แผนที่วัฒนธรรม:เครื่องมือสร้างความสัมพันธ์ชายแดน


ความต่างวัฒนธรรม จะมุ่งใช้คุณค่าอย่างไรให้เกิดประโยชน์
วันนี้ผมได้เข้าร่วมกับสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท  ของมหาวิทยาลัยมหิดลที่ ศาลายา  งานนี้มีบล็อกเกอร์คนหนึ่งเป็นผู้จัดคือ  รศ.ดร.โสภนา  ศรีจำปา ผู้อำนวยการสถาบันฯ
ซึ่งเป็นเรื่องปกติสังคมไทยที่เริ่มจากพิธีกรรมในการเปิดงาน  งานนี้มี รมต.กระทรวงวัฒนธรรมมาเปิด  ผมมักจะเรียกพิธีกรรมอย่างนี้ว่า  กิจกรรมไร้สาระ  เพราะเราจะทำก่อนตอนแรก  เมื่อพวกไร้สาระจบพิธีกรรม  ก็จะไปพร้อมกับองคาพยพ  หายไปด้วยเหลือแต่พวกที่จะเอาสาระนั่งอยู่ต่อไปอีก
ผมนั่งนึกอยู่นานว่าชื่ออะไรหนอ อันนี้งงมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนแล้วว่า  เขาอุตส่าห์ ค้นหา รมต.ที่ไม่อยู่ในสารบบงานนั้นมาทำงาน  เห็นหน้า รมต.ผมก็ยังนึกไม่ออก  เปิดเว็บกระทรวงวัฒนธรรม  จึงเห็นชื่อ คุณอนุสรณ์  วงค์วรรณ 
ผมมักจะเรียกพิธีกรรมเปิดงานอย่างนี้ว่า  กิจกรรมไร้สาระ  เพราะเราจะทำก่อนเริ่มงานในตอนแรก  เมื่อพวกไร้สาระจบพิธีกรรมก็จะไปพร้อมกับองคาพยพ  หายไปด้วยเหลือแต่พวกที่จะเอาสาระนั่งอยู่ต่อไปอีก เห็นสังคมไทยเป็นอย่างนี้ซะส่วนใหญ่  แล้วก็เป็นไปตามคาด 
ความน่าสนใจในสาระวันนี้อยู่ที่ว่า ๑)  มีการเปิดตัวเว็บไซด์ แผนที่วัฒนธรรมฯ http://www.mapculture.org  ๒)  ปาฐกถาเรื่อง "วัฒนธรรม:เครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ"  โดย ดร.นิติภูมิ  นวรัตน์  และ รศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ทั้งสองท่านเป็น ผอ.สถาบันเอเชียศึกษา  ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชันและจุฬาลงกรณ์ตามลำดับ
สาระที่นำเสนอนั้นได้เสนอว่า  จากการที่เราอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้าน  ประเทศรอบบ้านเรานั้นเขาไม่ค่อยไว้ใจเรา  เพราะเราก็ไม่เข้าใจเขา  บางทีดาราก็ไปพูดกระทบดูถูกเขา  บางทีพวกตลกก็เอาชีวิตเขามาเล่าเป็นตลก  เช่นเขาเคยเชิญนายกฯไทยที่ไปเยี่ยมเยียนได้ออกมารำตามประเพณี  กลับบอกว่ารำไม่เป็น  กะอีแค่รำทำไม่ได้ก็เลิกกัน  พอให้ดูดอุร่วมกัน  ก็บอกกินเหล้าไม่เป็นอีก(แหมอย่างนี้ให้เฮฮาศาสตร์ไปต้องอย่างน้อยสามอุแน่)  เราก็ปฏิเสธอีกว่ากินเหล้าไม่เป็น  อันนี้ต้องบอกว่าเป็นประเพณีเชิงวัฒนธรรมแต่เรากลับไม่ค่อยคิดและสนใจ  ก็ไม่ทราบว่าเป็นนายกฯคนไหนไม่ได้บอกไว้
ปัจจุบันเราช่วยสร้างสะพานและถนนในกัมพูชา  แต่เราก็ไม่สนใจประเพณีและวัฒนธรรมเขาจะไปกันก็ไปแค่บ่อน  ค้าขายบ้าง  แต่มาเลเซียกับสิงคโปร์นั้นรุกทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมมาก  มากกว่าไทยเสียอีก  เขาใช้การศึกษาเป็นตัวนำทางวัฒนธรรม  ให้ทุนเด็กมาเรียนที่สิงคโปร์และมาเลเซียอย่างมาก  รัสเซียก็มาลงทุนมากเป็นหมื่นล้าน  อันนี้เช่นเดียวกับกรณีประเทศติมอร์ครับ  เพราะทหารไทยไปช่วยจนสงบในสมัยที่ ผบ.กองกำลังเป็นทหารไทย  พอจบเรากลับมาทิ้งเขาเลย  ออสเตเลีย  สิงคโปร์  เข้าไปจัดการหากินทางเศรษฐกิจหมด  ทหารไทยกลับมาไม่นานก็มีปัญหาอีกอย่างที่เห็นในข่าวนี่คือตัวอย่าง

Dsc02942

อยากเสนอให้ศึกษาวัฒนธรรมเชิงประกิต  ศึกษาเชิงลึกถึงระบบกล่อมเกลาสังคมของเขา  เช่นในกระทรวงกลาโหมเรามีคนรู้ภาษาพม่าเพียงสองคนเท่านั้น  ทำหน้าที่ล่าม  วิทยากรบอกว่าคนเอาแต่ส่งลูกหลานไปเรียนมหาวิทยาลัยดังๆที่อังกฤษและอเมริกา  กลับมาพูดกับคนไม่รู้เรื่อง  พวกนี้ไม่เข้าใจโลกเลย  ต้องปรับเปลี่ยนมิติทางการศึกษาใหม่ให้เป็นตัวนำ  เราต้องหาคนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยร่างกุ้ง  มหาวิทยาลัยกัมพูชา  มหาวิทยาลัยเวียตนามตั้งแต่ปริญญาตรี โทเลย  เหมือนในอดีตที่มีคนหลายคนส่งลูกไปเรียนที่สิงคโปร์  จนเขาทิ้งไปลิบลับ  อนาคตก็ระวังเวียตนาม  กับพม่าก็แล้วกัน
ประเทศมหาอำนาจ จีน  รัสเซีย  กระทรวงวัฒนธรรมจะยิ่งใหญ่มาก  ประเทศไทยกลับไม่สนใจไปอยู่อันดับท้ายๆ  เมื่อปี 2538 มีหนังสือ Megatrend Asia บอกคนเอเชียจะยิ่งใหญ่ด้วยการขายคุณค่าทางวัฒนธรรมของประเทศ  แต่น่าแปลกใจเรากลับทำลายวัฒนธรรมเก่าๆหมด สองภูมิภาคคือเหนือและอิสานที่ผมเคยไปทำงานมาสิบกว่าปี  มาบัดนี้ของดีถูกทำลายแทบสูญสิ้น  สิ้นคิดจริงๆครับพี่ไทยเรา
ขอหยุดดื่มกาแฟก่อนครับ

 

หมายเลขบันทึก: 170657เขียนเมื่อ 13 มีนาคม 2008 11:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)
  • ตามมาดู
  • ผมยังเห็นว่าแถบเอเซียบ้านเรา
  • ยังมีอะไรที่น่าสนใจ
  • วัฒนธรรมดีๆเก่าๆน่าศึกษา
  • ว่าแต่ไปใต้เย็นวันนี้ใช่ไหม
  • เมื่อเช้ามี บรึ้ม
  • น้องเอกอยู่ยะลาใช่ไหม
  • พี่เอกก็ระวังบ้างนะครับ

สวัสดีค่ะ อ.ลุงเอก

จากประสบการณ์ที่มีบ้านเกิดติดอยู่กัยแนวชายแดน แถมยังมีเพื่อนเป็นกลุ่มคนที่พูดภาษาไทยไม่ชัด ทำให้หนูมองเ็ห็นว่า การที่เราจะอยู่ร่วมกันนั้น สิ่งหนึ่งทีจำเป็นอย่างยิ่งคือ การยอมรับในวิถีชีวิตของเขา และมองข้ามบางความแตกต่างทางวัฒนธรรม อาทิ

การที่ชาวเขาพูดไม่ชัด ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาพูดไม่รู้เรื่อง

บางทีถ้ามองให้ดี เค้าสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีกว่าเราเสียอีก เพราะภาษาของเขาไม่มีเสียงตัวสะกด หรือfinal sound อีกทั้งยังพูดเร็วๆ ห้วนๆ ถ้าเค้าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เราอาจไม่คิดว่าเค้าเป็นชาวเขาด้วยซ้ำ อิอิ

หนูว่า การที่เราจะอยู่ร่วมกันได้นั้น เครื่องมือที่ควรสร้างคือ  ทัศนคติในการยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม และ ดึงจุดดีของวัฒนธรรมนั้นให้เด่นชัด มองข้ามและไม่หยิบยกจุดด้อยมาเป็นประเด็น คิดเสียว่า ไม่มีวัฒนธรรมไหน สมบูรณ์แบบ แล้วไม่นานเราก็จะมองไม่เห็นความแตกต่างทางวัฒนธรรม และอยู่ร่วมกันได้อย่างสมานฉันท์

*****************
ภาษาพม่าก็เป็นอีกหนึ่งภาษาที่น่าเรียนรู้นะคะ หนูก็กำลังจะไปลองสอบดูที่มหิดลเช่นกัน ถ้าติด หนูคงมีเรื่องราวมาขอความคิดเห้นจากอ.ลุงเอกอีกเยอะเลยล่ะคะ

 

 

  • วัยรุ่นไทยมองว่า อัตลักษณ์/เอกลักษณ์ ของไทยเป็นเรื่อง อัปลักษณ์ ก็เลยชื่นชม เอกลักษณ์ของชาติอื่น เช่น   อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ ความจริงคนเกาหลี กับคนกะเหรี่ยง ก็หน้าตาคล้ายๆ กันนะครับ อิๆ
  • ตอนนี้สังคมไทยเริ่มจะกลายเป็นสังคมไร้รากแก้ว (ทางวัฒนธรรม) ถ้าเป็นต้นไม้ ก็เป็น ต้นไม้ประเภทพืชล้มลุก (เพราะไม่มีรากแก้ว) ล้มลุกคลุกคลาน กันต่อไปจนกว่า จะมีคนมาตัดแต่งพันธุกรรมให้มีรากแก้วนะครับ
  • สวัสดีครับแวะมาอ่านครั้งแรกครับ

สวัสดีครับ  ขออนุญาต ลปรร ด้วยครับ

ผมว่าส่วนหนึ่งที่เรากับประเทศเพื่อนบ้านต่างก็ไม่ไว้ใจกัน  อาจจะมาจากข้อมูลทางตำราประวัติศาสตร์ที่เราเรียนกันมาก็ได้ครับ

ลุงเอกครับ โดนใจแท้ๆ

มีเรื่องจริงเล่ากันมานานแล้วว่า..มีนักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งไปทำวิจัยเรื่องชาวบ้านภาคอีสานเข้าใจพุทธศาสนาแค่ไหน จึงออกแบบสอบถามไปถามพ่อใหญ่ แม่ใหญ่

นักศึกษา: พ่อใหญ่ครับ  พ่อใหญ่รู้จักคำว่าเมตตาไหมครับ  พ่อใหญ่ช่วยอธิบายให้ผมหน่อย ว่ามันเป็นอย่างไร..

พ่อใหญ่: งง อยู่สักพักก็พูดอะไรไม่เป็นภาษาทางวิชาการ..แต่ระหว่างนั้นพ่อใหญ่ก็ตะโกนบอกให้ลูกสาวเอาน้ำเอาท่ามาให้แขกดื่มกินหน่อย...ในที่สุดพ่อใหญ่ตอบไม่ได้ในความหมายที่เป็นภาษาวิชาการ

นักศึกษา: งั้นเอาใหม่ พ่อใหญ่...รู้จักคำว่ากรุณาไหม..ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยครับ...

พ่อใหญ่: ก็ตอบไม่ได้ และตะโกนบอกให้ลูกเตรียมอาหารกลางวันเลี้ยงนักศึกษานั่น

 

นักศึกษากลับไปแบบหัวเสีย  แล้วสรุปงานว่าพ่อใหญ่ ไม่เข้าใจพุทธศาสนาอย่างแท้จริง แต่ปฏิบัติตามกันมา...

 

คนที่ไม่เข้าใจหลักธรรมเชิงปฏิบัติทางศาสนาแล้วไปทำวิจัยเรื่องศาสนามันก็ไม่ได้เรื่อง  ผิดไปหมด ศาสนาของชาวบ้านไม่ใช่สิ่งท่องบ่น ตอบคำถาม อธิบายออกมาเป็นภาษาพูดอย่างที่คนชั้นกลางเขาปฏิบัติกัน  แต่เขาปฏิบัติในสาระธรรมนั้นๆจนเป็นวิถี เป็นวัฒนธรรมไปแล้ว  ก็ที่พ่อใหญ่เอาน้ำมาให้ เอาข้าวมาให้ดื่มให้กินนั้นน่ะ อะไรเล่า...?

นี่คือความต่างของวัฒนธรรมในความหมายของนักศึกษากับชาวบ้าน 

หากคนภายนอกไม่เห็นมิตินี้แล้วก็จะเห็นชาวบ้าน ชาวชนบทเป็นผู้ด้อย ผู้ขาดแคลนไปหมดสิ้น 

อนิจจา..แม่ยาจืด..

คนไทยไม่น้อย ที่เชื่อที่ว่าประเทศไทยยังไม่เป็นประเทศที่พัฒนา รวมทั้งการประกอบกับการปลูกฝังให้ประชาชนคนไทย ใฝ่ฝันถึงความเป็นศิวิไลซ์ ของชาติตะวันตก

นำมาซึ่งการเลียนแบบพฤติกรรมการบริโภค และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยละเลยรากอารยธรรมดั้งเดิมที่มีคุณค่าของตนเองมากเกินไปค่ะ

เราคิดว่า ชนบทคือความล้าสมัย 

ซึ่งจริงๆแล้ว "วัฒนธรรม" ของไทย สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการ "พัฒนา" ที่ยั่งยืน และสร้างคุณค่าได้อย่างมหาศาลนะคะ

Pหนูหัวใจติดปีก

ลุงเอกเคยทำงานชายแดนมาสิบกว่าปีทั้งภาคเหนือและอิสาน  เจอคนที่พูดไทยไม่ชัดเป็นสุนทรีย์จริงๆครับ   วันนี้เจอคุณจารุวัธ  มหาวิทยาลัยอิสลาม  ยะลา  ท่านบอกว่ามหาวิทยาลัยท่านเรียนกันสี่ภาษา  อาหรับ  อังกฤษ  ไทย  ยาวี  เวลาประชุมสนุกมากพูดได้ทุกภาษาเลย   เราต้องยอมรับวิถีใครวิถีมัน  อย่าดึงดันแต่วิถีกูร่วมร่ำไป  ต้องลดอติลงยอมรับในวิถีชีวิตของเขา ความแตกต่างคือความสุนทรีย์

ยินดีที่จะเรียนภาษาพม่าครับน่าสนใจ  หนูลองไปสอบดูที่มหิดลขอเอาใจช่วย  มีปัญหามาปรึกษาได้ครับ

 

P

พี่ศศินันท์ครับ ผมว่าความศิวิไลซ์ ของชาตินั้นดีแต่ต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริง

ประเทศอื่นเขาถูกรุกรานทางวัฒนธรรม  แต่เรากลับมุ่งแต่ทำลายวัฒนธรรมดีๆของตนเองคิดว่า ชนบทคือความล้าสมัยอย่างที่พี่ว่า  ผมว่าเป็นความสวยงามมิฉนั้นคนยุโรปคงไม่อยากมาอยู่อิสานเป็นหมื่นๆคนใช่ใหมครับ 

 

ท่านบางทรายครับ

ความเมตตากรุณาของชาวอิสาน  กลายเป็นวิถีชีวิตของเหล่าชาวอิสานชนบท  เรียกอีกอย่างว่าจารีตประเพณีครับ 

นักวิชาการคงต้องทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้

วิถีธรรมคือวิถีพุทธ  วิถีมนุษย์คือธรรมชาติ  

คุณค่าอยู่ที่ธรรมชาติ  ทุกวันนี้ชีวิตมันเพี๊ยนไปหมดกลายเป็น

วิถีทุกข์คือวิถีมนุษย์พัฒนา

วิถีบ้าคือทิ้งถิ่นครับ

P สวัสดีขจิต  ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ
P สวัสดีหลานกวินทรากร  เดี๋ยวนีวัยรุ่นไทยตัดผมแต่งหน้าเป็นเกาหลีไปหมด  เห็นด้วยสังคมไทยไร้รากครับ  ไม่นานคงล้มโค่นลงมา

Pอาจารย์ครับเรื่องสอนประวัติศาสตร์นี่พูดกันมานมนาน  ยังไม่เห็นทำเป็นรูปธรรมสักที

Pอาจารย์ครับเรื่องสอนประวัติศาสตร์นี่พูดกันมานมนาน  ยังไม่เห็นทำเป็นรูปธรรมสักที

P

 อ้อยควั้น

สวัสดีค่ะ...ลุงเอก

  • อยากบอกว่าดีใจมากค่ะ...ที่ได้รู้จักตัวจริงเสียงจริงของลุงเอก ตัวจริงน่ารักมาก อิอิ
  • สายใยแห่งมิตรภาพของ G2K ไปได้ทั่วถึงจริง ๆ นะค่ะ
  • รมต. รมว. บางกระทรวงนี่ บอกตามตรงเอามานั่งในตำแหน่ง ไม่ตรงกับสาขากันเลย  ไอ้ที่ตรงสาขากับไม่เอามานั่งเสียนี่
  • แล้วเค้าจะบริหารกระทรวงได้ดีหรือนี่ ยกเว้นบางคนนะค่ะ ถ้าเค้าขยันศึกษา หมั่นเรียนรู้ และทำเพื่อประชาชนจริง ๆ
  • อยากรู้จริง...อนาคตเมืองไทยจะเป็นเช่นไร...
  • จะดีหรือจะแย่...
  • ทุกวันนี้ประชาชนตาดำ ๆ สับสนจะแย่ อิอิ

 

 

%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%81 

     พักผ่อนบ้างเจ้าค่ะ....ดื่มกาแฟก่อนเจ้าค่ะ คิคิ

P

  หลานอ้อยควั้น ลุงเอกก็ดีใจที่ได้เจอตัวจริง  หลังลุงเอกมาปรากฎมีระเบิดเกิดขึ้น  ระวังตัวด้วยครับ

ถ้าลุงเอก เป็น รมว.เกษตร จะไปตรวจเยี่ยมบ่อยๆครับ

P ลูกจิเอ๊ย
ลุงขอขอบคุณกาแฟถ้วยนี้

%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%81 

     อร่อยจริงๆ ฮิฮิ ขอบคุณในไมตรีนะจ๊ะ

สวัสดีค๊ะคุณลุง  เป็นงัยบ้างคะ   สบายดีนะคะนานจังเลยคะที่ไม่ได้เข้ามาบ้านหลังนี้  หน้าตาเปลี่ยนไปเยอะเลยคะจำแทบจะไม่ได้ ประมาณลืมเลยหละคะว่าทำยังงัย  สงสัยต้องลื้อฟื้นความจำซะหน่อยคะ  แถบเครื่องมือหน้าจอเปลี่ยนไปหมดเลยคะ  แล้วยังงี้ครูโอ้จะทำเขียนบล๊อกg2k ได้บ่หน๊อ ......คุณลุง

สวัสดีค๊ะคุณลุง  เป็นงัยบ้างคะ   สบายดีนะคะนานจังเลยคะที่ไม่ได้เข้ามาบ้านหลังนี้  หน้าตาเปลี่ยนไปเยอะเลยคะจำแทบจะไม่ได้ ประมาณลืมเลยหละคะว่าทำยังงัย  สงสัยต้องลื้อฟื้นความจำซะหน่อยคะ  แถบเครื่องมือหน้าจอเปลี่ยนไปหมดเลยคะ  แล้วยังงี้ครูโอ้จะทำเขียนบล๊อกg2k ได้บ่หน๊อ ......คุณลุง

Pถ้าเป็นลูกศิษย์ต้องถูกลงโทษแล้ว  จากหายไปนานการบ้านไม่มี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท