เมื่อคนเราพูดถึงข้อจำกัดตัวเอง พวกเขามักจะบอกว่า " ฉันไม่มีวันทำสิ่งนั้นได้หรอก"
และคำแก้ตัวที่ชอบใช้ก็คือ "นั่นเป็นเพราะฉันเป็นอย่างนั้นเอง"...
แต่ในความจริง "นั่นเป็นเพราะฉันคิดว่าฉันเป็นอย่างนั้นเอง"....ต่างหาก
.......
เราสามารถเรียนรู้เรื่องความเชื่อทาเกี่ยวข้องกับข้อจำกัดของตัวเองได้จากการศึกษาดูปลา...
ขั้นแรก...หาตู้ปลามาสักตู้ หากำแพงกระจกมาแบ่งตู้ปลาออกเป็นสองซีก....คุณจะได้ตู้ปลาแฝด
ต่อไปให้หาปลาสากมาหนึงตัว และหาปลากระบอกมาหนึ่งตัว ( ปลาสากเป็นปลาทีกินปลากระบอกเป็นอาหารอันโอชา)
หย่อนปลาทั้งสองลงในตู้ปลาข้างละตัว......
คุณว่าอะไรจะเกิดขึ้น............
แน่นอน ปลาสากวิ่งเข้าหาปลากระบอกอาหารอันโอชะ ของมัน....แต่มันกลับชนกำแพงเข้าอย่างจัง แย่จัง
ปลาสากกลับมาว่ายน้ำเริ่มต้นใหม่ และลองพุ่งตัวอีกครั้งด้วยความเร็ว ความแรง และความตั้งใจมากกว่าเดิม แต่แล้วมันก็ชนกระจกเข้าอย่างจังเหมือนเดิม ....แต่ตราบใดที่ชีวิตยังไม่สิ้นเจ้าปลาสากก็ยังคงมีความพยายามต่อไป....
หลายสัปดาห์ผ่านไป จมูกของเจ้าปลาสากเริ่มบวม แดง เป็นแผลและเจ็บปวด .... ในที่สุด มันคิดได้ว่าการล่าเจ้าแลกระบอกนั้นเท่ากับการทำให้ตัวเองเจ็บปวดทรมาน และตั้งใจเลิกรังควาญเจ้าปลากระบอกนั้น
...........
จากนั้น คุณเอากำแพงกระจก นั้นออก ลองทายสิคะ จะเกิดอะไรขึ้น.......
ปลาสากจะว่ายน้ำแต่ในซีกของตัวเองต่อไป ตลอดชีวิต มันยอมอดตาย ดีกว่าเจ็บตัว ไม่มีการพุ่งชนกำแพงกระจกอีกต่อไป มันรู้ขีดจำกัดของตัวเองและไม่ยอมก้าวข้ามขีดจำกัดนั้น....เรื่องนี้ ปลาสากน่าเวทนามั้ยคะ.....
......................
ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของมนุษย์ทุกคน เราไม่กล้าวิ่งชนกำแพง เรากลัว เราวิ่งไปชนกับความเชื่อของตัวเอง ความเชื่อที่จำกัดตัวเราเอง เราเถียงแก้ตัวให้กับความเชื่อเหล่านั้นและไม่ยอมก้าวออกจากวงจำกัด
..........
เราสร้างกรงแก้วขึ้นมาเองและคิดไปว่านั่นคือความจริง และนั่นจะขัดขวางศักยภาพในตัวคุณ
..............................................
สิ่งที่คุณเชื่อมั่นว่าจะเกิดขึ้นนั้น จะเกิดขึ้นเสมอ.....
และความเชื่อมั่นในสิ่งนั้นเอง ที่เป็นตัวทำให้เกิดขึ้น
อ้างอิง จาก ก้าวไปตามใจฝัน คุณวีรญา หุมาญณ์ ผู้แปล