แม้หลายคนจะเป็นคนปักษ์ใต้ และแม้คนทั่วไปจะรู้จักว่าข้าวยำเป็นอาหารปักษ์ใต้ อีกทั้งขนมจีนสูตรน้ำยาปักษ์ใต้มีรสชาดเป็นที่รู้จักกันทั่วไป... แต่ผู้เขียนค่อนข้างมั่นใจว่า หลายคนน่าจะไม่รู้ว่า ขนมจีนกับข้าวยำสามารถนำมาผสมกันในจานเดียวและทานรวมกันไปได้...
เมื่อเป็นเด็กยังเรียนประถมต้นนั้น ผู้เขียนอยู่โรงเรียนวัดคูขุด ซึ่งในวัดจะมีตลาดนัดทุกเช้าวันอังคารและวันศุกร์ (ปัจจุบันก็ยังมี วัน เวลา และสถานที่เดิม)... โยมแม่จะไปขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ตลาดนัด ดังนั้น คราวใดที่เป็นวันนัด (วันนัด คือ วันที่มีตลาดนัด) หลังจากผู้เขียนอาบน้ำแต่งชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้ว ก็จะไปที่โยมแม่ในนัด (นัด คือ ตลาดนัด) เพื่อขอตังแม่ไปกิน หนมจีน (ขนมจีน) กับข้าวยำ ที่ร้านป้าพัว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่โยมแม่ขายผ้า...
พอไปถึงก็สั่งข้าวยำกับหนมจีน ๑ ชาม ราคา ๕๐ สตางค์... ป้าพัวก็จะใส่ส่วนผสมข้าวยำลงในจานทั้งหมด ซึ่งมี ข้าว ๑-๒ ช้อน มะพร้าวคั้ว กุ้งแห้งตำละเอียด และส้ม พร้อมผักอีกนิดหน่อย ต่อจากนั้นก็ราดน้ำเคยข้าวยำลงไป... เมื่อข้าวยำครบสูตรแล้ว ป้าพัวก็จะหยิบเส้นขนมจีนมานิดหน่อย วางทับในจานข้าวยำ แล้วก็ราดน้ำแกงหนมจีนลงไป เติมผักหนมจีนให้อีกนิดหน่อย แล้วก็ส่งมาให้ผู้เขียน...
เมื่อได้จานข้าวยำหนมจีนมาแล้ว ผู้เขียนก็นั่งขัดสมาดเรียบร้อย (ยุึคนั้น ร้านขายข้าวยำหนมจีน ยังคงนั่งพื้นกระดานปูเสื่อ... ยกเว้นร้านก๋วยเตียว จะมีโต๊ะให้นั่ง) ใกล้ๆ ก็มีถาดหมวดหนมจีนอยู่ ๒-๓ ถาด (ผัก ภาษาปักษ์ใต้เรียก หมวด เช่น ผักกินกับขนมจีนก็เรียกว่า หมวดหนมจีน... หรือผักกิันกับข้าวยำก็เรียกว่า หมวดข้าวยำ) ซึ่งลูกค้าก็จะยกไปวางที่ใกล้ๆ หรือส่งกันไปมาตามความพอใจ พอผักใกล้ๆ จะหมด ป้าพัวก็จะเอามาเพิ่มอีก...
หมวดข้าวยำ ตอนผู้เขียนเล็กๆ จะเจอแต่ใบยอหรือใบชะพลูหั่นละเอียดเป็นพื้น บางครั้งก็อาจมีเกษรดอกลำภูผสมมาบ้าง (ชายทะเลริมทะเลสาบสงขลาตอนใน จะมีต้นลำภูปลูกอยู่ทั่วไป ซึ่งดอกลำภูใช้เป็นผักเหนาะได้)... ส่วน ส้ม ที่ใส่ในข้าวยำนั้น มักจะเป็นลูกขามสด (ฝักมะขามสด) หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ บางๆ หรือไม่ก็เป็นลูกปริงสด (ผลมะปริงสด) ผ่าซีก เป็นต้น... ขณะที่ หมวดหนมจีน ในสมัยนั้น จะเป็นเม็ตสะตอเบา ปลีกล้วย ยอดหัวครก (ใบอ่อนของมะม่วงหิมพานต์) หรือถั่วฝักยาวเป็นพื้น โดยทั้งหมดนี้จะหั่นละเอียดแล้วก็กองไว้ในถาด หรือบางครั้งแต่ละถาดก็แยกชนิดของผักตามสมควร...
หนมจีนข้าวยำ หรือข้าวยำหนมจีน จะมีคนนิยมสั่งมาทานกันมากในยุคนั้น... และเมื่อครอบครัวผู้เขียนย้ายมาอยู่ในตัวจังหวัดสงขลา (บ้านนอกเข้าเมือง) ผู้เขียนก็ไม่ค่อยจะเห็นว่า ข้าวยำกับหนมจีนจะขายคู่กัน และไม่ค่อยมีใครอ้างถึงข้าวยำหนมจีนว่ากินผสมกันได้ เหมือนคูขุดหรือสทิงพระบ้านเกิด... ผู้เขียนจึงคิดว่า สูตรนี้ น่าจะนิยมกินกันเฉพาะท้องถิ่นบ้านเกิดของผู้เขียนเท่านั้น
อีกอย่างหนึ่ง เฉพาะหมวดหนมจีนนี้ เมื่อมาอยู่ในเมือง จึงรู้ว่า ผักเหนาะ (ผักที่กินสดๆ) ที่กินกับหนมจีนนั้น มิได้มีเพียง ปลีกล้วย ยอดหัวครก ดอกลำภู ถั่วฝักยาว หรือเม็ดสะตอเบาเท่านั้น... ผักบุ้ง ถั่วงอก แตงกวา หรือผักอื่นๆ ก็เป็นผักเหนาะกินกับหนมจีนได้... แต่ที่แปลกไปก็คือ หมวดหนมจีนที่หั่นหรือซอยละเอียดนั้น นอกจากท้องถิ่นบ้านเกิดแล้ว ที่อื่นๆ ผู้เขียนไม่ค่อยจะเห็น...
อนึ่ง เมื่อ ๔-๕ ปีก่อน มีการฉลองศาลาในป่าช้าบ้านแหลมวัง ซึ่งคณาญาติของผู้เขียนได้ทำหนมจีนข้าวยำไปเลื้องพระ-เณรด้วย... ญาติผู้ใหญ่ของผู้เขียนก็บอกว่า ให้ฉันข้าวยำหนมจีนบ้าง เพราะแม่เฒ่าชอบกิน (แม่เฒ่า คือแม่ของแม่ ภาคกลางเรียกว่า ยาย)... ผู้เขียนก็มานึกว่า ลางทีอุปนิสัยชอบกินข้าวยำหนมจีนทำนองนี้ ผู้เขียนอาจเลียนแบบมาจากแม่เฒ่า หรือแม่เฒ่าเป็นคนหัดให้ผู้เขียนกินเป็นคนแรกก็ได้ (เมื่อก่อนแม่เฒ่าจะขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป พอท่านถึงแก่กรรม โยมแม่ก็รับช่วงต่อมา...)
...........
สาเหตุที่ได้เขียนเล่าเรื่องนี้ในวันนี้ เพราะเมื่อเช้าผู้เขียนบิณฑบาตได้ขนมจีน ๑ ถุง และข้าวยำ ๑ ถุง จึงคิดว่า โอกาสดีเลยวันนี้ ฉันข้าวยำหนมจีน ไม่ได้ฉันนานแล้ว... ด้วยว่า บางครั้งมีขนมจีน แต่ไม่มีข้าวยำ หรือมีแต่ข้าวยำ แต่ไม่มีขนมจีน ดังนั้น หนมจีนข้าวยำ สูตรนี้จึงเกิดไม่ได้ ถ้ามีเพียงอย่างเดียว...
ใครที่ไม่เคยลองสูตรนี้ เชิญลองดูได้ตามอัธยาศัย เพราะไม่สงวนลิขสิทธิ์ ไม่ได้จดสิทธิบัตร อีกทั้งเครื่องหมายการค้าก็ไม่มี เนื่องจากเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือเป็นวิถีชาวบ้าน...