คำนำ
รายงานการวิจัยเรื่องความสามารถการอ่านเร็วและความเข้าใจในการอของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเร็วในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ และเพื่อศึกษาความเข้าใจในการอ่าน
จับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓
การอ่านเร็วเป็นทักษะที่ควรฝึกให้แก่นักเรียนทุกระดับชั้น ทักษะที่เกิดขึ้นจะติดตัวไปกระทั่งถึงเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา และต่อไปตลอดชีวิต เมื่อมีทักษะแล้วก็จะสามารถนำไปใช้ในการอ่านเพื่อแสวงหาความรู้และความบันเทิงได้อย่างสะดวก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ครูมักจะสนใจว่านักเรียนของตนอ่านเข้าใจเพียงใด อ่านได้ความว่าอย่างไรมากกว่าที่จะสนใจว่านักเรียนอ่านได้เร็วเพียงใด การอ่านเร็วมีหลายแบบจำแนกได้ตามจุดมุ่งหมายในการอ่าน เช่น การอ่านเพื่อจับประเด็นสำคัญของเรื่อง การอ่านเร็วนี้โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา ได้ฝึกฝนให้นักเรียนอ่านจับใจความสำคัญและทดสอบการอ่านเร็ว นำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อเสนอผลงานวิจัย อันเป็นแนวทางการพัฒนาการอ่านของนักเรียนโรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา เพราะการอ่านเร็วเป็นทักษะที่ใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน
ผู้วิจัยใคร่ขอขอบพระคุณ รศ.บรรเทา กิตติศักดิ์ ที่ให้คำปรึกษาแนะนำการวิจัย
ทำให้งานวิจัยสำเร็จด้วยดี หวังว่ารายงานการวิจัยเรื่องความสามารถการอ่านเร็วและความเข้าใจ ในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรานี้ จักเป็นประโยชน์แก่ครู อาจารย์ และผู้สนใจที่จะใช้เป็นแนวทางในการวิจัยต่อไป
(นางลักษณา สังฆมาศ)
ผู้วิจัย
บทคัดย่อ
ความสามารถการอ่านเร็วและความเข้าใจในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเร็วในการอ่าน และเพื่อศึกษา ความเข้าใจในการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ การอ่านเร็วเป็นทักษะ ที่เกิดขึ้นและจะติดตัวไปกระทั่งถึงเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา และต่อไปตลอดชีวิต เมื่อมีทักษะแล้วก็จะสามารถนำไปใช้ในการอ่านเพื่อแสวงหาความรู้และความบันเทิงได้อย่างสะดวก กลุ่มประชากร ที่ใช้ศึกษานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ จำนวนทั้งสิ้น ๔๖๒ คน แยกเป็นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จำนวน ๒๐๖ คน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ จำนวน ๑๓๕ คน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน ๑๒๑ คน
ขอบเขตของการวิจัยครั้งนี้จะวิจัยเกี่ยวกับ ความเข้าใจการการอ่านเฉพาะการเก็บใจความสำคัญและสามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง ความเร็วในการอ่านในใจ จากแบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น การวิจัยครั้งนี้จะวิจัยกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา เขตบางเขน กรุงเทพฯ เครื่องมือในการวิจัยใช้แบบทดสอบอ่านเร็ว เรื่องกระดานดำ จากสารภาษาไทย ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๑ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๔๕ การเก็บข้อมูล ให้นักเรียนทำแบบทดสอบโดยอ่านเรื่อง และบันทึกเวลาในการอ่าน จากนั้นจึงตอบคำถามในเรื่อง ตรวจให้คะแนน จากตรางที่ ๑ พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๒ มีผลการอ่านเร็วสูงสุดค่าเฉลี่ย ๕๘ คำ/นาที และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๓ มีผลการอ่านเร็วต่ำสุดค่าเฉลี่ย ๓๒ คำ/นาที นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒/๓ มีผลการอ่านเร็วสูงสุดค่าเฉลี่ย ๖๓ คำ/นาที และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒/๒ มีผลการอ่านเร็วต่ำสุดค่าเฉลี่ย ๔๐ คำ/นาที นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ มีผลการอ่านเร็วสูงสุดค่าเฉลี่ย ๖๘ คำ/นาที และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๒ มีผลการอ่านเร็วต่ำสุดค่าเฉลี่ย ๓๙ คำ/นาที จากตารางที่ ๒ พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑ มีความสามารถอ่านจับใจความสำคัญ X ๔.๖๗ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒/๑ มีความสามารถอ่านจับใจความสำคัญ X ๘.๐๙ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๓/๓ มีความสามารถอ่านจับใจความสำคัญ X ๙.๒๙ จากตารางที่ ๓ พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑ , ม.๒/๑, ม.๓/๓ มีความสามารถในการอ่านเร็ว และมีความสามารถอ่าน จับใจความสำคัญดีกว่าทุกระดับ จากตารางที่ ๔ พบว่านักเรียนที่มีความสามารถในการอ่านเร็วสูงสุดได้แก่ นักเรียนชั้น ม. ๑/๑ มีจำนวนร้อยละ ๔๐.๓๘ รองลงมาชั้น ม.๑/๒ มีจำนวนร้อยละ ๓๕.๒๙ นักเรียน ชั้น ม. ๒/๒ มีจำนวนร้อยละ ๗๕.๖๐ รองลงมาชั้น ม.๒/๓ มีจำนวนร้อยละ ๖๘.๖๒ นักเรียนชั้น ม. ๓/๑ มีจำนวนร้อยละ ๘๕.๓๗ รองลงมาชั้น ม.๓/๓ มีจำนวนร้อยละ ๗๓.๘๐ จากตารางที่ ๕ พบว่า นักเรียนที่มีความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจสูงสุดและตำสุด ดังนี้ นักเรียนชั้น ม. ๑/๑ มีจำนวนร้อยละ ๘๐.๗๗ ต่ำสุดชั้นม.๑/๓ มีจำนวนร้อยละ ๖๘.๒๓
นักเรียน ชั้น ม. ๒/๒ มีจำนวนร้อยละ ๙๒.๖๘ ต่ำสุดชั้น ม.๒/๑ มีจำนวนร้อยละ ๓๙.๕๓ นักเรียนชั้น ม. ๓/๑ มีจำนวนร้อยละ ๘๗.๘๐ ต่ำสุดชั้น ม.๓/๒ มีจำนวนร้อยละ ๕๐.๐๐
จากตารางวิเคราะห์ผลพบว่าความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ อยู่ในเกณฑ์ต่ำ แต่นักเรียนมีความสามารถในการอ่านและความเร็วในการอ่านสูงมีจำนวนมาก
บทที่ ๑
บทนำ
ความสำคัญของปัญหา
การอ่านเป็นทักษะที่สำคัญในการเรียนการสอนทุกระดับชั้น เพราะเกี่ยวข้องกับวิชาอื่น ๆ ในหลักสูตร และเป็นพื้นฐานของการเรียนวิชาต่าง ๆ เด็กที่อ่านได้ดี คือ สามารถอ่านได้เร็วและเข้าใจเรื่องที่อ่านอย่างถูกต้อง ย่อมช่วยให้การเรียนวิชาอื่น ๆ ดีด้วย การอ่านที่ดีและมีประสิทธิภาพจะต้องคำนึงถึงความเร็วในการอ่านและความเข้าใจในการอ่านด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้ สนิท ตั้งทวี (2526 : 104) ได้เสนอความคิดเห็นว่า “ผู้ที่อ่านได้รวดเร็วและสามารถจับใจความจากข้อความ หรือเรื่องที่อ่านได้ย่อมได้คุณประโยชน์อย่างยิ่งในการแสวงหาความรู้ในเวลาจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ยังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ”
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา เป็นนักเรียนที่จะต้องมีความสามารถในอ่านในใจ และมีความเร็วในการอ่านพอสมควร และต้องได้รับการฝึกฝน (สมถวิล วิเศษสมบัติ ๒๕๒๘ ) เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ผู้ที่มีอัตราเร็วในการอ่านสูงย่อมแสวงหาความรู้และการศึกษาเล่าเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่นักเรียนจะอ่านได้เร็วขึ้นนั้นต้องได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับเรื่องนี้
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
๑. เพื่อศึกษาความเร็วในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓
โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา
๒. เพื่อศึกษาความสามารถความเข้าใจการอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา
ขอบเขตของการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้จะวิจัยเกี่ยวกับ
๑. ความเข้าใจการการอ่านเฉพาะการเก็บใจความสำคัญและสามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง
๒. ความเร็วในการอ่านในใจ จากแบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
๓. การวิจัยครั้งนี้จะวิจัยกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓
โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา เขตบางเขน กรุงเทพฯ
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
๑. ทราบความเร็วในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ เพื่อพัฒนาความเร็วของนักเรียนเป็นรายบุคคล
๒. ทราบความสามารถในการอ่านเพื่อเก็บความเข้าใจ เพื่อพัฒนาความเข้าใจในการอ่านของนักเรียน
นิยามศัพท์
อัตราเร็วในการอ่าน หมายถึง
จำนวนนาทีที่ใช้ในการอ่านเนื้อเรื่องจากแบบฝึกหัด
หรือแบบทดสอบตามจำนวนคำที่กำหนดไว้
อัตราเร็วในการอ่านคิดเป็นจำนวนคำต่อนาที
ความเข้าใจในการอ่าน
หมายถึง
การอ่านที่สามารถตอบคำถามจากแบบฝึกหัดหรือแบบทดสอบ
วัดอัตราเร็วในการอ่านได้ถูกต้องคิดเป็นร้อยละ
การฝึกอ่านเร็ววิธีง่ายๆคือกำหนดปริมาณหนังสือที่จะอ่านไว้ล่วงหน้าเช่น กำหนดครั้งละ ๕ หน้า เมื่อเริ่มต้นอ่านให้ลงมือจับเวลาดูทุกครั้งว่าตั้งแต่หน้าต้นจนจบกินเวลากี่นาที ทำเช่นนี้เรื่อยๆ ไปจนเห็นว่าเวลาที่ใช้ในการอ่านแต่ละหน้านั้นลดน้อยลงทุกที
ขณะที่อ่านควรฝึกสายตาให้กวาดไปตามตัวหนังสืออย่างรวดเร็วอย่าอ่านทีละคำๆ ควรฝึกนิสัยใหม่เป็นอ่านทีละประโยคๆหรืออ่านทีละกลุ่มของคำจะทำให้การอ่านเร็วขึ้น
เมื่ออ่านจบแล้ว ลองทดสอบความเข้าใจในการอ่านทุกครั้งเช่น ลองถามตนเองว่าเรื่องนั้น เป็นเรื่องที่กล่าวถึงอะไรมีสาระสำคัญอะไรบ้างลองจดคำตอบใส่กระดาษแล้วเปิดหนังสือดู เพื่อเปรียบเทียบภายหลังก็ได้พยายามสำรวจข้อบกพร่องทุกครั้งว