ช่วงอาทิตย์ก่อนอยู่ๆก็มีอาการคลื่นไส้
พะอืดพะอมหลังอาหารเหมือนจะอาเจียนแต่ไม่อาเจียน
ปวดหัวเหมือนถูกบีบขมับ เป็นอยู่ 3-4 วันก็ปล่อยมันเป็นซะงั้นล่ะ
ไม่ได้กินยาอะไร แล้วก็มานั่งว่าเป็นจากอะไรกันแน่
ก็ตัดออกทีละข้อ
วันนั้นกลับมาบ้านเลยตัดสินใจว่าไม่ไหวแล้ววันนี้ต้อง clear อารมณ์ก่อนเลย...พอถึงบ้านก็อาบน้ำสระผม กินข้าวเสร็จ เปิดแอร์ ขึ้นนอนนิ่งๆ เฉยๆ พยายามทิ้งทุกอย่างทั้งหมด หลับตาทำใจให้เป็นปัจจุบันตามที่พระอาจารย์เคยสอนมา ตอนไปอบรมนสก. ก็ประมาณซัก ครึ่งชั่วโมง
รู้สึกดีขึ้นนะค่ะ อาการปวดหัว ปวดกระบอกตาดีขึ้น อาการพะอืดพะอมลดลง แล้วก็พอสงบลงแล้วก็เปิดซีดีนิทานเรื่อง "มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ" ของคุณประภาส ชลสรานนท์ คนเล่านิทานเล่าได้น่ารักมากค่ะเหมือนเราได้กับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลย ฟังแล้วก็ช่วยเติมสีสัน ได้รอยยิ้มกลับมาให้ตัวเอง พร้อมลุกทำงานต่อได้ในวันรุ่งขึ้นค่ะ
สรุปแล้วอาการแบตเตอรี่หมดกำเริบค่ะ
แล้วอากาศร้อนมากใช้สายตาแบบไม่รู้จักถนอมเลยผสมโรงกันไป
ใครก็ซ่อมไม่ได้ต้องตัวเราเองจ้า
ตอนนี้ก็เลยโอเคไม่มีปัญหาแล้ว
อาการแบตเตอรี่หมด พี่ก็เป็น พี่ใช้วิธีการหลายๆอย่าง อย่างแรกหลับมันแต่วัน บางครั้งนอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ทำสัก 2-3วัน ไม่ดีขึ้นยังเบือ เซ็ง เครียด เสาร์-อาทิตย์นั่งนิ่งๆมองต้นไม้สีเขียว ไม่หายไปหาลูกหมดเรื่อง กลับมาดีเหมือนเดิมลุยต่อ
เป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยได้เจอหน้ากันแลย ก็เลยแอบคิดถึงเราโดยไม่รู้ตัว ใช่เปล่า
หรือว่า การที่ไม่ได้ทะเลาะกับ "คนที่บ้าน"ทำให้อาการกำเริบ เพราะถ้าจะคุมอาการให้ได้ดี ต้อง ทะเลาะกัน 3เวลา เช้า กลางวัน เย็น หลังอาหาร (tid pc and hs)บางครั้งอาจมีเสริมช่วงก่อนนอน อิ อิ
พี่ครับ...
คนเรามักใช้ความรู้กับประสบการณ์ที่ผ่านมาค้นหาที่มาของปัญหาตลอดเวลา เพราะเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์...
...อัลเบริ์ต ไอน์สไตน์...เคยกล่าวไว้ว่า..."ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดในโลก"...
...