คุณไม่คิดว่า นิสัยการกินของคุณส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากมาย
จากงานวิจัยของชาวญี่ปุ่น พบว่าตลอดทั้งกระบวนการตั้งแต่เลี้ยงวัวในฟาร์ม จนถึงแล่
เนื้อมาทำอาหารหนึ่งกิโลกรัมนั้น จะก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกและมลพิษอื่นๆ มากกว่า
การขับรถนาน 3 ชั่วโมง มากกว่าคุณลืมเปิดไฟทั้งบ้านทิ้งไว้ซะอีก
เพราะว่า เวลาเราเลี้ยงวัวควายในฟาร์มนั้น นอกจากทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกแล้ว
ยังมีก๊าซมีเทน พลังงานที่จำเป็นในการเลี้ยงปศุสัตว์นั้นก็เทียบเท่าการเปิดไฟ 100 วัตต์ทิ้งไว้นาน
เกือบ 20 วัน ซึ่งจะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ประมาณ 50 กิโลกรัม มีงานวิจัยก่อนหน้านี้ของ
นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนบอกว่า การกินผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยกรรมวิธีธรรมชาติจะทำให้ผลดีกว่า
85 % เพราะวัวกินหญ้า แทนที่จะกินอาหารเสริมสกัด แต่ก็ยังมีก๊าซมีเทนเป็นปัญหาอยู่ดี เพราะมาจาก
ระบบย่อยของวัวนั่นเอง เกร็ดความรู้ดีๆ ที่นำมาฝากครับ
ดีนะเนี่ยที่ไม่กินเนื้อวัว
ขอบคุณสำหรับเกร็ดความรู้ดีๆค่ะ
หากเป็นเนื้อนานๆ จะทานซักครั้ง แต่หากมาในรูปแบบลูกชิ้นล่ะก็มักจะไม่ค่อยพลาดเมื่อเดินผ่านตะแกรงปิ้งลูกชิ้นของแม่ค้าในตลาด อ่านแล้วคงต้องเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่แล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่นำมาฝาก
สวัสดีจ้า...
เนื้อวัว..เมื่อก่อน ก็ทานบ้างนะคะ
แต่พักหลังมาเนี่ย แทบจะไม่ทานเลย เพราะรู้สึกว่า กลิ่นมันแร้ง-แรง
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ ^0^
แวะมาทักทายค่ะ...555....เฮ้อ..โล่งอกไปไม่กินเนื้อวัวเลย....อิอิ..โชคดีไปไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม...(แย้วก้อจะไม่กินต่อไป..หุหุ)...ขอบคุณข้อมูลที่ทำให้รู้ว่าเราคนหนึ่งที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทางอ้อม...สวัสดี!
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นนะครับ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง
จะหามาฝากเรื่อยๆครับ
ไม่ทานเนื้อวัว มา สี่ ปีแล้ว ตอนนี้ได้กลิ่นเหม็นมากๆ
ขอบคุณ คุณภัควัฒน์นะค่ะที่นำสาระดีๆ มาฝากค่ะ
ขอบคุณที่นำเสนอสิ่งดีๆค่ะ
สงสัยจะได้เปลี่ยนพฤติกรรมซะแล้วเรา
สวัสดีครับ คุณครู