ทุกวันนี้ เวลาไปฟังเรื่องการศึกษา เรามักจะได้ยินคำว่า coaching มาแทนที่คำว่า teaching กันอยู่เสมอๆ
และเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมานี้
คุณทนง (ประธานกรรมการบริหารโรงเรียนเพลินพัฒนา)
ได้มอบหนังสือมาเล่มหนึ่งให้อ่านและให้ลองหากระบวนการที่จะนำมาพัฒนานักเรียนของเรา
่อ่านไปได้ไม่เท่าไร อดไม่ได้ที่จะขอนำมาเล่าสู่กันฟัง
เพราะอะไร ลองหาคำตอบกันเองเองนะคะ
สรุปจากหนังสือ GROW ME : Coaching for Schools by Ng Pak tee
(เป็นหนังสือที่แสดงถึงแนวทางการเรียนการสอนในสิงคโปร์ ประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ของการจัดลำดับคุณภาพนักเรียนไม่ว่าจะเป็นการจัดโดยสำนักใดก็ตาม)
(เฉพาะตอนต้นของหนังสือ)
การมี Coach ดี สร้างความแตกต่างระหว่างการมีผลงานแบบงั้นๆ กับการมีผลงานชั้นดี
Coaching คือการเข้าใจพฤติกรรมของคนแต่ละคน เพื่อที่จะบอกได้ว่า
แต่ละคนจะมีส่วนทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร
Coaching ทำให้คนเปลี่ยนแปลงโดยเติบโตทั้งการงานและตัวตน
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะยั่งยืนได้ก็ต้อง
มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง Coach กับ Learner เกิดขึ้นไปบนการเรียนรู้ด้วย
ผู้นำในอนาคตต้องเป็น Coach ที่ดี
การสร้างความสัมพันธ์กับลูกทีมเป็นพื้นฐานของ
ความไว้วางใจและความนับถือซึ่งกันและกัน
นักการศึกษาต้องบริหารปรัชญาให้ออกมาเป็นการปฏิบัติให้ได้ในบริบทของโรงเรียน
แนวคิด Coaching มีมากมาย ไม่ใช่หยิบอะไรมาก็ได้ แต่ต้องทำความเข้าใจและปรับมาใช้ให้เหมาะกับโรงเรียน
Coaching คือการปลดปล่อยศักยภาพของคนๆหนึ่ง
โดยการมองหาความเป็นไปได้ในอนาคต ไม่ใช่มองความล้มเหลวในอดีต
Coach และ Learner ต้องเติบโตไปด้วยกัน
Coaching ต้องช่วยให้เกิดการกระบวนการ ดังนี้
• Goal = G ตั้งเป้าหมาย
• Reality = R วิเคราะห์สถานการณ์
• Option = O มองหาวิธีที่เป็นไปได้
• What’s Next or Will = W กำหนดแผนดำเนินการ
• Monitoring = M ตรวจสอบความก้าวหน้า
• Evaluation = E ทบทวนการเรียนรู้และผลงาน
Coaching คือการทำให้ผู้เรียนได้เห็นจุดอ่อนของตนเอง ด้วยตนเอง ผ่านการชักชวนให้มองโลกด้วยมุมมองที่หลากหลาย
การเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลง ต้องอาศัยวินัยและความอดทน
ซึ่ง Coach ต้องช่วยให้ผู้เรียนมองเห็นความก้าวหน้าของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป
ความแตกต่างระหว่าง Coach แบบ GROW ME กับ Coach แบบดั้งเดิม
Coach ที่เรามักจะพบเห็นในภาพยนต์ มักมีลักษณะดังต่อไปนี้
Coach จะใช้คำพูดยากๆ ฟังดูมีภูมิปัญญา
ไม่มีคำอธิบายว่าทำไมจึงต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้
Coach มีหน้าที่ “สอน” และกำหนด “วิธีการ” ส่วนผู้เรียนมีหน้าที่ “ตาม”
เมื่อผู้เรียนอ่อนล้า และเริ่มท้อถอย ก็จะใช้วิธีการจูงใจด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผู้เรียนรู้สึกผิด ละอาย และหมดความภาคภูมิใจ
สุดท้ายผลที่ได้เหมือนๆ กันหมด คือ ผู้เรียนถูกบดขยี้ด้วยรถบดถนนที่ปูลาดไปสู่ “ความสำเร็จ”
เมื่อเราหันมามองในโลกของความเป็นจริง
Coach ตามธรรมเนียมทั่วไป จะเป็นผู้บอกว่าผู้เรียนจะต้อง “ทำอะไร” และ “ทำอย่างไร”
ผู้เรียนมีหน้าที่ “ทำ” เป็นอันจบ
แต่ Coach แบบ GROW ME คือ ผู้พัฒนา เป็นผู้ช่วยให้ผู้เรียนไปให้ถึงเป้าหมายของผู้เรียนเอง
Coach แบบ GROW ME คือ ผู้ร่วมมือกันในการไปให้ถึงสิ่งที่ผู้เรียนมุ่งมั่นปรารถนา
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่าง Coach กับ ผู้เรียน คือการเป็น “หุ้นส่วน”
ของกันและกัน เพราะเป็นพื้นฐานของความไว้วางใจและนับถือซึ่งกันและกัน
(ในขณะที่ Coach แบบเดิมจะเข้มงวดกับการออกคำสั่งให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด)
ปรัชญาของการเป็น Coach ที่ทันสมัย คือ การพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นระหว่าง Coach และผู้เรียน
และสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี คือ การรับฟัง และการตั้งคำถามที่ดี
ไม่มีความเห็น