ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเลยหยิบมาเขียนเพื่อแบ่งบันเพื่อนๆสมาชิกทุกคน
"หาก การทำงาน คือ ความรักที่จับต้องได้ แล้วคุณได้เคยสัมผัสกับมันแล้วหรือยัง ?"
"วันนี้ยังดีใจอยู่หรือเปล่าที่ได้ทำงาน"
"เคยลองถามตัวเองดูใหมว่า ในทุกๆเช้าที่ตื่นนอนขึ้นมาด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ว่า มีสิ่งที่เราอยากทำกำลังรออยู่หรือเปล่า"
ความจริงแล้วในชีวิตของเราทุกคนล้วนมีปัญหากันทั้งนั้นไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องความรัก เรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง แม้กระทั่งเรื่องการจัดการกับตัวเอง เรื่องยุ่งยากใจเหล่านี้ ถึงจะหนักแค่ไหนก็มีทางออกเสมอ เพียงแต่เราต้องยอมพาตัวเองออกมาจากปัญหาก่อน แล้วค่อยมองย้อนกลับเข้าไปในมุมมองใหม่ เปลี่ยนตัวเองให้เป็นแค่ผู้เฝ้าดู "ให้เป็นผู้เห็น แต่อย่าเป็นผู้เป็น" แล้วปัญหาเดิมๆก็จะเปลี่ยนไป อาจเล็กกว่าที่เราเคยคิดเอาไว้ก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะค้นพบภายหลังก็ได้ว่าบางทีมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายขนาดนั้นเมื่อเทียบกับชีวิตของเราที่เหลืออยู่
ถ้ามันเหนื่อยเกินไปก็พาหัวใจกลับบ้าน
หากวันนี้ ตอนนี้ กำลังรู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ หมดพลังหรือกำลังมีปัญหาเรื่องงานอยู่ นั่นเพราะจิตใจกำลังถูกเล่นงานจากเจ้าความคิดแย่ๆ ทั้งหลายที่เข้ามายึดพื้นที่ในบ้านของเราจนเราไม่มีที่จะอยู่ ซึ่งบ้านก็คือใจของเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของคุณจะสิ้นหวังเสียทั้งหมด คุณยังสามารถกลับมาเป็นคนเดิมที่เปี่ยมด้วยพลังใจได้ ขอให้หมั่นดูแลใจของเราให้เข้มแข็งก็พอ
ฉะนั้นเมื่อชีวิตมันเหนื่อยนักก็ควรพาหัวใจกลับบ้านเสียก่อน ยังมีสิ่งดีๆยังรอคุณอยู่ที่บ้าน แล้วค่อยๆทำความสะอาด ค่อยๆเรียนรู้ด้วยความอดทน และมีสติ ทุกอย่างในบ้านแห่งชีวิตก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ เพราะเรื่องทุกเรื่อง เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ ทำให้เราสามารถสร้างห้องเรียนชีวิตให้ตัวเองได้ตลอดเวลา และที่สำคัญมันจะนำไปสู่การปรับตัวเองเพื่อสิ่งใหม่ๆดีๆในชีวิตที่กำลังรอเราอยู่ในวันข้างหน้า
นำบทความจากหนังสือมาพิมพ์เสียยืดยาว เพียงเพราะอยากให้ทุกคนเห็นกระบวนการที่เกิดขึ้นกับเรือนใจของเรา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของกำลังใจที่ทำให้ทุกคนที่กำลังเจอปํญหา สามรถมองปัญหาพร้อมกับแก้ปัญหาในชีวิตได้เป็นอย่างดี เพราะทุกปัญหาย่อมมีวิธีแก้ที่ง่ายที่สุด แต่วิธีที่ง่ายที่สุดจะพบหลังจากใช้วิธีที่ยากที่สุดไปแล้ว "โง่จึงมาก่อนความฉลาดเสมอ"
ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกคนที่อดทนและตั้งใจอ่าน ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่แวะเวียนเข้ามาอ่านเพื่อหาความรู้ สุดท้ายขอบคุณเจ้าของหนังสือและผู้เขียนหนังสือดีๆมาให้อ่าน
หากมีเรื่องราวดีๆใหม่ๆ ที่พอจะแบ่งปันเพื่อนๆสมาชิกก็ขอเชิญชวนมาเป็นสมาชิกร่วมกับเรานะครับ
อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ กำลังเกิดอาการอย่างที่กล่าวมาอย่างครบถ้วน กำลังรู้สึกว่า "ยืนอยู่ผิดที่ผิดทาง" แต่ถ้ายอมแพ้ ท้อแท้ก็คงไม่ใช่เรา หลังจากอ่านข้อความเหล่านี้เลยได้ทางออกว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรดี ขอบคุณจริงๆค่ะ
ขอบคุณ คุณ paraffin blog ที่สรรหาเรื่องดีๆมาแบ่งปันนะคะ อ่านแล้วให้ข้อคิดดีมาก สำนวนคุณ paraffin blog เอง ก็น่าจะเขียนอะไรดีๆแบบนี้ได้เหมือนกัน (ตั้งแต่ย่อหน้าที่ว่า นำบทความ.... ใช่ไหมคะ) จะรออ่านนะคะ
ขอให้คุณ paraffin blog ช่วยเขียนด้วยว่ามาจากหนังสือชื่ออะไร ใครแต่ง และส่วนไหนเป็นส่วนที่มาจากหนังสือนั้น ทำเครื่องหมายให้ชัดเจน อันนี้สำคัญมากค่ะ
ตามกติกาสากลแล้ว ถ้าเราเอาอะไรที่ตีพิมพ์มาบอกต่อ ต้องให้เกียรติเจ้าของเรื่อง เป็นลิขสิทธ์ที่ไม่ควรล่วงละเมิดค่ะ
และเช่นเดียวกันว่าสิ่งที่เราเขียนในบล็อกถือเป็นลิขสิทธิ์ของเรา คนอื่นจะมาเอาไปอ้างว่าเป็นของตนไม่ได้ค่ะ อ.จันทวรรณ ได้เคยแจ้งให้ทราบไว้แล้ว