ประสบการณ์คืนสุดท้ายของการ แฟสติ้งด้วยน้ำเปล่านั้น ฉันแสดงอาการอาเจียน ออกมาในภาคดึก ทำให้คุณหมอเจค็อบ และทีมงานต้องมาตรวจชีพจร วัดความดันกันยกใหญ่ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี คุณหมอบอกว่า ฉันมีสุขภาพดี แต่ชอบเอาอะไรต่อมิอะไรใส่ตัว เลยป่วยจากสิ่งที่ใส่ลงไป ใช้เวลาบำบัดอีก ๓ เดือนก็จะกลับเป้นปกติ
คุณหมอเจค็อบ เป้นเจ้าของโรงพยาบาลธรรมชาติบำบัดถึง ๓ แห่งในประเทศอินเดีย เป็นนักเคลื่อนไหว คัดค้านไม่ให้สร้างเขื่อน และคัดค้านการเปิดร้านเหล้าในชุมชนรับทางใต้ของอินเดีย ซึ่งพี่ประชา หุตานุวัตร ไป พบและได้เชิญมาประเทศไทยตั้งแต่ ๓ - ๔ ปีที่แล้ว
การสร้างสุขภาพองค์รวมเป็นเรื่องสำคัญ ทุกคนควรรู้จักดูแลตนเอง เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่า สูตรนี้บอกว่าอาหารที่ปรุงสุกเกิน ๓ ชั่วโมง ก็หมดคุณค่าทางอาหารแล้ว ดังนั้นจึงเน้นความสดใหม่ และมีชีวิต "พลังชีวิต" ของอาหารทำให้คนเรามีพลังที่จะดำเนินชีวิตต่อไป ตู้เย็นเป็นสถานที่เก็บซากศพ ศพหมู ศพไก่ ศพปลา ที่พวกเราเก็บไว้แล้วนำมาปรุงอาหารนั้น จะให้ประโยชน์อะไรกับคนกิน
คุณหมอไม่ได้ปฏิเสธการแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะการผ่าตัด ช่วยเหลือคนป่วยกรณีอุบัติเหตุที่ร้ายแรงนั้นยังมีความจำเป็นอยู่ โรงพยาบาลก็ยังจำเป็น แต่ถ้า"คน" ยังไม่รู้จักรักษาตัวเอง คอยแต่จะพึ่งพา"แพทย์" และ คลีนิค อย่างปัจจุบัน การกินยาเข้าไปก็มีแต่จะทำให้ "โรค" เพิ่มมากขึ้น รักษาเท่าใดก็ไม่หายขาดเดี๋ยวก็กลับมาเป็นอีก
โชคดีของการเข้าร่วมแคมป์ นี้คือ มีผู้เข้าร่วมท่านหนึ่งเป้นชายวัย ๗๘ ปี ชาวอังกฤษ อาจารย์ท่านเป็นโรคของผู้สูงวัย และหมอบอกว่าอาจารย์เป็น"มะเร็งต่อมลูกหมาก" แต่อาจารย์ท่านยังไม่ตัดสินใจรักาแผนปัจจุบัน และมารับการบำบัดแบบนี้ก่อน อาจารย์ท่านเป็น"ครู" สอนวิปัสสนา ที่เป็น ๑ ใน ๕ คนของลูกศิษย์ท่านอุบาขิ่น ที่ได้รับอนุญาตให้สอนวิปัสนา และอาจารย์ท่านก็เดินทางสอนมาแล้วทั่วโลก และที่โชคดีคือพวกเราได้รับกานสอน"วิปัสสนา" จากท่านอาจารย์ด้วย (ท่านอาจารย์โคเอ็งก้า ก็เป้น ๑ ใน ๕ ของลูกศิษยืท่านอุบาขิ่นเช่นเดียวกัน)
ไม่มีความบังเอิญในชีวิต มีแต่ธรรมมะจัดสรร แล้วจริงๆ
มีความสุข เบา สบาย มากจริงๆ ค่ะ กับการปฏิบัติตามแนวธรรมชาติบำบัดเช่นนี้ ว่าแล้วก็นึกแปลกใจตัวเองนะคะ สันติอโศก ท่านสอนมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมเราจะต้องมาให้คนอินเดียสอนเราถึงจะเชื่อก็ไม่รู้นะคะ
ไม่มีความเห็น