เก็บเกี่ยวเรื่องงาตอนที่2


งา เป็นพืชเศรษฐกิจอย่างหนึ่งที่ทำรายได้ให้ประเทศครับ

สวัสดีครับ

       บันทึกนี้นำเรื่องงามาฝากต่อ จากบันทึกที่แล้ว สิ่งที่จะบันทึกต่อไปคือ ฤดูปลูกงาที่เหมาะสม

การเลือกพื้นที่ปลูก  และดินที่เหมาะกับงาครับ หลายท่านที่เคยทดลองปลูกงาแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ 

ลองอ่านแล้วนำไปปฏิษัตินะครับ

ฤดูปลูก

          1. ต้นฤดูฝน เริ่มปลูกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน และเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ปลายเดือน

เมษายน-มิถุนายน ส่วนใหญ่จะปลูกในพื้นที่นาก่อนการปลูกข้าว มีพื้นที่ปลูกประมาณ

ร้อยละ 70 ของพื้นที่ปลูกงาทั้งประเทศ แหล่งปลูกงาต้นฤดูฝนได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี

ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย ลำพูน

น่าน และสุราษฎร์ธานี

          2. ปลายฤดูฝน เริ่มปลูกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ปลายเดือน 

พฤศจิกายน-ธันวาคม ส่วนใหญ่จะปลูกในสภาพพื้นที่ไร่หรือที่ดอน ปลูกหลังการเก็บเกี่ยวพืชไร่

 มีพื้นที่ปลูกประมาณร้อยละ 30 ของพื้นที่ปลูกงาทั้งประเทศ แหล่งปลูกงาปลายฤดูฝนที่สำคัญ

ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี พิษณุโลก สพรรณบุรี เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ และเลย

การพิจารณาเลือกพื้นที่ปลูกงา

     1. เป็นดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำดี และมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร

     2. เป็นพื้นที่ดอนหรือสูง สามารถระบายน้ำได้สะดวกไม่มีน้ำขังแฉะ

     3. ความเป็นกรด-ด่างของดิน ควรอยู่ระหว่าง 5.5-6.5 ไม่เป็นดินเปรี้ยวหรือดินเค็ม

    4. ไม่เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกงาติดต่อกันมาเป็นเวลานานหลายๆ ปี เพราะจะทำให้งาเกิดโรคระบาดได้ง่าย

การเตรียมดิน

            การเตรียมดินเป็นปัจจัยที่สำคัญในการปลูกงาเนื่องจากเมล็ดงามีขนาดเล็ก

 ควรมีการเตรียมดินให้ร่วนซุย จะช่วยให้งางอกได้ดีและมีความสม่ำเสมอ การไถพรวน

จะมากหรือน้อยครั้งขึ้นอยู่กับโครงสร้างและชนิดของเนื้อดินถ้าเป็นดินร่วนทรายจะไถ

 1-2 ครั้ง ส่วนดินเหนียวจะต้องไถมากครั้งกว่าดินร่วนโดยไถ 1-2 ครั้ง ส่วนดินเหนียว

จะต้องไถมากครั้งกว่าดินร่วนโดยไถ 2-3 ครั้ง เพื่อย่อยดินให้ละเอียดจะให้ผลผลิตสูงกว่าไ

เพียงครั้งเดียว

         การปลูกงาต้นฤดูฝนโดยอาศัยน้ำฝนช่วงเดือนกุมภาพันธุ์-มีนาคม ปริมาณความชื้น

ในดินมีน้อย จะต้องรอให้ในตกเสียก่อนจึงไถเตรียมดินปลูก สังเกตได้โดย เมื่อฝนตกทำให้

ดินเปียกชื้นลึกลงไปจากผิวดินประมาณ 20 เซนติเมตร หรือลองใช้จอบขุดลึกลงไปจากผิวดิน

ประมาณ 20 เซนติเมตร หรือลองใช้จอบขุดลึกลงไปประมาณ 1 หน้าจอบ และพบดินยังมี

ความเปียกชื้นอยู่ สามารถไถพรวนปลูกงาให้เสร็จได้ภานใน 3 วัน โดยไถดะ 1 ครั้ง

 แล้วหว่านเมล็ดงา และคราดกลบทันทีจะเป็นผลดีกับการปลูกงา เพราะว่าหลังจากนั้น

ดินจะแห้งเร็วความชื้นจะไม่เพียงพอที่จำทำให้งางอกได้

         การปลูกงาช่วงกลางฤดูฝน-ปลายฝน ปริมาณน้ำฝนมีเพียงพอทำให้เตรียมดิน

ได้สะดวก โดยไถประมาณ 2-3 ครั้ง ก่อนการหว่านเมล็ดงาหลังจากนั้นจังไถกลบอีก 1 ครั้ง

จะทำให้งางอกได้สม่ำเสมอ แต่วิธีนี้จะใช้เมล็ดพันธุ์มากกว่าการไถหว่าน-คราดกลบ

ประมาณ 2 เท่าตัว

         ในเขตที่มีแหล่งน้ำหรือในเขตชลประทานใช้วิธีปล่อยน้ำเข้าในแปลงปลูก

ดินร่วนทรายปล่อยทิ้งไว้ 2 คืน ดินเหนียวทิ้งไว้ 1 คืน ตากดินไว้ 1-3 แดด แล้วจึง

ไถเตรียมดินปลูกต่อไป

         การเตรียมดินปลูกงาหลังจากไถพรวนดินดีแล้วควรแบ่งพื้นที่ปลูกแปลงย่อย

 กว้างแปลงละ 3-5 เมตร เพื่อให้สามารถเดินเข้าไปปฎิบัติดูแลรักษาได้สะดวก และ

ช่วยระบายน้ำ เมื่อมีฝนตกชุกจะช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วมขัง ทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น

     อ่านแล้วเป็นไงบ้างครับพอจะได้รับความรู้ไม่มากก็น้อย  อย่างไรแล้วถ้ามีอะไรเพิ่มเติม

จะนำเสนอในบันทึกต่อไปนะครับ

 

คำสำคัญ (Tags): #งา#เกษตร
หมายเลขบันทึก: 175312เขียนเมื่อ 4 เมษายน 2008 22:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม 2012 17:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับ ครูวัลลภ

งา..นับเป็นสินค้าขึ้นชื่อของชาวแม่ฮ่องสอนเลยนะครับ

ที่บ้านผม คนในบ้านก็ชอบนำงามาเป็นส่วนประกอบในการทำอาหารครับ

สวัสดีครับ ท่าน วัลลพ สุวรรณอาภา ผมอยากทราบว่าในเขตอำเภอขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ปลูกงาได้ใหม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท