อันนี้ คือคำอธิบาย ทำไมหนี้จึงสูงกว่าที่คิดไว้


คำตอบคือ......

อันนี้ คือคำอธิบาย ทำไมหนี้จึงสูงกว่าที่คิดไว้

(เรื่องของ ข้าราชการอาจารย์จนๆ ที่อยากมีบ้าน..........)

 

 

บันทึกเล่าให้ฟัง ต่อไปถ้าเจอประเด็นเดียวกัน อันนี้คือคำอธิบาย

 

สองวันก่อน ไปธนาคาร เพื่อทำการเปลี่ยนมือผู้กู้ซื้อบ้าน

คือ ผมขายบ้าน และผู้ซื้อบ้านกู้เงินเพื่อซื้อ จากธนาคารเดียวกัน จึงเป็นการเปลี่ยนมือผู้กู้

นัดกันไปแต่เช้า แต่กลับคนเกือบหลังสุด เพราะผมไม่ยอมเซ็นชื่อ! เนื่องจากผมไม่เชื่อว่ายอดเงินที่ผมเป็นหนี้ธนาคารถูกต้อง ผมไม่เข้าใจทำไมตัวเลขต่างจากที่ผมคาดไว้

เรื่องก็คือ

ผมไปถึง เจ้าหน้าที่แสนน่ารัก ก็ยื่นปึกเอกสารที่เตรียมเรียบร้อย ที่ใบหน้าสุด เป็นยอดที่ผมเป็นหนี้เงินต้น และดอกเบี้ย ให้ผมเซ็นชื่อรับรอง

 

ผมรับมาเตรียมตัวจะเซ็น ก็ไม่คิดอะไร แต่ระลึกว่า เซ็นอะไรก็ควรจะตรวจดูข้อมูลซะหน่อย ผมก็เลยค้น ใบเสร็จของธนาคารนี้ฉบับล่าสุดเป็นของเดือน ก.พ.51 ขึ้นมาดู ปรากฏว่ายอดเงินต้นใกล้เคียงกับยอดที่ปรากฏ จากนั้นผมหยิบสลิปเงินเดือนขึ้นมา เป็นของเดือนมีนาคม 2551 ก็พบว่าเดือนมีนาคม ผมก็จ่ายแล้ว ทำไมยอดหนี้เงินต้นไม่น้อยลง และดอกเบี้ยก็สูงถึง 3 พันกว่า ในช่วงรอบเดือนหนึ่งปกติผมจะเสียดอกเบี้ยประมาณ เกือบ 1 พันบาทเม่านั้น

ผมบอกว่า ต้องมีสิ่งผิดพลาดแน่เลย น่าจะเป็นว่า นำยอดเงินต้นของกุมภาพันธ์ มาสรุปและคิดดอกเบี้ยจากยอดนั้น ผมว่าระบบน่าจะยังไม่หักเงินที่จ่ายเดือนมีนาคม ดังนั้นควรจะคิดยอดหนี้ เพราะผมมั่นใจว่าผิด เพราะถ้ายอดเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยต้องลดด้วย ผมควรจะเสียดอกเบี้ยประมาณเท่าเดิม เพราะผมไม่ได้ค้างส่งหรือผิดสัญญากู้

 

เจ้าหน้าที่อีกคน ก็ยืนยันว่า อันนี้ถูกต้อง แต่ไม่สามารถอธิบายได้ สงสัยจะเป็นค่าธรรมเนียมบางอย่าง อาจเป็นค่าธรรมเนียมอัคคีภัย

อืม ผมคิดตาม.... ผมพลิกอ่านข้อมูลในเอกสารกู้ พบว่า ผู้กู้ต้องเสียประกันอัคคีภัยทุก 3 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดประมาณสิ้นเดือนเมษายน......ดังนั้นตรงนี้ก็ไม่ใช่คำตอบ เพราะนี่ยังไม่ถึงสิ้นเดือนเมษายน อีกอย่างผมจำได้ว่าเพิ่งมาจ่ายค่าประกันอัคคีภัยไม่ถึงสามปี

ชัดเจนว่าไม่ใช่คำตอบ

.........

เจ้าหน้าที่ก็นำเอกสารไปตรวจสอบ

รอ ผ่านไป ครึ่ง ช.ม.

รอ...บอกอีกประมาณ ครึ่ง ช.ม.

รอ...เดี๋ยวคุณมาตอนบ่ายดีกว่า เท่าไรดีครับ บ่ายครึ่ง ตกลง ผมไปซื้อของก่อน

รอจนบ่ายครึ่ง ก็ไม่มีใครที่จะพยายามอธิบายคำตอบที่พบแล้ว ผมบอกให้ช่วยอธิบาย

คุณผู้อ่านนึกคำตอบได้ไหมครับ

 

 

 

คำตอบคือ

อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยน!

ใช่แล้ว นั่นคือทางเดียว ที่ดอกเบี้ยจะสูงขึ้น

คือ ระยะเวลาดอกเบี้ยคงที่ ช่วงปีที่ สาม (ประมาณ 4.25) สิ้นสุดที่ 8 ธ.ค. 2550

แต่ระหว่าง นั้นจนถึงเดือนนี้ ธนาคารไม่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเท่ากับ MLR-1.75

จึงเกิดมีดอกเบี้ยสะสม! และดังนั้น

เงินที่จ่ายเดือนมีนาคมจึงไปจ่ายดอกเบี้ยสะสมนี้ และเหลือเงินอีกเล็กน้อยที่จะไปหักยอดเงินต้น ดังนั้นเงินต้นจึงไม่ต่างจากเงินต้นของเดือนกุมภาพันธ์เท่าไร (มองตัวเลขแบบผ่านๆตา ก็คิดว่ามันเป็นยอดเดือนกุมภาพันธ์)

เท่านั้นละ ผมเชื่อคำอธิบาย

 

สิ่งที่ทำให้เสียเวลา คือ ผู้ให้บริการ ก็ไม่มีคำอธิบายไว้ตั้งแต่แรก (คืองงเหมือนกัน) ซึ่งปกติทำให้ใครก็ไม่มีปัญหาอะไร มาอาจารย์นี่ละ คิดละเอียดเชียว ! (อ้าวก็สงสัยไง เลขไม่ตรงตามที่คาดหวัง)

 

หมายเลขบันทึก: 178733เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2008 19:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 22:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

พยายามหลีกเลี่ยงกับธนาคารเรื่องการกู้ครับ

แล้วเรื่องบัตรเครดิตสำคัญครับ พวกมันเอาแต่ได้ มีค่าอะไรต่ออะไรมาก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท