ตามปกติที่พบเห็นส่วนใหญ่ในโรงเรียน ผู้ที่มีหน้าที่เรียนรู้หลักๆก็เป็นหน้าที่ของนักเรียน ที่เรียนตามระบบและก็รู้ตามที่ครูสอน ครูก็มีหน้าที่สอนๆๆๆ ตามตำราที่มีให้ แต่ที่เพลินพัฒนานั้นบุคลากรทุกคนที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนก็จะกลายเป็นนักเรียนรู้โดยทั่วกัน
นักเรียนมีหน้าที่เรียนอยู่แล้ว แต่จะพิเศษก็คือการเรียนที่นี่นักเรียนจะเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง เรียนรู้เป็นทีม เรียนเสร็จแล้วร่วมกันสังเคราะห์บทเรียนกลั่นออกมาเป็นความรู้เรียกว่าเรียนแล้วสามารถสร้างความรู้ใหม่ขึ้นมาได้
ครูที่เราพบเห็นทั่วไปมีหน้าที่สอนตามตำรา แต่ที่เพลินพัฒนาไม่ใช่ครับ ครูจะต้องสร้างแผนการเรียนรู้เอง ภายใต้แนวคิดหลักของการออกแบบ หน่วยวิชา ซึ่งครูจะต้องพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้ที่มีความรู้ใหม่ๆ รู้ลึกรู้จริงในวิชาที่สอน ที่สำคัญคือนอกจากจะพัฒนาตนเองแล้ว ครูของที่นี่ยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แม้จะอยู่คนละช่วงชั้นก็สามารถแลกเปลี่ยนความรู้กันได้ ที่สุดยอดก็คือ แม้จะเป็นความรู้ต่างช่วงชั้นกัน แต่สามารถนำความรู้นั้นมาประยุคให้เหมาะกับกลุ่มนักเรียนตามช่วงชั้นได้อย่างลงตัว ความรู้ของครูที่นี่จึงมีแต่การพัฒนาต่อยอดกันไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ผู้ปกครองนักเรียน เท่าที่ผมได้สัมภาษณ์ผู้ปกครองของนักเรียน ผมมีความรู้สึกว่าผู้ปกครองจะให้ความร่วมมือกับโรงเรียนอย่างมาก ส่วนใหญ่พอใจกับผลการเรียนของลูก เท่าทีสังเกตเห็นจะมีกลุ่มผู้ปกครองจับกลุ่มคุยกัน หรือเดินผ่านก็ทักทายกันอย่างสนิทสนม ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนนี้จะต้องมีโอกาสปฏิสัมพันธ์ กันบ่อยๆ การปฏิสัมพันธ์นั้นผมเชื่อว่าต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างแน่นอน
จึงพอสรุปได้ว่า การเรียนการสอนของโรงเรียนเพลินพัฒนา มีวงแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นหลายวง คือ เรียนรู้ของเด็กนักเรียนและครูผู้สอนในช่วงชั้นด้วยกัน แล้วยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างช่วงชั้นอีกด้วย วิธีการเช่นนี้ ทำให้เด็กนักเรียนเก่งขึ้น และครูก็เก่งขึ้นด้วย และยังเป็นการพัฒนาต่อยอดขยายความรู้ จากช่วงชั้นหนึ่งไปอีกช่วงชั้นหนึ่ง ท้ายที่สุดยังมีวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ปกครองกับผู้ปกครอง และผู้ปกครองกับครู การจัดการเรียนรู้ของเพลินพัฒนา จึงเป็นลักษณะของชุมชน ที่มีการเรียนรู้อย่างไม่มีวันจบสิ้น....
ดีใจและยินดีด้วย ที่มีโรงเรียนดีๆอย่างนี้นะคะ