ว่าด้วยทางเดินเรือในลำแม่น้ำ
มาตรา 52
ในเขตท่ากรุงเทพฯ นั้น ให้มีทางเดินเรือสองสาย ดังนี้
คือ
(1) สายตะวันออก เรียกว่าสายใหญ่
สายนี้มีเขตโดยกว้างตั้งแต่เรือกำปั่นที่ทอดอยู่กลางแม่น้ำ
จนถึงฝั่งตะวันออก หรือถึงแคมเรือกำปั่น
หรือแพคนอยู่ที่จอดเทียบฝั่งตะวันออก
(2) สายตะวันตก สายนี้มีเขตโดยกว้าง
ตั้งแต่เรือกำปั่นที่ทอดอยู่กลางแม่น้ำ จนถึงฝั่งตะวันตก
หรือถึงแคมเรือกำปั่น
หรือแพคนอยู่ที่จอดเทียบฝั่งตะวันตก
มาตรา 52ทวิ
(2) เมื่อมีเหตุจำเป็นเพื่อความปลอดภัยแก่การเดินเรือ
ให้เจ้าท่ามีอำนาจประกาศกำหนดทางเดินเรือและควบคุมการเดินเรือในเขตท่ากรุงเทพฯ
และในแม่น้ำลำคลองเป็นการเฉพาะคราวได้
(3)
นายเรือหรือผู้ที่ควบคุมเรือผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศกำหนดทางเดินเรือหรือ
ประกาศควบคุมการเดินเรือตามวรรคหนึ่ง
ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าร้อยบาทถึงห้าพันบาท
และให้เจ้าท่ามีอำนาจสั่งยึดประกาศนียบัตรควบคุม
เรือมีกำหนดไม่เกินหกเดือน
นายเรือหรือผู้ที่ควบคุมเรือที่ถูกยึดประกาศนียบัตรควบคุมเรือตามวรรคสองมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ทราบคำสั่งคำชี้ขาดของรัฐมนตรีเป็นที่สุด
แต่ในระหว่างที่รัฐมนตรียังมิได้ชี้ขาด
คำสั่งนั้นมีผลบังคับได้
มาตรา 52ตรี
(1)
นายเรือหรือผู้ที่ควบคุมเรือซึ่งถูกยึดประกาศนียบัตรควบคุมเรือผู้ใดปฏิบัติ
หน้าที่ในระหว่างที่ประกาศนียบัตรควบคุมเรือถูกยึดตาม
มาตรา
52ทวิ วรรคสอง
ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
มาตรา 53
แนวลำแม่น้ำทั้งสองฟากภายในระยะสามสิบเมตรห่างจากฝั่งหรือจากแคมเรือ
กำปั่นที่จอดผูกเทียบฝั่งหรือจากแพคนอยู่ที่จอดผูกเทียบฝั่งนั้น
ให้หวงห้ามไว้สำหรับเป็นทางเดินเรือเล็กห้ามมิให้เรือกำปั่นใช้แนวนั้นเป็นอันขาด
นอกจากเป็นเวลาจำเป็นเพื่อป้องกันมิให้เรือโดนกัน
หรือเพื่อกลับหรือเคลื่อนเรือจากที่จอด
มาตรา 54 (2)
นายเรือหรือผู้ที่ควบคุมเรือผู้ใดฝ่าฝืน
มาตรา 53 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้า
ร้อยบาทถึงห้าพันบาทว่าด้วยทางเรือเดินสายตะวันออกหรือสายใหญ่
มาตรา 55
เรือกำปั่นไฟทุกขนาด(นอกจากที่ว่าไว้ใน
มาตรา 58 และเรือกำปั่นใบทุก ๆ
อย่างที่มีขนาดเกินกว่าห้าสิบตัน
เมื่อขึ้นล่องในลำแม่น้ำต้องเดินในทางเรือเดินสายตะวันออก
เว้นไว้แต่เมื่อมีเหตุจำเป็น เรือเพื่อจะเข้าจอดหรือออกจากท่าหรือฝั่ง
จึงเดินนอกสายนั้นได้และบรรดาเรือที่ว่ามานี้
ต้องเดินโดยช้าที่สุดที่พอสมควรแก่การเดินเรืออย่างระวัง
และเพื่อป้องกันอันตรายแก่เรือ
และอันตรายที่อาจเกิดจากละลอกคลื่นของเรือนั้น
มาตรา 56 (3)
นายเรือหรือผู้ที่ควบคุมเรือผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 55
ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าร้อยบาทถึงห้าพันบาทว่าด้วยทางเรือเดินสายตะวันตก
มาตรา 57
บรรดาเรือใบขนาดต่ำกว่าห้าสิบตัน
และเรือทุกอย่างนอกจากได้กล่าวไว้ใน มาตรา
55 นั้น ต้องเดินในทางเดิน
เรือสายตะวันตก
มาตรา 58 (4)
บรรดาเรือกำปั่นไฟที่จูงเรืออื่นที่มีขนาดต่ำกว่าสามสิบห้าตันเกินกว่าลำ
หนึ่งขึ้นไป
ต้องเดินในทางเดินเรือสายตะวันตกห้ามมิให้เรือกำปั่นไฟลำใดจูงเรือกำปั่นหรือเรืออย่างอื่นในเขตท่ากรุงเทพฯ
มากลำจนเกินกว่ากำลังของเรือกำปั่นไฟลำนั้นจะจูงไปได้ระยะทางชั่วโมงละสองไมล์เป็นอย่างน้อย
และห้ามมิให้เรือกำปั่นไฟลำใดที่จูงเรืออยู่นั้นเดินไปโดยระยะทางเกินกว่าชั่วโมงละหกไมล์ในเวลา
ทวนน้ำ หรือเดินเร็วกว่าชั่วโมงละสี่ไมล์ในเวลาตามน้ำ
ห้ามเป็นอันขาดมิให้จูงเรือเล็กเกินกว่าคราวละสามสิบสองลำเป็นอย่างมาก
และห้ามมิให้เรือที่ถูกจูงนั้นผูกเทียบซ้อนลำกันเกินกว่าตับละสี่ลำ
มาตรา 59
ในเวลาที่กำลังจะโยงหรือผูกเรือบรรทุกเข้ากับสายโยงนั้น
ห้ามมิให้เรือไฟลาก
หรือเรือไฟเล็กที่เป็นเรือจูงนั้นแล่นรออยู่ในสายทางเรือเดินเป็นอันขาด
ถ้าจะใช้สายทางเรือเดินในการจูง
เรือจูงเหล่านั้นต้องแล่นอยู่เสมอให้ได้ระยะทางไม่น้อยกว่าชั่วโมง
ละสองไมล์
มาตรา 60 (5)
นายเรือหรือผู้ที่ควบคุมเรือผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 57
มาตรา 58 หรือ
มาตรา 59
ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าร้อยบาทถึงห้าพันบาทว่าด้วยส่วนของทางเรือเดินทั้งสองสายที่หวงไว้สำหรับให้เรือเล็กเดิน
มาตรา 61
เรือเล็กทั้งหลาย เดินในทางเรือเดินได้ทั้งสองสาย
มาตรา 62
นอกจากมีเหตุจำเป็น หรือเพื่อจะข้ามฟากไปจอดที่ท่าหรือที่ฝั่ง
บรรดาเรือเล็กต้องเดินอยู่ในแนวน้ำ ในระหว่างระยะสามสิบเมตร จากฝั่ง
หรือจากเรือกำปั่นที่จอดเทียบ
ฝั่งหรือจากแพคนอยู่ที่ผูกจอดกับฝั่งแม่น้ำ
มาตรา 63
เรือบรรทุกข้าวต้องเดินได้แต่ในแนวน้ำที่กำหนดไว้สำหรับเป็นทางเดินของ
เรือเล็กในทางเรือเดินสายตะวันตก
และห้ามมิให้ไปเดินในทางเรือเดินสายตะวันออก
ในตอนหนึ่งตอนใดเป็นอันขาด
มาตรา 64
เมื่อมีเหตุจำเป็น หรือเพื่อจะข้ามฟากไปจอดที่ท่าหรือที่ฝั่ง
และเรือบรรทุกเข้าหรือเรือเล็กจะต้องทำนอกเหนือที่บังคับไว้ใน
มาตรา 62 และ 63 ฉะนั้น
ก็ให้ทำโดยความระวังทุกอย่างที่จะมิให้เป็นการกีดขวางแก่การเดินเรือได้
มาตรา 65
ห้ามมิให้เรือบรรทุกเข้าหรือเรือเล็กผ่านหน้าเรือกำปั่นไฟที่กำลังแล่นขึ้นหรือล่อง
ในลำแม่น้ำนั้นใกล้กว่าระยะร้อยเมตร
และถ้าจะข้ามฟากไปยังท่าหรือโรงสีห้ามมิให้ตัดข้ามเหนือแห่งที่จะไปนั้นเกินกว่าที่ควร
มาตรา 66
บรรดาเรือยนต์ที่ยาวไม่เกินกว่าหกเมตรนั้น
ยอมให้เดินได้ในแนวลำแม่น้ำทั้งสองสายที่
กำหนดไว้สำหรับให้เรือเล็กเดิน
แต่ถ้าจะเดินห่างจากฝั่งภายในระยะสามสิบเมตร
ต้องเดินโดยช้าที่สุดพอสมควรแก่การควรระวังเหตุใน การเดินเรือ
และการควรระวัง
มิให้เป็นเหตุอันตรายแก่เรือเล็กที่ใช้กรรเชียงหรือแจวพาย
มาตรา 67 (1)
นายเรือหรือผู้ที่ควบคุมเรือผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 62
มาตรา 63
มาตรา 64
มาตรา 65 หรือ
มาตรา 66
ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าร้อยบาทถึงห้า พันบาท (ฆ)
ว่าด้วยทางคลองต่าง ๆ
มาตรา 68 (2)
ในแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ นอกเขตท่า
บรรดาเรือที่เดินตามน้ำให้เดินกลาง แม่น้ำหรือลำคลอง
เรือที่เดินทวนน้ำให้เดินแอบฝั่ง
ถ้าไม่สามารถจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังว่ามานี้
ให้เดินกลางร่องน้ำและให้ปฏิบัติตามข้อบังคับการเดินเรือแห่งท้องถิ่น
ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อควบคุมการเดินเรือ ในลำแม่น้ำหรือคลองนั้น ๆ
ด้วยให้เจ้าท่าหรือข้าหลวงประจำจังหวัดในท้องถิ่นที่ไม่มีเจ้าท่า
มีอำนาจออกข้อบังคับควบคุมการ เดินเรือในแม่น้ำและลำคลองใด ๆ
ซึ่งอยู่ในเขตท้องถิ่นของตนได้ ข้อบังคับนั้น
เมื่อได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่
และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา 69 (3)
นายเรือหรือผู้ที่ควบคุมเรือผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 68 หรือข้อบังคับที่ออกตาม
มาตรา 68
ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าร้อยบาทถึงห้าพันบาท
ที่มา www.kodmhai.com
ไม่มีความเห็น