ชีวิตฅนสนามหลวง : หมอกหรือควัน ??


เนียน คือ ครูสนามหลวงคนหนึ่งที่ให้ลูกศิษย์หลายหลากมาเรียนรู้ชีวิต และเมื่อลูกศิษย์ มาเรียนรู้ชีวิตเนียน เนียนจะไม่เมาต่อหน้าลูกศิษย์และให้เกรียติลูกศิษย์ทุกคน และวันสุดท้ายที่ก่อนเนียนจะจากไป ยังมีลูกศิษย์มากมายมาส่งเนียนกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเด็กสตรีวัดระฆังสิบกว่าคน นักศึกษาปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ นักข่าวสาว ที่มาส่งเนียนขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน และการจากไปของเนียนสร้างความเศร้าใจให้ลูกศิษย์ทุกคนที่ได้รับข่าวการจากไปของเธอ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯที่มาเรียนรู้ชีวิตเนียนก่อนที่จะไปเรียนต่อที่เชียงใหม่

เมื่อมองไปข้างหน้าโลงศพกำลังเคลื่อนเข้าสู่เตาเผา มีญาติของเจ้าของร่างที่ไร้วิญญาณ

 4 – 5 คน เฝ้ามอง ศพที่ค่อย ๆ ไหม้ แหงนหน้ามองขึ้นไปบนเมรุมีควันไฟลอยจากปล่องเตาเผาลอยหายไปกับก้อนเมฆ ในวัดกลางกรุงแห่งหนึ่ง จากนั้นไม่เพียงกี่นาที สัปเหร่อรอก็เรียกให้ไปเก็บกระดูกของร่างที่ถูกเผา เพื่อนำกระดูกกลับต่างจังหวัด  แต่ย้อนกลับไปเกือบ 10 ปี ก่อนที่จะถึงวันนี้เจ้าของร่างที่ไร้วิญญาณนี้ผ่านเรื่องราวมามากมายจนหลาย ๆ คนไม่เชื่อว่าเป็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางสังคมที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แต่เมื่อวันหนึ่งผู้หญิงคนนี้ตัดสินใจที่จะหยุดชีวิตเร่ร่อนเพราะแรงบันดาลใจจากลูกที่อยากจะเห็นลูกมีอนาคตที่ดี ตัดสินใจที่จะพาลูกกลับบ้านไปหาญาติและเริ่มตนชีวิตใหม่กลับลูก

     วันนั้นวันที่เธอตัดสินใจแน่นอน เจ้าหน้าที่ของอิสรชนจึงพาเธอกลับมาเตรียมตัวที่สำนักงานเพื่อจะส่งกลับบ้าน โดยวันนั้นมีนักข่าวสาวที่ลงมาเก็บเรื่องราวของเธอแต่นักข่างคนนี้ไม่รู้เลยว่าจะเป็นนักข่าวคนสุดท้ายที่ได้เขียนเรื่องราวของเธอจากปากของเธอ นอกจากนั้นยังมีคนอีกมากมายที่ได้ร่วมส่งเธอขึ้นรถมากับเจ้าหน้าที่สมาคม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนจากโรงเรียนสตรีวัดระฆังที่ครั้งนี้ที่เป็นทั้งครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เหล่านักเรียนสิบกว่าคนจากโรงเรียนสตรีวัดระฆังได้ทำสารคดีเรื่องราวชีวิตของเธอจากปากและพบเจอกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย และยังรวมถึงนักศึกษาปริญญาโทที่มาทำวิทยานิพนธ์ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุย และเพื่อนพ้องคนสนามหลวงก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าหลังจากส่งเธอขึ้นรถ และที่ช็อคที่สุดคือเจ้าหน้าที่ของอิสรชนที่เธอมาพักด้วย 2 คืนก่อนที่เธอจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เป็นคำถามที่ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่สำนักงานเพราะเพื่อให้เธอเตรียมตัวกลับบ้านให้เธอได้มาอาบน้ำแต่งตัวใหม่กลับบ้านไปอย่างมีเกรียติซึ่งเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามากที่อยากกลับบ้านไปโดยทุกคนต้อนรับเธอ ไม่ดูถูกเธอ แต่เมื่อเช้าขึ้นมาเธอเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่หลับ ตอนเช้าอีกหนึ่งวันที่เธอมาอยู่กับเราที่สำนักงานนั้นเธอยังมีสติที่ครบถ้วน ไม่อยากเหล้า แต่พอตะวันเริ่มคล้อยลงอาการเธอเริ่มเกิดขึ้นเริ่มเห็นภาพหลอนแต่ไม่มีอาการมาก เจ้าหน้าที่ของอิสรชนก็คอยดูเธอตลอดไม่ได้นอนกันเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรหรือเปล่า ตอนเช้าก็เลยซื้อเหล้าที่เธอดื่มทุกวันวันละ 8-10 ขวดที่สนามหลวงกับเพื่อน ๆ โดยเอาเงินจากการทำงานเก็บขวดขายมาหารกันจนติดไม่สามารถที่จะเลิกได้ทั้งที่เธอพยายามทุกทาง เวลาที่เธอไม่ได้กินเธอจะมือสั่น ตัวสั่นนิดๆ  มาให้เธอดื่มแต่เธอกลับบอกว่าเหม็น ไม่ดื่ม ก็ตกลงกับเธอว่าจะพาเธอกลับบ้านแต่เธอกลับยอกว่าไม่อยากกลับเพราะไม่กล้าที่จะสู้หน้าทางครอบครัวเพราะเธอทำตัวไม่ดีมามากมาย และที่สำคัญที่สุดเธอบอกว่าเธอไม่มีเกรียติพอที่จะกลับบ้านเธอเลยตัดสินใจที่จะมอบลูกให้กับคนอื่นเป็นบุตรบุญธรรมเพื่ออนาคตที่ดีของลูกเธอ ทางอิสรชนก็ติดต่อคนที่สนใจจะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเพราะครอบครัวนี้ไม่มีลูกอยากมีลูกเพราะอยากมีคนดูแลตอนแก่ชรา ทางนั้นก็มาพูดคุยและดูตัวเด็กก็ตกลงกันอีกอาทิตย์จะมาทำเอกสารดำเนินเรื่อง ก็ตกลงกันอย่างดี และเมื่อมอบลูกให้คนอื่นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วทางอิสรชนก็จะพาเธอไปเริ่มตนชีวิตใหม่โดยเริ่มทำงานตามความสมัครใจของเธอ แต่ไม่ทันไรพอตะวันจะเลื่อนหายไปอีกวันหนึ่งเธอเกิดอาการประสาทหลอนเห็นเส้นผมเป็นงู เห็นข้าวเป็นหนอน ไม่หลับนอนอุ้มลูกตลอดบอกว่าจะมีคนมาเอาลูกไป ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้หลับนอนต้องคอยดูแลตลอด

     รุ่งเช้าเธออาการหนักมากเห็นทุกอย่างเป็นพื้นที่ที่สนามหลวง ทางอิสรชนจึงประชุมกันและคิดว่าเธอคงเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง จึงดำเนินการประสานงานกับทางโรงพยาบาลที่จะรับเธอเข้ารักษาแต่ไม่ทันได้ทำไรเพราะกำลังหาข้อมูลอยู่ และมีเจ้าหน้าบางส่วนต้องไปประชุมด่วนด้านงานดีอีกด้านจึงมีเพียงเจ้าหน้าที่คนเดียวที่เหลือดูแลเธอ พอเจ้าหน้าที่ออกไปซื้อของมาให้เธอกินเพราะเห็นว่าเธออาการพอคุยรู้เรื่องบ้าง แต่เมื่อกลับมาก็ไม่พบเธอ ทั้งแค่เพียงไม่กี่นาทีและไม่ได้ไปไกลมากนัก ก็ออกตามหากันคนแถวสำนักงานบอกว่าเธอโบกรถแท็กซี่ไปโดยเอาลูกไปด้วย ทางเราก็ตกลงกันว่าจะไปดูที่สนามหลวงอีกวันรุ่งขึ้นเพราะตอนที่เธอหนีไปจากเรานั้นเวลาประมาณ 17.00 น. แต่เมื่อประมาณ 20.00 น. ทางอิสรชนได้รับโทรศัพท์ทำเอาเจ้าหน้าที่ทุกคนอึ้งไปตามๆกันคือ ข่าวการจากไปของเธอ สุดท้ายแล้วร่างเธอก็ไปจบลงใกล้ ๆ สนามหลวงตรงเจดีย์ขาวเพราะเธอเคยสัญญากับเราว่าถ้าเธอหนีกลับมาที่สนามหลวงอีกเธอเราจะไม่มาทำงานกับคนสนามหลวงอีกเลย จึงเป็นสิ่งที่เธอสัญญาไว้กับเรา แต่ที่เธอพยายามหนีมาจนถึงจุดสิ้นลมนี้นั้นเพราะเธอกลับมาคืนชีวิตสู่บ้านของเธอที่เธอใช้ชีวิตมาเกือบ 3 ปี ภาพที่คนสนามหลวงรายงานเราว่าเธอเห็นลูกเธอนอนเฝ้าแม่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่รู้เลยว่า ณ ตอนนั้นแม่เธอเหลือแต่ร่างที่ไร้วิญญาณ เมื่อทางอิสรชนได้รับข่าวรีบหารถไปติดต่อโรงพยาบาลโดยเมื่อหมอพิสูจน์ศพก็เกิดอาการหัวใจโตเกินกว่าปกติสองเท่าและหลอดเลือดมีไขมันอุดตันเธอสามารถไปได้ตลอดเวลา โดยไม่ได้เกี่ยวกับการหยุดกินเหล้า เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้หลายคนอ่านก็อยากจะรู้ว่าเธอคือใคร แล้วเธอชีวิตผ่านอะไรมามากมายสุดท้ายถึงมาจบลงตรงจุดนี้ที่สนามหลวง

     ผู้หญิงคนหนึ่งที่มาเริ่มต้นชีวิตเร่ร่อนที่สนามหลวงถึงแม้เธอจะเคยเร่ร่อนที่อื่นมาก่อนแต่ เนียน หญิงสาวฉันทนาแสนสวยคนหนึ่งที่มาเดินรอบๆ สนามหลวงด้วยความที่ท้อแท้ใจ หมดหวัง ไม่มีหนทางที่จะไป เนื่องจากถูกไล่ออกจากงานเพราะเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นเมียน้อยเจ้านาย ถูกไล่ออกมาอย่างอับอายไม่ได้คืนแม้กระทั้งบัตรประจำตัวบัตรประชาชน และค่าแรงในการทำงานที่เธอจำได้จนวินาทีสุดท้ายมันอาจจะเป็นเงินอันน้อยนิดสำหรับคนอื่นแต่เป็นเงินที่มีค่าสำหรับเธอ คือ 2,300 บาท เธอกลายมาเป็นหญิงบริหารที่สนามหลวงคลองหลอดโดยขายน้ำ เมื่อมีคนมาติดต่อก็ไป เมื่อก่อนเนียนเป็นคนหน้าตาดี คนหนุ่ม ๆ ที่สนามหลวงมาจีบมากมาย รวมถึงสาวหล่อก็มาคอยดูแลและรักเธอทุกคนเพราะสิ่งหนึ่งที่น่ารักที่ทุกคนรักเธอคือความจริงใจ มีน้ำใจ ให้ความสำคัญกับคนรอบข้างมากกว่าตนเอง เป็นห่วงและดูแลคนที่อยู่ที่สนามหลวงและคนที่มาใหม่ โดยคนหลาย ๆ คนตั้งให้เธอเป็นเจ้าแม่สนามหลวง แต่ด้วยความที่เธอเจ็บปวดจากการกระทำจากสังคม ไม่ว่าจากการทำต้องออกจากงานอย่างอับอายโดยเธอไม่ชาคนที่ผิด หรือแม้กรทั่งอดีตที่เธอถูกสามีคนเก่าที่เธอทุ่มเท่ให้ด้วยความรักหลอกเอาที่ดินที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เธอมีอยู่ และเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดที่แม่เธอมอบให้ ถูกผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรักและพร้อมจะให้ได้ทุกอย่างหลอกลวงเธอให้เสียเงินเสียทองเพื่อถมที่กว่า 30 ไร่จนไม่เหลืออะไร โดยอดีตสามีอ้างว่าเป็นที่ที่ได้รับการแบ่งมรดกกันมาแล้ว แต่ พอถมที่ไปได้ไม่นาน พี่ของสามี ก็เอาที่ไปจำนองกับธนาคารและโดนยึดไปในที่สุด เธอก็เลยเสียเงินฟรี เนียนบากหน้ามากรุงเทพมหานคร เพื่อมาหาหนทางชีวิตที่ดีกว่า แรก ๆ ก็ ทำงานตามโรงงานย้ายไปหลายแห่ง ไปกี่ที่ ๆ ก็โดนโกงไปเสียทุกที่ ไม่รู้ชีวิตเล่นตลกอะไรกับเธอ  ซ้ำร้ายเธอกลับถูกโกงอย่างสาหัส จนชีวิตเธอต้องมาอยู่ที่สนามหลวง เธอเริ่มเข้าหาเหล้าเพราะทำให้เธอได้หลับอย่างมีความสุขและหลับได้อย่างสนิทจากวันละขวดที่กินร่วมกับเพื่อน ๆ จนกลายเป็น 8 ขวดต่อวันที่ดื่มร่วมกับเพื่อน ๆ แต่ถ้าดื่มเองก็วันละ 2 - 4 ขวด โดยทำงานหาเงินพิเศษและจากการขายน้ำ ถ้าเงินเธอเหลือหรือมีใครเดือดร้อนเธอก็จะให้ความช่วยเหลือ พูดง่าย ๆ คือ เนียนขายตัวเอาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวเร่ร่อนครอบครัวหนึ่ง นี่แหละน้ำใจของคนสนามหลวง เงินไม่ได้สำคัญกับเขาแต่มิตรภาพมากกว่าที่สำคัญและไม่มีวันหมดไป ช่วงแรกที่เนียนมาอยู่ที่สนามหลวงเนียนค่อนข้างเป็นคนที่มีหน้าตาดี มีหนุ่มมากมายมาขายขนมจีบให้เธอ แต่ใครจะเชื่อว่า เนียนทหญิงสาววัย 34 ปี ที่ใช้ชีวิตอยู่กลางสนามหลวงพร้อม ๆ กับความผิดหวังในอดีต ตัดสินใจมีครอบครัวที่ตัวเองเลือกที่อยู่กับ วิทย์ (นามสมมุติ) ชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกัน พร้อมกับการให้กำเนิดลูกสาวแสนน่ารักที่ใครเห็นใครต้องหลงรัก ที่คนสนามช่วยกันเลี้ยงดูจนครบ 2 ขวบที่สนามหลวง ก่อนที่เจ้าหนูน้อยจะกลับคืนสู่ภูมิลำเนาของแม่หลอนเองโดยไร้ตัวตนแม่ตนเองแต่กลับไปอยู่กับญาติและกระดูกของแม่ตนเอง   ตลอดเวลาที่เนียนอยู่ที่สนามหลวง หลายต่อหลายครั้งที่อิสรชนลงพื้นที่เมื่อเนียนทะเลาะกับสามีตนเองสิ่งหนึ่งที่อิสรชนได้ฟังบ่อย ๆ คือคำที่ เนียน อัดอั้นภายในใจตลอดที่ตนเองถูกกล่าวหาจากใครสักคน คือ คำที่ว่าบุพการีในทางที่เสียหาย เนียนจะระบายออกมาทุกครั้งที่ท้อแท้ใจ หรืออยากกลับบ้าน หรือเมา จะระบายออกมาทั้งน้ำตาและก็จะย้อนเล่าถึงชีวิตของเธอให้อิสรชนฟังหลายต่อหลายรอบ จนเราเองก็ อดที่จะสนุกปนเศร้าไปกับชีวิตของเนียนไม่ได้ เนียนกับวิทย์และลูกอยู่ด้วยกัน แบบครอบครัวเร่ร่อนไร้บ้านในสนามหลวงมากว่าปี แล้ว

     และถ้า นับย้อนไปไกลกว่านั้น ทั้งคู่ใช้ชีวิตแบบคนเร่ร่อนไร้บ้านมาไม่น้อยกว่า  3  ปี แล้ว เนียนเป็นคนพื้นเพอยู่ที่อุดรธานี เข้ามาทำงานในกรุงเทพมหานคร จากสาเหตุหรือเหตุผลหลาย ๆ เหตุผลรวม ๆ กัน เนียนระหกระเหินไปอยู่มาหลายต่อหลายที่ จนญาติ ๆ  ที่บ้านคิดว่าตายไปแล้วถึงขนาดก่อธาตุเอาไว้กราบไหว้และทำบุญให้มาแล้วครั้งหนึ่ง  เนียนทำมาหาเก็บของเก่าบ้าง ขวดน้ำในสนามหลวงบ้าง เนียนเองก็เลิกอาชีพหญิงขายบริการแต่ หันมาดื่มเหล้าอย่างหนัก เรียกได้ว่า เจอเนียนเมื่อไหร่ ถ้าไม่เมา ไม่ใช่เนียนจนสภาพดูแทบไม่ได้เพราะบวมจากการดื่มเหล้ามาก ทุกวัน เนียน ก็มีความสุขอยู่กับการใช้ชีวิตแบบครอบครัวเร่ร่อนไร้บ้าน ในท้องสนามหลวง ที่ บางวันบางเวลาต้องวิ่งหนีแบบกระเสือกกระสนเพื่อหลบหนีการจับกุมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เนียนกลัวว่าเขาจะพรากลูกพรากแม่ หลายครั้ง วิทย์ ปกป้องเนียนและลูกจนตัวเองต้องโดนจับไปยังสถานสงเคราะห์ฯ และวิทย์ก็พยายามหลบหนีออกมาเพื่อมาหาเลี้ยงดูเนียนละลูก ด้วยการเก็บขวดหรือรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อยังชีพไปวัน ๆ 

          เนียน วิทย์ และลูก สามคนพ่อ แม่ลูก ครอบครัวเร่ร่อนไร้บ้านเล็ก ๆ ที่ใช้พื้นที่สาธารณะกลางเมืองใหญ่เป็นที่หลับที่นอนที่อาศัย อย่างมีความสุขตามอัตภาพ มีความสุขแบบพอเพียง ที่ ตื่นขึ้นมา สมาชิกที่นอนรายเรียงอยู่ข้าง ๆ ก็จะพากัน เอาอาหาร ขนมและข้าวมาแบ่งปันกัน คอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้ลูกของเนียนอย่างใกล้ชิดราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่ ชีวิตของเนียนผ่านไปทุก ๆ วันที่เหมือนเดิม แต่มีความสุขตามอัตภาพของตน มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ แต่เมื่อลูกของนางโตขึ้นทุกวัน สิ่งหนึ่งที่นางเป็นห่วงและคนที่เลี้ยงดูลูกของเนียนมารวมทั้งอิสรชน เป็นห่วงมากที่สุดคือ ไม่อยากให้เด็กโตที่สนามหลวง เพราะจะไม่พ้นอาชีพพิเศษ ที่อายุเพียงสิบกว่า ๆ ก็ทำเงินได้แล้ว จึงพยายามพูดให้เนียนพาลูกไปกลับบ้านแล้วตนจะมาทำงานที่กรุงเทพฯเริ่มต้นชีวิตใหม่เพื่ออนาคตของลูก ถึงตอนนี้ขอเล่าย้อนไปว่าลูกของเนียนเคยถูกอุ้มไปตอนขวบกว่า ๆ แต่เจ้าหน้าที่สามารถหาเจอจึงได้ตัวกลับมา อันตรายมากที่เด็กผู้หญิงจะเติมโตที่สนามหลวงทั้งกลัวจะตายเพราะลูกเนียนเคยตกน้ำหลายครั้งในคลองหลอดแต่คนก็ช่วยไว้ได้ และแล้วเนียนก็ตัดสินใจที่จะพาลูกกลับบ้าน ยอมที่จะบากหน้าไปให้ญาติหรือคนแถว ๆ ดูถูกดีกว่าปล่อยให้ลูกเติมโตที่สนามหลวง เนียนร้องไห้เสมอเมื่อนึกถึงอนาคตของลูกเธอ และแล้ว เด็กน้อยที่อยู่กับแม่ที่สนามหลวง ที่เตรียมตัวกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้หลังจากที่อิสรชนกำลังระดมทุนเพื่อส่งเนียนกลับบ้านและไปประสานงานกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำจังหวัดเพื่อดูแลเนียน ให้ได้เริ่มชีวิตใหม่  แต่สุดท้ายลูกของเนียนก็ ต้องฉลองวันเกิดครบ 2 ขวบ ที่คลองหลอดจนได้ หลังจากที่ อิสรชน พยายามจะพาครอบครัวนี้กลับบ้านให้ได้ก่อนวันเกิดของเด็กน้อย แต่ ก็ยังไม่หมดหวังยังไม่ละความพยายาม ที่จะพาครอบครัวนี้กลับบ้านให้ได้ก่อนสิ้นปีเป็นอย่างช้า เพราะ คิดว่า คงส่งกลับไม่ทัน ก่อนวันพ่อแล้วแน่ ๆ  เพราะ หลังจาก แจ้งข่าวไปเกือบสองเดือน เพิ่งจะมียอดเงินบริจาคกลับเข้ามาเพียง 600 บาท เท่านั้น ใครจะเชื่อว่า สังคมที่กำลังเรียกร้องให้ ทำดีเพื่อนคนโน้นเพื่อคนนี้ หรือทำดีถวายในหลวง คนก็ยังเลือกที่จะทำกับหน่วยงาน หรือ องค์กรที่มีชื่อเสียง  ทั้งที่ องค์กรเหล่านั้น ก็มีงบประมาณหรือมีทุนการทำเนินงานที่มากมายอยู่แล้ว แต่ ก็ไม่ได้หมายความว่า หน่วยงานเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อเสียง จะไม่ได้ทำงาน เผลอ ๆ อาจจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างใกล้ชิดมากกว่าด้วยซ้ำไป  อิสรชน  เอง ก็ ทำงานตามแบบที่เรียกว่า ตามยถากรรม คือมีเงินมากหน่อยก็ลงพื้นที่ทำงานถี่หน่อย ช่วงไหน ไม่มีเงิน ก็ ต้องเว้นช่วงการลงพื้นที่ ให้ห่างหน่อย ทั้งที่รู้ว่า การลงพื้นที่ยิ่งถี่มากเท่าไหร่ ยิ่งจะช่วยเหลือเขาได้มากเท่านั้นก็ตาม แต่ ก็ด้วยข้อจำกัดของงบประมาณที่ระดมทุนได้ในแต่ละช่วง แต่ในใจก็ยังมีความหวังอยู่ลึก ๆ ว่า คำว่า สังคมไม่ทอดทิ้งกัน ที่ เขารณรงค์กันนั้น จะเผื่อแผ่มาถึงกลุ่มคนด้อยโอกาส คนเร่ร่อน คนไร้บ้าน ที่ตั้งใจจริง ที่จะเปลี่ยนแปลงจะ กลับบ้าน เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่บ้าง และแล้วอิสรชนก็ถึงเวลาที่จะพาเนียนกลับบ้านถึงแม้การระดมทุนจะไมได้ดังเป้าหมายแต่เราเห็นปัญหาว่าถ้านานเนียนอาจเปลี่ยนใจและลูกของเนียนอาจเป็นอันตราย เพราะเมื่อเนียนเมาก็ไม่สามารถที่จะดูแลลูกได้ อิสรชนตกลงกันว่าจะส่งเนียนขึ้นรถกลับบ้านโดยให้เนียนสัญญาว่าถ้าหนีกลับมาสนามหลวงอิสรชนจะไม่มาทำงานในพื้นที่อีกเลย เพราะไม่รักในความหวังดีซึ่งกันและกัน จึงเป็นเหตุให้เนียนตายในสนามเจดีย์ขาว โดยวิทย์กล่าวว่าเพียงอีกก้าวไม่กี่ก้าวก็จะมาถึงสนามหลวงแต่ก็ไม่ถึง ทำให้เห็นว่าคนสนามหลวงรักษาสัญญาและรักเพื่อนพ้องจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจเพราะกลัวจะไม่มีใครมาช่วยเหลือเพื่อน ๆ ของตนเอง แต่และแล้วก็ถึงเวลาที่อีกชีวิตหนึ่งต้องมาดับสูญไปท่ามกลางความงุนงง และ ความโศกเศร้าเสียใจของคนที่อยู่รอบข้าง

        ชีวิตที่ มีความตั้งใจที่จะยุติชีวิตเร่ร่อนไร้บ้านและเตรียมตัวจะกลับบ้าน กลับถิ่นฐานของเธอ แต่ก็ ไม่สามารถทำฝันนั้นให้เป็นจริงได้ ชีวิตที่ตรากตรำมานานกว่า 6 ปี กับชีวิตระหกระเหินเร่ร่อนตามที่ต่าง ๆ จนมาเร่ร่อนในที่สุดท้าย ในช่วง 4  สุดท้าย ก็ มีอันต้องถึงกาลมาถึงสถานีสุดท้ายย้อนไปเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เนียน ติดตามอิสรชน เข้าสู่ที่พักเพื่อเตรียมตัวจะเข้ารับการช่วยเหลือในด้านการส่งตัวกลับ แต่ระหว่างที่ พักอยู่ได้ 3 วัน 2 คืน เนียน มีอาการเกิดภาพหลอนและหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ไม่หลับไม่นอน 2 คืนเต็ม ๆ จน บ่ายของวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เนียน ก็ หลบหายจาก ที่พักของอิสรชน มาทราบอีกที ตอน หัวค่ำ ว่า เนียน เสียชีวิต แล้ว ที่ใกล้ ๆ สนามหลวง ??อิสรชน ได้ประสานงานกับโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อติดตามญาติที่อยู่ต่างจังหวัด และก็โชคดี ที่ ญาติทราบข่าว และเร่งรีบเข้ามาที่ กทม. เพื่อดำเนินการจัดการศพตามประเพณีอย่างเร่งด่วน สวดและเผาภายในครึ่งวัน จัดการ เก็บเถ้ากระดูกกลับไปยัง บ้านเกิดในช่วงเย็นของวันที 10 กุมภาพันธ์ โดยที่ ญาติ ๆ มากัน 4-5 คน พร้อมกับ พา ลูกสาววัย 2 ขวบเศษ กลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัดด้วยอิสรชนเอง ก็ ได้แต่ อึ้ง ปนยินดี ที่ ท้ายที่สุด เนียน ก็ ได้กลับสู่อ้อมอกญาติพี่น้อง และ ลูกสาวก็ได้กลับไปอยู่ในความดูแลของญาติของเนียน แม้ว่า การกลับสู่ครอบครัวครั้งนี้ จะเป็นในรูปแบบของ การเสียชีวิต ก็ตามที แต่ เนียน ก็ยังได้ชื่อว่า ตายในสภาพของคนที่มีญาติ ตามหาญาติมา ดำเนินการพิธีศพได้ ตามประเพณี ภาพสะท้อนครั้งนี้ อิสรชน ยังคงจะต้อง ทำงานกับครอบครัวเร่ร่อนไร้บ้านต่อไป และยังคงต้องบอกสังคมไห้หันมาเกื้อกูลคน ให้ มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันต่อไป ยังหยุดไม่ได้ ตราบใดที่ สังคมเรา ยังแบ่งคนด้วยกายภาพ มากกว่าจิตใจ 

                เนียน คือ ครูสนามหลวงคนหนึ่งที่ให้ลูกศิษย์หลายหลากมาเรียนรู้ชีวิต และเมื่อลูกศิษย์ มาเรียนรู้ชีวิตเนียน เนียนจะไม่เมาต่อหน้าลูกศิษย์และให้เกรียติลูกศิษย์ทุกคน และวันสุดท้ายที่ก่อนเนียนจะจากไป ยังมีลูกศิษย์มากมายมาส่งเนียนกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเด็กสตรีวัดระฆังสิบกว่าคน นักศึกษาปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ นักข่าวสาว ที่มาส่งเนียนขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน และการจากไปของเนียนสร้างความเศร้าใจให้ลูกศิษย์ทุกคนที่ได้รับข่าวการจากไปของเธอ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯที่มาเรียนรู้ชีวิตเนียนก่อนที่จะไปเรียนต่อที่เชียงใหม่

          และวันนี้ถึงเนียนจะมีเพียงกระดูก อิสรชนก็ขอไว้อาลัยไว้ ณ ที่นี้  และสิ่งที่อิสรชนจะจดจำไว้คือ ความมีน้ำใจ ความห่วงใย ที่เนียนมีให้กับอิสรชนตลอดมา เนียนคือเจ้าแม่สนามหลวงที่อยู่ใจของหลาย ๆ คน เสมอ

หมายเลขบันทึก: 174511เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2008 10:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท