มูลค่าเพิ่มในมนุษย์ (Human value added)

 

มนุษย์ทุกผู้ทุกคน มีความรู้ มีพลัง มีปัญญาอยู่ในตนเอง
แต่มนุษย์คนใด ผู้ใด จะดึง จะขุดเอาความรู้หรือปัญญามาใช้ขึ้นอยู่ที่ “จิต” ของแต่ละคน...

มนุษย์ในทุกวันนี้ความสามารถส่วนใหญ่ที่นำมาใช้นั้นดึงมาจาก “สมอง” อันได้แก่ความจำ ซึ่งนั่นก็คือ “ความรู้” ซึ่งอยู่ในส่วนของ “จิตสำนึก”
ความรู้ของมนุษย์ที่อยู่ในส่วนจิตสำนึกนั้นมีมูลค่าเพียง 7 ส่วน ใน 100 ส่วนของทั้งหมดที่มนุษย์นั้นมี

7 ส่วนนั้นคือความรู้ อีก 93 ส่วนที่เหลือที่ “ปัญญา”

การคิด การพูด การทำ ที่ทำได้ คิดได้ พูดได้ในวันนี้เราใช้วนไปและเวียนมาอยู่ใน 7 ส่วนนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ถึงแม้ว่าเรียนเพิ่ม อบรมเสริม มากเท่าไหร่ อย่างไร ก็ต้องเข้าไปแออัดอยู่ใน 7 ส่วนนี้
อัดมาก เพิ่มมาก อันเก่าหด อันเดิมหาย สิ่งอยู่นานไปเริ่มมลายสูญหายไปจากสมองส่วนความจำ

แต่ความมหัศจรรย์ของมนุษย์นั้นลึกล้ำเหลือกำหนด
สิ่งที่หดไป ลืมไป มิได้หายไปไหน สรรพสิ่งทั้งหมดที่มนุษย์ได้คิด พูด ทำ จะถูกเก็บบันทึกเข้าไว้ในส่วนของ “จิตใต้สำนึก” ที่มีพื้นที่กว้างขวางอย่างสุดคณานับ ที่รอวันให้จิตเจ้าของเข้าไปเปิดใช้ “ปัญญา” อันทรงคุณค่า

93 ส่วนที่ถูกเก็บไว้เปรียบเสมือนขุมสมบัติของมวลมนุษยชาติที่เพียงแต่เจ้าของผู้นั้นโน้มจิตเข้าไป “ขุด” ค้นหา

ทำจิตให้สบาย “ปล่อยจิตให้ว่าง” บางและเบา เราก็จะสามารถเข้าถึงขุมสมบัติแห่งปัญญาของจิตใต้สำนึก

ความงามอันวิจิตร ตระการตา ทรงคุณค่า ล้ำชวนมอง ประดุจแสงจรัสแห่งขุมทองอันเรืองรองสุกสกาวพราวนภา

ปัญญาที่ถูกฝังอยู่ในจิตรอันประภัสสรเป็น “ปัญญาอันบริสุทธิ์” ที่มนุษย์ต้องขุดขึ้นมาใช้

ขุดขึ้นมาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับจิตแก่ใจ
ขุดขึ้นมาแล้วเติมมูลค่านี้ไซร้เพื่อสร้างความดีแก่ตนเองและสังคม

อันสังขารนี้มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เป็นไปตามดั่งพุทธวาจาก่อนปรินิพพานขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
พวกเราทั้งหลายจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด
จงสร้างความดีให้ถึงพร้อมทั้งกับตนเองและผู้อื่น...

ขุด ค้น หา “ปัญญา” อันวิมุติ ที่ซ่อนอยู่ภายในจิตอันประเสริฐสุดดวงใส ดวงนี้ อันเป็นที่สถิตแห่งพลัง

นำพลังทั้งหลายที่ได้พบ ได้เจอ ได้สัมผัส เร่งสร้าง เร่งสาน เร่งต่อ เร่งเติม “ความดี” ให้ถึงพร้อมทั้งกับตนเอง ผู้อื่น สังคม

ขุดค้นด้วยความว่างแห่งจิตใจ
ทำจิตใจให้ว่างก่อนทำการ ทำงาน
ทำจิตใจให้ปล่อยวางก่อนการคิด
ทำจิตใจให้เบาบางก่อนการพูด
สิ่งที่คิด ทำ พูด จะเป็นปัญญาที่ผุดออกมาจากจิตใต้สำนึก

เสริมสร้างศรัทธา ทาน ศีล ภาวนา ปัญญาที่ผุดออกมาจะเป็นพลังที่ดีและบริสุทธิ์ เปรียบประดุจดั่งกงล้อที่กำลังวิ่งแข่งกัน
ถ้ามนุษย์มีศีลเป็นพื้นฐาน มีสมาธิเป็นท่ามกลาง “ปัญญา” ที่ผุดออกมาจากเบื้องล่างจะประเสริฐ บริสุทธิ์ และสิ้นสุดแห่งความเห็นแก่ตัว

ตนเองนี้ สังคมนี้ จะกลับกลายเป็นสังคมที่มีแต่การให้ ให้ตน ให้เขา ให้เธอ ให้อภัย ใครต่อใคร ซึ่งกันและกัน

ความศานติสุขแห่งสังคมมนุษย์จะผุดขึ้นตรงที่กลางระหว่างใจ
เป็นพลังที่ถูกขุดและผุดขึ้นจากใครต่อใครที่เห็นคุณค่าแห่งการสร้างมูลค่าเพิ่มนี้ไซร้ให้แก่ตน...