หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ตดติดไฟ


เรื่องของตด เป็นเรื่องขำๆที่เล่าเร้าพลัง ทำให้เกิดความรู้สึกได้หลายอย่าง ขำปนโกรธบ้าง อายบ้างต่างๆนาๆ เป็นเรื่องธรรมดา และหลายคนก็อยากตดไม่เหม็น

การเขียนบันทึกวันนี้ เช้าเป็นพิเศษ เพื่อต้อนรับวันแห่งประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง  วันแห่งการเลือกส.ว.ภายใต้กฎหมายใหม่หนึ่งฉบับ

 

เมื่อวานนี้ 5ส. เอกสารที่เลือกเก็บบทความมาไว้อ่านเกี่ยวกับอาหารที่มักจะต้องให้คำแนะนำคนไข้เบาหวาน  ก็ไปเจอบทความที่กล่าวถึง ผลของการกินถั่วและน้ำตาลกับกลิ่นตด  วันนี้วันพิเศษ เลยนำมา ลปรร. ซะเลย

 

  • เชื่อไหมว่า คนที่ตดบ่อยที่สุดในโลก ตดให้ก๊าซตั้ง 8 ลิตรต่อวัน  อย่างนี้ก็สามารถนำไปอัดถังเป็นก๊าซหุงต้มได้ซิ  ก็ในตดประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจน และ มีเธนนี่นา    ส่วนคนปกติตดให้ก๊าซพอบรรจุในลูกโป่งได้ 1 ลูก   หญิงให้ลมตดได้น้อยกว่าชาย เพราะสรีรตัวเล็กกว่า  

 

  • อาหารที่กินแล้วตดมาก  มีถั่ว บร็อคโคลี  กะหล่ำ  อาหารไขมันและน้ำมัน  จะไม่ให้ตดบ่อยให้กินถั่ว บร็อคโคลี กะหล่ำไม่เกิน 25 กรัม/วัน

 

  • การกินขิง peppermintหรืออบเชย  กำมะถัน ช่วยลดก๊าซ แต่ไม่ช่วยลดความเหม็น

 

  • เรื่องที่เคยสร้างกระแสเรื่อง ตดติดไฟได้ คือ รัฐมนตรีเกาหลีใต้คนหนึ่ง แกเรียบเรียงหนังสือเรื่อง Does a Fart Cath Fire?  ขึ้นเพื่อให้เด็กเกาหลีใต้หันมาสนใจวิทยาศาสตร์

 

  • คนที่ตดบ่อยที่สุดในโลก ตดวันละ 34 ครั้ง  คนปกติตดวันละ 10 ครั้ง  หญิงกับชายมีสิทธิตดบ่อยได้เท่าๆกัน การตดบ่อยหรือไม่บ่อยขึ้นกับอาหารที่กิน  

 

  • กลิ่นเหม็นในตดเกิดจากสาร 3 ตัว คือ ก๊าซไข่เน่า  methanethiol และ dimethyl sulphide  ฉะนั้น สวยไม่สวย สาวไม่สาว หญิงหรือชาย มีสิทธิตดเหม็นเท่ากัน 

 

  • อาหารที่ทำให้ตดบ่อย คือ อาหารที่มีสาร Sorbitol  อาหารค้างคืนที่นำมาอุ่นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

  • อาหารที่มี alpha-galactoside ทำให้ตดเหม็น   พบอยู่ในถั่ว  มีวิธีต้มถั่วให้กินแล้วตดไม่เหม็น แต่วิธีนี้ทำแล้ว  ถั่วหมดอร่อย หมดรสชาด  จึงต้องเลือกเอา จะกินถั่วอร่อย หรือ จะตดไม่เหม็น

 

 2 มีนาคม 2551

 

หมายเลขบันทึก: 168573เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2008 01:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 01:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ

  • ครูอ้อย ชอบจังค่ะ บันทึกนี้ อ่านแล้วมีความสุข
  • ครูอ้อยเคยเขียน เรื่องราวเกี่ยวกับ ตด นี้ นี่ไง.....เสียงครวญในช่องแคบ
  • แล้วเมื่อวันที่ผ่านมาสัปดาห์ที่แล้ว  ครูอ้อยก็สอนนักเรียน  เรื่อง ตดของศรีธนญชัย  ตดเลี้ยงทหารพระเจ้ากรุง...ไม่กล่าวถึงนะคะ
  • นักเรียนสนุกมาก  ครูอ้อยได้อ่านบันทึกนี้  ก็จะไปเล่าต่อแบบมีอ้างอิงค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ...เอิ๊กเอิ๊ก

  • สวัสดีค่ะ ครูอ้อย
  • การยิ้ม การหัวเราะ ให้ผลสร้างสุขภาพอย่างหนึ่งค่ะ
  • หมอเลยเอามาฝากเพื่อช่วยกันสร้างสุขภาพ
  • ดีค่ะ ดี  มาช่วยกันสร้างรอยยิ้มค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สนุกจังค่ะ  เล่าเรื่องลมๆได้น่ารักจังค่ะ

สวัสดีค่ะ

คุณหมอเจ๊เล่าเรื่อง ลมจากช่องแคบ ได้น่ารักและชัดเจนมากค่ะ

ที่บ้านไม่เรียกว่า ตด แต่ เรียกว่า ติ๊งต๊อง ค่ะ...

อิ อิ ... ตดดีต้องมีเสียงและกลิ่นที่สุภาพค่ะ

มีคนเล่าว่า ผู้หญิงคนหนึ่งตดเสียงดังมาก แรงมาก และเหม็นมาก เวลาตดทีไรกระโปรงจะพองลมทุกครั้ง แฟนก็เลยแนะนำให้ไปหาหมอ

พบหมอเล่าให้ฟังว่า ตัวเองตดเบาๆเสียงก็ไม่ดัง กลิ่นก็ไม่มี แต่สามีอุปาทาน และให้มาหาหมอ

หมอบอกว่าไหนลองตดให้ดูหน่อย

หญิงคนนั้นตดป๊าด....กระโปรงเผยอ หมอนั่งสะบัดหัว..โอแม่เจ้า....ทั้งกลิ่นทั้งเสียง เอางี้ หมอจัดยาให้อีก ๑๕ วันมาหาหมออีกครั้ง

ครบ ๑๕ วัน หญิงคนดังกล่าวมาหาหมออีกครั้ง หมอก็ให้ทดลองตดอีก..

คราวนี้เธอบอกว่า คุณหมอขา ยาของคุณหมอมีปัญหาแล้วละค่ะ แต่ก่อนหนูตดไม่ดัง พอกินยาของหมอเข้าไป ตอนนี้หนูรู้สึกว่าตดเสียงดังกว่าเดิมค่ะคุณหมอ

คุณหมอก็เลยบอกว่า เอาละ..หูใช้ได้แล้ว เหลือแต่จมูก.....แตแร่ม แตแร่มๆๆ

โห เรื่องตดเรื่องเดียว มีรายละเอียดให้ศึกษาเยอะเลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท