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย จิตใจ  หรือรับอันตรายสาหัส  หรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 

          ปล้นทรัพย์

                        ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  340  บัญญัติว่า  ผู้ใดชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่  3  คน  ขึ้นไป  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่  10 ปี ถึง  14 ปี  และปรับตั้งแต่  20,000  บาท ถึง  30,000  บาท

                        ความผิดฐานปล้นทรัพย์   เป็นการชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่  3  คนขึ้นไป

                        เช่น  แดง  เขียว  และส้ม  เดินเข้าไปล้อมขาวซึ่งกำลังดินอยู่ในห้างสรรพสินค้า  โดยเขียวกับส้มช่วยกันจับแขนขาว  แล้วแดงชักมีดออกมาพร้อมพูดกับขาวว่า  ขอโทรศัพท์มือถือไม่อย่างงั้นจะแทงให้ตาย  จนขาวยอมมอบโทรศัพท์มือถือให้แก่แดง  ถือว่าแดง  เขียว  และส้ม  มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์

                        โทษปล้นทรัพย์จะหนักขึ้น  หากผู้กระทำผิดคนใดคนหนึ่งมีอาวุธติดตัวไป  หรือใช้ปืนยิง  หรือการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส  หรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 

ความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดต่อเสรีภาพ

            พรากผู้เยาว์

                        ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  317  บัญญัติว่า  ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา  ผู้ปกครอง  หรือผู้ดูแล  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่  3 ปี  ถึง  15  ปรับตั้งแต่  6,000  บาท  ถึง  30,000  บาท

                        ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  318  บัญญัติว่า  ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบห้าปี  แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา  ผู้ปกครอง  หรือผู้ดูแล  โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มไปด้วย  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่  2  ปี  ถึง  10  และปรับตั้งแต่  4,000  ถึง  20,000 บาท

                        ความผิดฐานพรากเด็กหรือพรากผู้เยาว์เป็นการพาเด็กหรือผู้เยาว์ไป  หรือแยกเด็กหรือผู้เยาว์ออกไปจากความปกครองดูแลของบิดามารหรือผู้ปกครองของเด็กหรือผู้เยาว์นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต  หรือได้รับความยินยอมจากบิดามารดา  หรือผู้ปกครองของเด็กหรือผู้เยาว์

                        หากการพรากเด็กหรือผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร  เช่น  พาไปกอดจูบลูบคลำ  ผู้นั้นจะต้องได้รับหนักยิ่งขึ้น  โดยเฉพาะหากมีการร่วมประเวณีหรือมีเพศสัมพันธ์กัน  ผู้นั้นจะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาข่มขืนกระทำชำเราอีกข้อหาหนึ่ง  ซึ่งมีโทษหนักมาก

 

            กระทำอนาจาร

                        ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  278  บัญญัติว่า  ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี  โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ  โดยใช้กำลังประทุษร้าย  โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน  10  ปี  หรือปรับไม่เกิน  20,000  บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

                        ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  279  บัญญัติว่า  ผู้ใดกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี  โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน  10  ปี หรือปรับไม่เกิน  20,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

                        เช่น  แดงพาเด็กหญิงเขียว  (อายุ14ปี)  ไปดูภาพยนตร์  โดยได้รับอนุญาตจากบิดามารดาของเด็กหญิงเขียว  แต่แดงได้กอดจูบเด็กหญิงเขียวขณะดูภาพยนตร์  แม้เด็กหญิงเขียวจะยินยอมให้แดงกอดจูบก็ตาม  ถือว่าแดงมีความผิดข้อหากระทำอนาจาร  และหากเป็นกรณีที่แดงพาเด็กหญิงเขียวไปดูภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาของเด็กหญิงเขียว  แดงมีความผิดฐานพรากเด็กไปจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควรอีกข้อหาหนึ่ง

 

            ข่มขืนกระทำชำเรา

                        ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  276  บัญญัติว่า  ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่มิใช่ภริยาของตน  โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ  โดยใช้กำลังประทุษร้าย  โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้  หรือโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่  4 ปี ถึง  20 ปี  และปรับตั้งแต่  8,000  บาท ถึง  40,000  บาท

                        ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา  เป็นการบังคับใจ  ฝืนใจหญิงอื่นที่มิใช่ภริยาของตน  โดยหญิงนั้นไม่ยินยอมหรือใช้กำลังบังคับ  จนหญิงนั้นอยู่ภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้  จนผู้กระทำผิดล่วงละเมิดทางเพศหรือมีเพศสัมพันธ์กับหญิงนั้น

                        หากเป็นการข่มขืนกระทำชำเรา  เด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี  ซึ่งมิใช่ภริยาของตน  โดยเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม  ผู้นั้นจะต้องได้รับโทษจำคุกตั้งแต่  4  ปี  ถึง  20  ปี  และปรับตั้งแต่  8,000  บาท  ถึง  40,000  บาท

****แต่ตอนนี้ไม่เฉพาะผู้หญิงแล้วนะครับ แต่การข่มขืนรวมถึงผู้ชายด้วย ซึ่งการข่มขืนไม่จำเพาะเจาะจงว่าต้องใช้อวัยวะเพศล่วงล้ำเข้าไปในร่างกาย แต่รวมถึง การใช้ปาก ใช้มือสำเร็จความใคร่ ด้วย ซึ่งมีรายละเอียดเรื่องการข่มขืนที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อคุ้มครองสิทธิให้ครอบคลุมมากขึ้นของชาย หญิง และเพศที่ 3 ด้วย

หมายเลขบันทึก: 181024เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2008 12:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 00:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท