กรมบัญชีกลางจ้าง มสธ. ศึกษาความต้องการใช้เงินบำเหน็จตกทอดของผู้รับบำนาญ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้อีกครั้ง
นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง
ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง
เปิดเผยว่า
ตามที่รัฐบาลเสนอแนวทางให้ผู้รับบำนาญสามารถนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดส่วนที่เหลืออยู่เป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงินได้
แต่เนื่องจากบำเหน็จตกทอดเป็นเงินที่จ่ายให้แก่ทายาทเมื่อผู้รับบำนาญถึงแก่ความตาย
กรมบัญชีกลางจึงได้เสนอแก้ไขร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... เพื่อให้ผู้รับบำนาญสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ ซึ่งกรมบัญชีกลางได้เสนอร่าง
พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ ครม.พิจารณา
ซึ่ง ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2550
และให้นำเสนอต่อคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา
และเนื่องจากการพิจารณาของ สนช. มีความเห็นว่า
เรื่องนี้ควรจะมีการศึกษาพิจารณาประเด็นต่าง ๆ
อย่างรอบคอบก่อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้
ขอถอนร่าง พ.ร.บ.
ทั้งสองฉบับออกจากการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา
นายมนัสกล่าวต่อว่า เพื่อสนับสนุนข้อเสนอของรัฐบาลและนำข้อแนะนำของ
สนช. มาดำเนินการเพื่อให้ทุกฝ่ายทราบข้อมูลจริง
กรมบัญชีกลางจึงได้จ้างมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.)
มาศึกษาข้อมูลดังกล่าว
ในวงเงิน
500,000 บาท
โดยจะศึกษาเกี่ยวกับความต้องการใช้เงินบำนาญ
ความต้องการนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ในการกู้เงินของผู้รับบำนาญ
และศึกษามาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
ซึ่งจะใช้เวลาทำการศึกษาระหว่างเดือนตุลาคม
2550 – มกราคม 2551 รวม 4 เดือน โดยมี รศ.ดร.กิ่งพร ทองใบ
เป็นหัวหน้าโครงการ
“เมื่อศึกษาโครงการนี้เสร็จเรียบร้อย มีผลการศึกษาที่ชัดเจน กรมบัญชีกลางจะนำข้อมูลการศึกษามาใช้ประโยชน์โดยการนำมาเป็นแนวทางแก้ไขกฎหมายบำเหน็จบำนาญต่อไป ซึ่งการแก้ไขกฎหมายจะคำนึงถึงการให้ความช่วยเหลือผู้รับบำนาญให้มีความเหมาะสมมากที่สุด” โฆษกกรมบัญชีกลางกล่าว
ไม่มีความเห็น