คืนก่อนเดินทาง ฉันแจ้งคุณสามีและลูกว่า ทีมนัดให้ฉันไปถึงสนามบินไม่เกิน 9.15 น. สามีดูงงๆส่วนลูกชายก็เฝ้าแต่ขอดูตั๋วบินสงสัยว่า ทำไมแม่จะไปเช้าจัง
แต่ตั๋วอยู่ที่ลูกน้องฉันแล้วคราวนี้ ฉันไม่จำว่า ได้ตั๋วเครื่องบินอะไรจะบินเวลาใดด้วยไว้ใจว่าก่อนนัดหมาย ทีมได้ไตร่ตรองใคร่ครวญดีแล้วว่า เป็นเวลาเหมาะสมจึงนัดหมายมา
ฉันบอกครอบครัวว่า ในเมื่อฉันมอบหมายความไว้ใจให้ลูกน้องทำให้แล้ว ฉันก็ต้องให้เกียรติในข้อมูลที่เขาแจ้งนัดหมายมา
หน้าที่ ในฐานะทีมของฉัน คือ จำเวลาที่เขานัดหมาย และไปให้ตรงเวลาที่นัดหมาย อย่าให้เขาต้องคอย
ลูกชายอยากรู้ว่า ทำไมแม่ต้องไปเช้าจัง จึง หาข้อมูลการบินจนรู้ว่า น่าจะใช้บริการการบินไทย ซึ่งออกบิน 4 โมงเช้า ในเช้าวันที่ 5 เมษายน 2551 วันนัดหมายเดินทาง ครอบครัวเรามากินอาหารเช้าที่ตำบลใกล้ๆสนามบินแทนร้านประจำในเมือง ตั้งแต่ 8 โมง แล้วจึงไปส่งฉันที่สนามบิน 9 โมง ตอนไปถึงมีผู้ไปรอที่จะเดินทางอยู่ไม่มาก สาวทั้ง 5 มาถึงสนามบินเลยเวลา 9 โมง 15 ไม่เป็นไปตามที่นัดกันไว้........... ใจฉันตอนไปถึงสนามบินแล้วพบว่า คนนัดเองยังไม่มาตามนัด ใจมันคิดลบขึ้นหน่อย.....อะไรวะ...ตัวเองนัดว่าตัวเองจะมาไม่เกิน 9 โมง 15 แล้วก็ไม่มา.....ไม่รักษาคำพูดเลย....เป็นอย่างนี้ทุกที.......
พอรู้ตัว.......ก็นึกได้ว่า.....เรามาเร็วเพราะเรามีความพร้อม......มีรถส่วนตัว.......ไม่มีภาระมาก........ความคิดลบมันก็หยุดได้........
เมื่อรู้ตัวก็เกิดการรับรู้ว่า เออไอ้เจ้าพวกนี้นี่ มันเป็นอย่างนี้เอง มันมีข้อจำกัดของมัน จะไปเอาอะไรกับมัน
พอความคิดจบอยู่แค่รับรู้ ก็ไม่ย้ำคิดต่อ ความคิดลบมันก็เลยละลายไปไม่ค้างคาเหลืออยู่ คนนัดจะมาถึงหรือยังมาไม่ถึง.....ช้าไม่ช้า......ใจมันก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว......มันนิ่งไปเอง
ได้ข้อคิดว่า ถ้าจะตามการรับรู้ของใจให้ทัน ต้องตามความคิดให้ทัน อย่าต่อความคิด แต่ให้หยุดใคร่ครวญว่า อะไรทำให้คิด....คิดทั้งบวกและลบให้ครบ.......อย่างรับรู้.......ไม่ตัดสิน.......แล้วใจมันจะจัดสรรความรู้สึกดีๆให้กับตัวเราเอง
สุขสันต์สงกรานต์ครับ