หมาดมยอ
ชัยพฤกษ์ หมาดมยอ กุสุมาพรรณโญ

วันที่สอง ... เมืองเชียงรุ่ง (Jinghong)


เมืองเชียงรุ่ง (Jinghong)

ออกจากโรงแรมที่เมืองหล้าแต่เช้ามืด ระยะทางไปเชียงรุ่งใช้เวลา 4 ชม.กว่า เส้นทางแคบมาก เลียบเขาตลอดเวลา แคบพอ ๆ กับทางบนเขาใหญ่ตอนบน ๆ ระหว่างทางผ่านเมืองเล็ก ๆ ต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในสิบสองปันนา ชาวบ้านปลูกกล้วย (น่าจะเป็นกล้วยหอม) เป็นล่ำเป็นสัน สงสัยปลูกส่งออก + บริโภคในประเทศ

ถึงเมืองเชียงรุ่ง กินข้าวกลางวันที่ภัตตาคารที่ดูดี จัดโต๊ะเป็นซุ้ม ๆ เสิร์ฟเบียร์จีนด้วย แต่ไม่เย็น ประกอบกับอากาศร้อนเลยลองจิบไปนิดเดียว รสชาติอ่อนกว่าสิงห์เยอะ กับข้าวจืด ๆ เช่นเดิม เน้นผักกับต้มจืดดดด มีแขกโต๊ะนึงท่าทางจะดื่มไปเยอะ เพราะต้องหิ้วปีกกลับบ้านเลย กลางวี่กลางวันแท้ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ของร้านนี้คือ ห้องน้ำที่ยังสกปรกเหมือนที่อื่น ๆ รักษามาตรฐานได้คงเส้นคงวามาก

ตอนบ่ายพาชมเมือง แวะไปโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยลื้อ ก็มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่อง ไทเก๊ก (ไม่รู้เอามะพร้าวห้าวไปขายสวนหรือเปล่า) เรื่องสมาธิ ทางเค้าก็ present การดำเนินงานของโรงพยาบาล มีรูปที่แสดงว่าผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตให้การสนับสนุนการแพทย์แผนไทลื้อ รวมทั้งผู้ว่าราชการของยูนนานด้วย จากนั้นเยี่ยมชม ห้องแสดงสมุนไพร วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาแผนโบราณ ลงมาชั้นล่างเยี่ยมชมห้องนวด ห้องฝังเข็ม สวนสมุนไพร (มีกะเพราด้วย) มีการเจรจาเรื่องส่งแพทย์ไทยมาเรียนฝังเข็ม (หลักสูตรไทลื้อ) ทางเค้าดูไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่ บอกว่าต้องเรียนอย่างน้อย 6 เดือน ปกติก็ปีนึง เราก็ถามย้ำว่า คนจบเป็นแพทย์แล้วนะ เรียนปีนึงเชียงหรือ ทำให้นึกถึงหลักสูตรของกระทรวงสาธารณสุขของเราที่เอาอาจารย์จากเมืองจีนมาสอน แค่ 3 เดือนก็จบแล้ว เลยคิดว่าอันนี้น่าสนใจกว่า อ.เฉินก็ช่วยทำหน้าที่ล่ามอย่างดี อ.สมชาย + อ.สมดีก็พอส่งภาษาได้บ้าง ตามประสาตึ่งหนั่งเกี้ย

มีพ่อค้าเข็นเต้าฮวยมาขายในรพ. อ.สมชายซื้อกินถ้วยนึง เลยได้เห็นว่า เต้าฮวยบ้านเค้าเหมือนของเรา เพียงแต่เค้ากินกับน้ำตาลทรายเฉย ๆ ไม่มีน้ำขิงหรือปาท่องโก๋ ! (จะเอาอะไรมาก หยวนเดียว 5 บาท)

ออกจาก รพ.ก็พาไปแช่เท้าด้วยสมุนไพรจีน แต่ก่อนที่จะเข้าร้านแช่เท้าจะผ่านวัดหลวงซึ่งเป็นวัดใหญ่มากในเชียงรุ่ง ตั้งอยู่เชิงเขา ด้วยความที่ไม่ชอบแช่เท้า ไม่ชอบถูกบังคับให้ซื้อของที่ทัวร์พาไป (เค้าขายผงสมุนไพรแช่เท้า) ก็เลยขอตัวมาเดินดูวัดซึ่งห่างจากร้านเกือบ ๆ กิโล แต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพวกชอบเดินอย่างเรา เลยได้เก็บรูปมานิดหน่อย

จากนั้นพาไปกินข้าวแล้วกลับโรงแรม ซึ่งโรงแรมที่นี่สภาพดีกว่าที่เมืองล่าเยอะมาก มีโบว์ลิ่งในชั้นล้อบบี้ด้วย แต่ค่อนข้างแพง คิดเป็นชั่วโมง ปิดเร็ว (4 ทุ่มก็ปิดแล้ว) ค่ำ ๆ ออกไปเดินดูถนนคนเดินที่มีคนมาเปิดท้ายขายของ และมาวางแผงแบกะดิน ของส่วนมากเป็นของที่ระลึก ของเล่น ฯลฯ ขาช้อปทั้งหลายถูกใจนักแล ไม่ว่าจะเป็นส้ม เก๋ อ.วนิดา หนู แนน

กลับมาโรงแรม โตชวนไปแด๊นซ์กับหนู แนน สอง ฯลฯ แต่ไม่อยากไปเพราะกลัวควันบุหรี่ ก็คนที่นี่รู้ ๆ อยู่ สูบบุหรี่เยอะมาก ไม่มีกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะด้วย ก็เลยนอนเร็ว ปล่อยพวกนั้นเค้าไปเที่ยวกันตามประสาเด็ก ๆ วัยรุ่น (แรกแย้ม)

วันที่สาม ... ค่อยมาเล่าต่อละกัน

หมายเลขบันทึก: 176127เขียนเมื่อ 9 เมษายน 2008 19:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีเจ้าค่ะ

คิคิ น้องจิก็ไม่สามารถทนอยู่ในควันบุหรี่ได้นานเช่นกัน เอิกๆๆ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ *----> น้องจิ ^_^

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สวัสดีค่ะ มาแชร์ประสบการณ์เพิ่มเติมจาก อ.หน่อง เพราะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางค่ะ....จากใจเลยนะคะถึงแม้การเดินทางจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ประสบการณ์ที่ได้รวมทั้งเพื่อนที่ได้จากการออกหน่วยครั้งนี้มีค่ามหาศาลค่ะ

เพราะตัวเองไม่ได้ทำใจไปเจอ...ส้วมแบบเมืองจีนเลย..แต่ก็วันแรกก็ใจเลยค่ะ...เหมือนคำร่ำรืองัยงั้นเลย..จนยอมเบาข้างๆๆๆดีกว่าเข้าในห้องน้ำ..ผลัดกันกับพี่เก๋

กับวัฒนธรรมการสูบบุหรี่...จนส้มเกือบ astma attack และก็เดินหลบน้ำลายวุ่นวายไปหมด...เล่ากันก็ขำทุกทีกับหมื่นโค้งที่เจอมา

คิดแล้วใครมาชวนไปอีก..คงคิดหนัก..55555แต่ก็มีความสุขนะคะ จารย์หน่อง...แล้วจามาเมาส์ใหม่

โห ส้ม เอารูปมาลงก็ไม่ย่อขนาดเลยนะ ใหญ่กว่านี้อีกนิดนึงเท่าจอหนังกลางแปลงแล้ว

อาจารย์ลบรูปให้ที..ลืมใส่ไปแล้วลบไม่ได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท