กรณีที่ 2 : “สยาม” หมอหนุ่มอนาคตไกลเพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาโทเกียรตินิยมด้านเวชศาสตร์ครอบครัว ได้บรรจุเป็นข้าราชการตามเจตจำนงของผู้เป็นพ่อ-แม่ในโรงพยาบาลประจำจังหวัด ซึ่งแต่ละวันมีคนไข้มากมายหลายประเภทจนแทบจะSex เสื่อมอสุจิฝ่อเพราะไม่ได้พักทานข้าว ทำไมภาพของอาชีพหมอที่เขาใฝ่ฝันแต่วัยเยาว์ถึงกลายเป็นภาพตรงข้ามเหมือนขาวกับดำเช่นนี้ กำลังคิดยังไม่จบก็มีเสียงเรียกจากพยาบาลหน้าห้อง”คุณหมอค่ะ มีคนไข้จะเข้าไปแล้วนะคะ” สิ้นเสียงก็มีคนได้เดินเข้ามา “ไม่ปล่อยให้กูมีเวลาแม้แต่จะคิดเลยวุ้ย” หมอสยาม บ่นกับตัวเองใจใจ คนไข้ที่เดินเข้ามาเป็นหญิงสาวหน้าตาซื่อ ๆท่าทางเรียบร้อย กิริยามารยาทดี ผิวพรรณหมดจด ไหว้ทักทายตามแบบกุลสตรีที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี แถมเมื่อคุณหมอชำเลืองดูชื่อและนามสกุลแล้วก็ต้องตกใจเพราะว่าเธอเป็นทายาทของผู้ดี มีตระกูล มีหน้ามีตาในสังคม “เชิญนั่งครับ มีอะไรให้หมอช่วยเหลือบอกได้เลยครับไม่ต้องเกรงใจ” คนไข้สาวหน้าแดงก่ำพร้อมกับบิดตัวไปมาก่อนที่จะตอบเบาๆ ว่า “ดิฉันเพิ่งแต่งงาน ยังไม่อยากมีลูก จึงมาขอยาคุมกำเนิดค่ะ” “แค่นี้เองเหรอครับ เรื่องเล็กน้อย”หมอสยามก็เขียนข้อมูลลงในบัตรคนไข้พร้อมกับลุกเดินไปที่ตู้ยาในห้องและหยิบยาแผงหนึ่งออกมาพร้อมอธิบาย “นี่เป็นยาอย่างดีของโรงพยาบาลเราให้คุณกินทีละเม็ด ย้ำทีละเม็ดนะครับ กินตามลูกศร ห้ามย้อนศร ถ้าวันไหนลืมก็กินเม็ดต่อไปได้เลย ไม่ต้องกินล่วงหน้าผมให้ไป 3 แผงเลย พอยาใกล้หมดมาหาหมออีกที” พอหมออธิบายจบคนไข้สาวก็ไหว้ก่อนที่จะออกไปเช่นเดียวกับตอนเข้ามา เฮ้อ...และแล้ววิถีชีวิตของหมอก็ดำเนินเรื่อยไปตามปกติจนหลังจากนั้นอีกครึ่งเดือน คนไข้คนเดิมก็กลับมาหลังจากที่หมดสยามดูประวัติก็แปลกใจที่ยังไม่ถึงกำหนดนัดจึงถามว่า “คุณเพิ่งมาหาหมอเมื่อครึ่งเดือนก่อน และหมอให้ยาคุมคุณไป 3 แผง หมอนัดอีกครั้งเมื่อยาใกล้จะหมดนี่ครับ แล้ววันนี้คุณจะให้หมอช่วยเหลือเรื่องอะไร” คนไข้สาวนั่งหน้าแดงนิ่งก้มหน้า จนสยามต้องถามย้ำอีกครั้งเบา ๆ “คุณครับ…ฟังหมอพูดอยู่หรือเปล่า” คนไข้สาวเงยหน้าขึ้นช้า ๆ พร้อมกับเอ่ยเบา ๆ “ค่ะ ฟังอยู่...ที่มาวันนี้ก็จะมาขอยาเพิ่มแหละค่ะ เพราะว่ามันใกล้จะหมดแล้ว ดิฉันก็กินยาตามที่หมอบอกทุกอย่าง ไม่ลืมกินเลย ไม่กินย้อนศรด้วย ขนาดที่กินก็กินทีละเม็ด ทีละเม็ด ที่หมดเร็วเพราะบางวันก็ 3 ที บางวันก็ 5 ที ค่ะ”
แล้วสถานการณ์นี้หล่ะเรามองเห็นอะไรอีก?
จึงไม่แปลกใจเลยที่ในการสนทนากับกลุ่มวัยรุ่น คำถามมากที่สุดจะเป็นเรื่องของถุงยางอนามัย ทั้งประโยชน์และวิธีการใช้ แสดงให้เห็นว่า "วัยรุ่นยังเข้าไม่ถึงข้อมูล" และ สังคมมีการสื่อสารเรื่องเพศกับวัยรุ่นยังไม่พอเพียง
วิธีใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง
1. ตรวจสอบวันเดือนปีที่หมดอายุ ซึ่งบันทึกไว้หน้าซอง และตรวจดูว่าไม่มีรอยฉีกขาดที่ซอง
2. ฉีกซองถุงยางอนามัยอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันถุงยางอนามัยฉีกขาด นำถุงยางอนามัยออกจากซองอย่างระมัดระวัง อย่าให้โดนเล็บหรือของมีคม ให้ส่วนที่เป็นกระเปาะหันขึ้นด้านบน ขอบที่ม้วนอยู่จะหันออกด้านนอก
3. ใช้มือจับตรงกระเปาะส่วนหัวบีบปลายถุงยางเพื่อไล่อากาศ สวมถุงยางอนามัยที่ส่วนหัวขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัว
4. รูดถุงยางอนามัยจากปลายอวัยวะเพศชายให้ม้วนขอบอยู่ด้านนอก สวมถุงยางอนามัยแล้วรูดให้ขอบถุงยางสุดถึงโคนอวัยวะเพศ
5. ในขณะร่วมเพศอาจจะใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนประกอบของน้ำ เช่น เควายเจล เพื่อป้องกันการเสียดสีอย่างแรงอันจะทำให้ถุงยางฉีกขาด
6. ในขณะร่วมเพศหากถุงยางอนามัยหลุดหรือฉีกขาดควรหยุดภารกิจเพื่อเปลี่ยนชิ้นใหม่ทันที
7. หลังเสร็จกิจควรรีบถอนอวัยวะเพศจากช่องคลอดในขณะที่อวัยวะเพศยังแข็งตัวไม่ต้องเอาแช่ไว้จนอวัยวะเพศอ่อนตัวโดยจับถุงยางอนามัยบริเวณโคนอวัยวะเพศเพื่อป้องกันมิให้ถุงยางอนามัยหลุดในช่องคลอด(หรือทวารหนักตามกรณี)
8. รูดถุงยางอนามัยออก โดยใช้กระดาษชำระหุ้มถุงยางก่อนที่จะถอด หากไม่มีกระดาษชำระต้องไม่ให้มือสัมผัสกับด้านนอกของถุงยาง ควรสันนิษฐานว่าด้านนอกของถุงยางอาจจะปนเปื้อนเชื้อโรคแล้ว
9. ทำความสะอาดอวัยวะเพศหลังการร่วมเพศ (ไม่ต้องถึงขนาดล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างแรงหรือลวกด้วยน้ำร้อน) ด้วยสบู่กับน้ำอุ่น หรือหากไม่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดก็อาจจะล้างด้วยน้ำธรรมดาก็ยังดี และควรพึงระลึกด้วยว่า หากหลังเสร็จภารกิจทันทีแล้วรีบพรวดพราดไปทำความสะอาดแล้วทำความสะอาดอีกอาจจะส่งผลต่อความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามทำให้เกิดทัศนคติในเชิงลบได้
ข้อควรระลึกในการใช้ถุงยางอนามัย
1. ควรเลือกถุงยางอนามัยที่มีขนาดเหมาะสม ( โดยทั่วไปในเมืองไทยมี 2 ขนาด คือ 49 และ 52 มม. ) ส่วนใหญ่รูปร่างคนไทยจะเหมาะกับขนาด 49 แต่เด็กวัยรุ่น รุ่นใหม่มีการเจริญเติบโตเร็ว มีสัดส่วนอวัยวะที่ใหญ่ขึ้น จึงต้องใช้ขนาด 52 หรือ 54 เลือกขนาดให้เหมาะสม หากคับไปก็จะทำให้ฉีกขาดและรู้สึกอึดอัด หลายคนกลัวอายเพื่อนและอยากอวดขนาดความใหญ่โตจึงใช้ขนาดที่ใหญ่กว่าของตนเองเวลาสวมก็ทำให้หลุดได้.....มีขนาดไหนใช้ขนาดนั้น ยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี
2. ควรเตรียมถุงยางอนามัยมากกว่า 1 ชิ้น เผื่อกรณีถุงยางอนามัยฉีกขาดหรือต้องการร่วมเพศซ้ำ หรือหากต้องการเปลี่ยนคู่ร่วมเพศกะทันหันในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ร่วมกันหลายคนในเวลาสถานที่เดียวกันในรูปแบบของการเซ็กซ์หมู่ หรือการสวิงกิ้ง (ซึ่งบางคนมองว่าเป็นความชอบส่วนบุคคล หรือบางคนมองว่าเป็นความผิดปกติทางจิตก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ ๆ ยิ่งมีกิจกรรมทางเพศเกิน 1 คน ขึ้นไปความเสี่ยงสารพัดย่อมสูงขึ้นเป็นทวีคูณ)
3. การสวมถุงยางอนามัยเมื่อมีแสงไฟสว่างพอประมาณ จะง่ายกว่าสวมถุงยางอนามัยในความมืด แม้บางคนจะเพิ่มลูกเล่นด้านกลิ่น รส ของถุงยาง หรือใช้ถุงยางเรืองแสงในที่มืดก็แล้วแต่บุคคล ที่สำคัญควรสวมใส่ในเฉพาะที่ที่ทำกิจกรรม ไม่ต้องสวมโชว์ต่อหน้าสาธารณชนจะดีกว่า
4. อีกฝ่ายหนึ่งอาจเป็นฝ่ายสวมถุงยางอนามัยให้ เพราะผู้ชายบางคนอวัยวะเพศอ่อนตัวง่ายหากต้องสวมเอง หากบางคู่จะเพิ่มเทคนิคอื่นเข้าไป เช่น การสวมถุงยางอนามัยด้วยปาก แต่ต้องแน่ใจว่าฟันของผู้สวมใส่จะไปโดนถุงยางอนามัยจนฉีกขาด
5. การหยด K-Y Jelly (เควาย) นอกจากทาภายนอกถุงยางอนามัยโดยรอบแล้ว บางท่านแนะนำให้ทาภายในปริมาณเล็กน้อยบริเวณระหว่างอวัยวะเพศของผู้สวมใส่กับถุงยางอนามัย เพื่อให้รู้สึกสัมผัสดีขึ้น หากหยดปริมาณมากถุงยางอนามัยจะลื่นหลุดขณะร่วมเพศได้
6. ห้ามใช้ Vaseline(วาสลีน) , Cream หรือน้ำมันต่างๆ ทั้งน้ำมันใส่ผม น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันหมู น้ำมันพืช ฯลฯ (ไม่ต้องประหยัดขนาดนั้น) ในการหล่อลื่นแทน K-Y Jelly หรือเจลที่มีส่วนประกอบของน้ำเพราะจะทำให้ถุงยางฉีกขาดได้
7. การสวมถุงยางอนามัย 2 ชั้นขึ้นไป จะทำให้ถุงยางฉีกขาดได้จากการเสียดสีกันเพราะเกิดความร้อนและถุงยางอนามัยทำขึ้นจากยางพารา
8. หลีกเลี่ยงการร่วมเพศขณะมีภาวะมึนเมาจากสุรา ทำให้โอกาสใช้ถุงยางอนามัยมีน้อย อีกทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์มีผลทำให้หลั่งช้ากว่าปกติ ซึ่งทำให้เลิกล้มการใช้ถุงยางอนามัยกลางคัน
9. เมื่อใช้เสร็จแล้ว ไม่ต้องประหยัดถึงขนาดนำมาใช้ใหม่อีกรอบหรือหลายรอบ เพราะถุงยางอนามัยถูกผลิตมาเพื่อใช้สำหรับการร่วมเพศครั้งเดียวแล้วทิ้ง แต่หากถูกนำมาใช้ในรูปแบบอื่นก็อาจจะนำมาใช้ได้หลายครั้งตามสภาพ เช่น ใช้ห่อหุ้มกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ เพื่อป้องกันน้ำเข้า ใช้ทำเป็นยางรัดผม ยางมัดของ ฯลฯ
10. หลังจากที่ใช้และถอดออกเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเอาเก็บไว้ดูต่างหน้า หรือเอาเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ให้คนอื่นได้อุจาดตา ควรทิ้งในที่เหมาะสม เช่น ถังขยะ และห่อให้มิดชิดก่อนทิ้ง ไม่ควรทิ้งลงในชักโครก เพราะอาจจะทำให้เกิดการอุดตันของท่อ และอาจเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของพนักงานสูบส้วมในกรณีส้วมเต็มได้