proactive brain (ต่อ)


เราทุกคนอายุมากขึ้นทุกวัน แต่พวกเราฉลาดขึ้น หรือเจริญทางปัญญามากขึ้น หรือทำประโยชน์ต่อคนอื่นมากขึ้นทุกวันหรือไม่

ความเดิมตอนที่แล้วได้นำเสนอว่า Proactive brain มีความจำเป็น และควรส่งเสริมตั้งแต่ปฐมวัย เพื่อเพิ่มศักยภาพ และเป็นต้นทุนที่มีมูลค่าในช่วงวัยต่อมาของชีวิตมนุษย์ ที่กล่าวเช่นนี้เพราะดิฉันอยากให้ทุกคนประจักษ์ว่าชีวิตมนุษย์ที่มีการเสื่อมทางกายภาพทุกวัน (เราทุกคนอายุมากขึ้นทุกวัน) แต่พวกเราฉลาดขึ้น หรือเจริญทางปัญญามากขึ้น หรือทำประโยชน์ต่อคนอื่นมากขึ้นทุกวันหรือไม่ จะเป็นเช่นนี้ได้ต้องหมั่นฝึกวิธีคิด วิธีปฏิบัติในทางบวก หรือสร้างสรรค์อยู่อย่างเสมอ ฝึก Proactive brain นั่นเอง

วิธีฝึกฝนในเด็กนั้น ก่อนอื่น พ่อ แม่ หรือผู้ดูแลเด็กทุกคนต้องมีความเชื่อที่สำคัญ  3 ประการ คือ

1) สมองเด็กในวันนี้จะเติบโตเป็นสมองของผู้ใหญ่ และสมองของผู้ดูแลสังคมของเราในวันหน้า (ถ้าไม่พัฒนาสังคมจะอยู่ในมือคนแบบใด?)

2) สมองของเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมจะถูกพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพเหมือนกันทุกคน ทุกชนชั้นวรรณะ (จนก็มีสมองน้ำหนักประมาณ 1 กิโล 3 ขีด รวยก็มีสมองน้ำหนักประมาณ 1 กิโล 3 ขีด ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนเหมือนอวัยวะอื่น ในขณะนี้ยังทำไม่ได้ และไม่น่าจะทำได้)

3) สมองมนุษย์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ยิ่งหมั่นฝึกฝน และใช้งาน จะยิ่งจะมีประสิทธิภาพ และทรงพลังสร้างสรรค์อย่างเหลือเชื่อ (ไม่ใช่เอาไปใช้ในทางสร้างผลประโยชน์ทับซ้อน!!!)

มีเพียงสมองมนุษย์เท่านั้นที่คิด จินตนาการ และทำให้เป็นจริงได้ เช่น การสร้างจรวด หรือ ยานสำรวจทะลุออกไปนอกโลกได้ สัตว์อื่นคิดไม่ได้ จินตนาการไม่เป็นเพราะไม่มี Function ของสมองส่วนหน้า (prefrontal cortex) เมื่อความรู้เป็นเช่นนี้เราจึงต้องมีวิธีการนำความรู้เชิงประจักษ์นี้มาประยุกต์ใช้ และส่งเสริมการจัดการความรู้เรื่องพัฒนาการสมองให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อมนุษยชาติ

Proactive brain สำคัญอย่างไรต่อเด็กปฐมวัย คำตอบคือสำคัญมาก เป็นการฝึกวิธีคิด วิธีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ หรือพูดอย่างง่ายว่า คิดได้ คิดเป็น มองได้ มองเป็น และมองเห็นอย่างสร้างสรรค์ นั่นเอง แต่เด็กก็คือเด็กยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่เหมือนสัตว์อื่นที่เกิดได้ไม่กี่ชั่วโมงก็เดินได้แล้ว หากินเองได้แล้ว ชีวิตมนุษย์หลังคลอดต้องใช้เวลาเกือบปีถึงจะเดินได้ (8 พันกว่าชั่วโมง!!!) และอีกประมาณ 6 เดือน หรือ ขวบครึ่ง(หมื่นกว่าชั่วโมง !!!) จึงจะถือถ้วยน้ำดื่มได้ แต่ยังไม่สามารถเกิดวงจรเชื่อมโยงว่าหิวน้ำแล้วต้องเดินไปหาน้ำมาเพื่อบรรเทาอาการหิว ทำได้อย่างดีแค่บอกสั้นๆว่าน้ำ น้ำ พ่อ แม่ ผู้ดูแลใกล้ชิดจะเตรียมให้ พ่อ แม่จึงเป็นบุคคลแรก เป็นนักพัฒนาการเด็กคนแรกในชีวิตลูก ไม่ว่าพ่อ แม่จะมีอาชีพอะไร แต่สำหรับลูกแล้ว พ่อ แม่เป็นทั้งวิศวกรค่อยสร้าง สถาปนิกค่อยออกแบบ ครูค่อยสอนสั่ง หมอค่อยบำบัด พยาบาลค่อยเยียวยา ตำรวจค่อยปราบปราม ทหารค่อยฝึกวินัย และอีกหลากหลายทักษะในการค่อยปั้นลูกกับมือทั้งสองของท่าน ดังนั้นพ่อ แม่ อยากได้ลูกตอนโตเป็นอย่างไรตอนวัยเด็กนี่ละค่ะที่ต้องค่อย ๆ ปั้น ค่อย ๆ สรรค์แต่ง ดูจำนวนชั่วโมงของพัฒนาการแล้วต้องใจเย็นมาก ๆ อย่ารีบเร่ง เช่น กลัวไม่เก่งเลขจับไปเรียนพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ยังนับ 1 10 ไม่ได้เลย กลัวภาษาอังกฤษไม่ดีจับเรียนพิเศษ ทั้งที่พัฒนาการทางภาษายังไม่ถึงวัย ยังพูดไม่ชัดเลย

มาฝึกฝน ให้เด็กมี Proactive brain  กันนะคะ เริ่มจากชีวิตประจำวันนี่ละค่ะดีที่สุด เมื่อเจ้าตัวเล็กตื่นฝึกทักทาย ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ค่อย ๆ สร้างสุนทรียะสนทนา เปลี่ยนบริบทการสนทนาไปตามช่วงวัย ค่อยซับซ้อนขึ้นตามวัย คุยเพื่อหาทางออก บอกวิธีคิดหลากหลายวิธีแห่งการแก้ปัญหา เมื่อพบทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด บอกลูกด้วยว่าทำไมทางเลือกนี้จึงดีที่สุด เพื่อเป็นการสร้างวงจรแก้ปัญหาในสมองส่วนหน้าให้เข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพ ฝึกฝนบ่อยๆ จะกลายเป็นคนคิดไว ทำไว ถอดบทเรียนจากผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตหลายคนจะพบว่าท่านฝึกวิธีคิดมาตั้งแต่เด็ก ฝึกบ่อย ฝึกในหลายประสบการณ์ เช่น ศ.นพ.วิจารณ์ ของพวกเราชาว blog ถ้าใครได้พบได้สนทนาจะพบว่าท่านมีวิธีคิด วิธีมองปัญหาอย่างหาคนเทียบยาก คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ใช่ คิดได้ คิดเป็น และคิดอย่างเป็นระบบ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศม์ นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ และอีกหลาย ๆ ท่านกล่าวมาคงยาวไปหลายหน้าทีเดียว

เมื่อสร้างลูกให้มีวิธีคิดที่ดีแล้วไม่ต้องกลัวเลยว่าโตขึ้นเขาจะลำบาก ลูกจะผ่านช่วงวัยแต่ละวัยได้อย่างมีความหมาย เป็นพลังปัญญา เป็นพลังที่นำพาสังคมไทยให้มีความงดงามต่อไป

หมายเลขบันทึก: 174984เขียนเมื่อ 3 เมษายน 2008 15:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2012 21:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีคะ

เรื่องนี้ยิ่งอ่านยิ่งสนุกคะ ขอบคุณมากคะ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท